บทที่5 จูบ
ตกเย็นในวันเดียวกันหลังจากที่สนทนากับน้องสาวอยู่สักพักแทนไทก็ตัดสินใจเดินทางไปหาเพื่อนสนิทของน้องสาวอย่างอลินดาเพื่อถามไถ่ถึงคนรักของน้องสาว เขาคิดว่าอลินดาเป็นเพื่อนที่น้องสาวสนิทด้วยที่สุดเพราะเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันแทบทุกวัน บางครั้งก็อยู่ด้วยกันที่คอนโดจึงน่าจะรู้เรื่องส่วนตัวของน้องสาวแน่นอนดีไม่ดีน้องสาวของเขาอาจจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้วด้วยซ้ำไป เห็นวันนี้ลูกน้องที่เขาให้เฝ้าติดตามน้องสาวก็บอกว่าทั้งสองอยู่ด้วยกัน
@บ้านอลินดา
ก๊อก ก๊อก...
“พี่อลินมีคนมาหา ตอนนี้เขารออยู่ที่ห้องรับแขก”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงพูดของอคินทำให้อลินดาที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงหยุดชะงัก คิ้วสวยขมวดชนกันเล็กน้อยด้วยความแปลกใจว่าใครกันที่มาหาเธอเพราะปกติไม่ค่อยมีใครมาหาเธอถึงที่บ้านหรอก
“เดี๋ยวพี่ลงไป” เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วตะเบ็งเสียงตอบน้องชายไป จากนั้นก็ดีดตัวลงจากเตียงเดินออกจากห้องลงไปยังชั้นล่างของบ้าน
“พี่แทนไท” เท้าเล็กพลันหยุดชะงักกึกครั้นเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกเป็นใคร หัวใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างห้ามไม่ได้เมื่อนึกถึงคำพูดของแฟนสาวที่บอกว่าพี่ชายของเธอโหดมาก อีกใจก็นึกสงสัยว่าเขามาบ้านเธอถูกได้ยังไงกันในเมื่อเขาไม่เคยรู้ หรือไม่เคยมาบ้านเธอเลยสักครั้งแฟนสาวของเธอบอกงั้นเหรอก็ไม่น่าจะใช่
เธอได้แต่เก็บความรู้สึกและคำถามมากมายที่ผุดในสมองไว้ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปทักทายแขกผู้มาเยือนด้วยสีหน้าท่าทางปกติ “พี่แทนไทสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ” แทนไทรับไหว้เพื่อนสนิทของน้องสาวด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ทว่าภายในใจกลับไม่ได้ยิ้มเหมือนที่แสดงออกมาเลย สายตาจ้องมองหน้าร่างบางที่นั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามอย่างพินิศ
“พี่แทนไทมาบ้านอลินถูกได้ยังไงคะ หยกบอกเหรอ” อลินดาเห็นสายตาของมาเฟียหนุ่มที่มองมาแต่เธอก็เลือกจะปล่อยผ่านแล้วถามถึงสิ่งที่กำลังสงสัยอยู่แทน
“หยกไม่ได้บอกหรอก พี่รู้เอง” แทนไทตอบด้วยท่าทีเรียบนิ่งสำหรับเขาแค่เรื่องหาที่อยู่ของใครสักคนมันใช่เรื่องยากเลยไม่ต้องไปถามน้องสาวให้เมื่อยปากเพราะรู้ดีน้องสาวคงไม่บอกแน่ ๆ เขาก็แค่สักให้ลูกน้องแป๊บเดียวก็รู้แล้ว
“แล้วพี่แทนไทมาหาอลินถึงที่บ้านมีธุระอะไรรึเปล่าคะ” อลินดาพอเข้าใจได้ไม่ต้องให้มาเฟียหนุ่มอธิบายเพิ่มเติมเขาเป็นถึงลูกมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลเรื่องหาบ้านคนคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร เธอเลิกสนใจเรื่องที่ถามไปแล้วเริ่มพูดเข้าจุดประสงค์ที่เขามาหาเธอในวันนี้ทันทีทั้ง ๆ ที่พอจะเดาได้ว่าเขามาหาเธอถึงที่บ้านด้วยเรื่องอะไร
“น้องอลินรู้รึเปล่าว่าแฟนหยกเป็นใคร” เมื่อหญิงสาวยิงคำถามตรง ๆ มาเฟียหนุ่มก็ไม่อ้อมค้อมเอ่ยถามไปตรง สายตาก็จับจ้องใบหน้าเรียวตลอดเวลาเพื่อจับปฏิกิริยาของเธอว่ามีพิรุธอะไรหรือเปล่า
ทั้งที่พยายามเตรียมใจในการตอบคำถามแล้ว แต่พอเห็นสายตาดุดันของคนตรงข้ามอลินดาก็อดอึกอักไม่ได้ หัวใจที่เพิ่งสงบนิ่งพลันสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้งจนเธอต้องเลื่อนมือที่วางข้างตัวไปประสานกันบนหน้าตักเพื่อข่มความรู้สึกเอาไว้ ก่อนจะพูดโกหกไป “อลินก็ไม่รู้อะไรมากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าแฟนหยกชื่อฟาตินทำงานอยู่ต่างประเทศแค่นั้นค่ะ”
“แล้วน้องอลินรู้รึเปล่าว่าแฟนหยกเป็นลูกเต้าเหล่าใคร” แทนไทยังคงถามต่อเพราะข้อมูลที่หญิงสาวบอกมามันยังไม่เพียงพอที่เขาจะรู้ได้ว่าแฟนของน้องสาวคือใคร
“ไม่รู้ค่ะ”
“แล้วน้องอลินมีช่องทางติดต่อแฟนหยกหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีค่ะ”
“แล้วน้องอลินรู้ชื่อจริง หรือนามสกุลแฟนหยกไหมครับ”
“ไม่รู้ค่ะ บอกแล้วไงคะว่าอลินไม่ค่อยรู้เรื่องแฟนหยก” อลินดาเริ่มรำคาญที่มาเฟียหนุ่มซักไว้ไม่เลิกจึงเผลอแสดงสีหน้าท่าทางไม่ดีออกไป พอนึกได้ก็รีบปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติ ทว่ามีหรือมาเฟียหนุ่มจะไม่เห็นในเมื่อเขาจับจ้องปฏิกิริยาของเธอตลอดเวลา
เขาเห็นว่าตอนแรกที่เขาถามถึงแฟนโยษิตาหญิงสาวมีอาการเลิ่กลักอย่างเห็นได้ชัดจนต้องเลื่อนมือมาประสานกันบนหน้าตักเพื่อข่มอาการเอาไว้ แล้วแบบนี้หรือที่เธอบอกว่าไม่ค่อยรู้อะไรเขาคิดว่าเธอคงรู้เรื่องราวจากน้องสาวเขาแล้วจึงพยายามช่วยปกปิด
บอกตามตรงว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาก็เริ่มไม่ดีแล้วเหมือนกันกับการตอบคำถามของหญิงสาวที่ถามอะไรไปก็บอกว่าไม่รู้ ๆ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ หนึ่งทีเพื่อสงบจิตใจให้เย็นลง ก่อนกดเสียงเอ่ยออกไปอย่างใจเย็นที่สุดแต่คำพูดที่เปล่งออกไปกับแฝงด้วยความกดดัน “เหรอครับ ไม่ใช่ว่าน้องอลินกำลังช่วยน้องสาวพี่ปกปิดอยู่เหรอ”
คำพูดมาเฟียหนุ่มยิ่งทำให้อลินดาหวั่นใจมากกว่าเดิม แต่เธอก็พยายามเก็บซ่อนอาการเอาไว้ตีหน้าซื่อเอ่ยไปราวกับว่าไม่รู้เรื่องราวอะไร “ทำไมลินต้องช่วยหยกปกปิดด้วยล่ะคะ ลินรู้เท่าที่บอกพี่ไปจริง ๆ หากพี่อยากรู้มากนักทำไมไม่ไปถามเจ้าตัวเองล่ะคะ”
“อย่าทำเป็นไขสืออลิน ฉันรู้ว่าเธอรู้แต่ไม่ยอมบอก” ในที่สุดแทนไทก็หมดความอดทนกับคนตรงหน้า สรรพนามใช้เรียกที่เปลี่ยนไปบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขารู้สึกโมโหมากแค่ไหน เขาอุตส่าห์พยายามปั้นมามาพูดคุยกับเธออย่างเป็นมิตรแต่กลับไม่ได้อะไรเลย
“อลินว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะคะ เชิญพี่กลับไปเถอะ” อลินดาเองก็ไม่ทนเช่นกันตัดปัญหาด้วยการเชิญเขาออกไปจากบ้านแม้มันจะเป็นการกระทำที่เสียมารยาทก็ตาม ว่าจบก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเติมความสูงก่อนจะเดินก้าวเดินออกไป
“อ๊ะ!”
ทว่าก้าวเท้าเดินได้ไม่ทันไรเธอก็ต้องหลุดอุทานออกเมื่อถูกมือของคนที่เธอกำลังเดินหนึจับหมับเข้าที่แขน ก่อนจะถูกดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา
“ฉันยังพูดไม่จบเธอไม่มีสิทธิ์เดินหนี” แทนไทกดเสียงเอ่ยอย่างไม่พอใจ สายตาจ้องมองใบหน้าเรียวเขม็ง ขณะที่มือก็ออกแรงบีบแขนเล็กหนักขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุอยู่ในร่างกาย
“ลินเจ็บปล่อยนะคะ” อลินดาร้องท้วงออกมาด้วยใบหน้าเหยเกพลางพยายามใช้อีกมือแกะมือหนาที่กำลังออกแรงบีบแขนเธอออก แต่ดูเหมือนยิ่งเธอพยายามแกะมือหนาก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบมากขึ้นจนรู้สึกเหมือนกระดูกแขนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ทำไมเขาถึงได้ป่าเถื่อนขนาดนี้กันเพียงเพราะต้องการรู้ว่าแฟนน้องสาวเป็นใครถึงกับต้องทำกันขนาดนี้เชียวหรือช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ตอนแรกเธอก็รู้เฉย ๆ กับเขาแต่ตอนี้บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าเริ่มรู้สึกเกลียดหากไม่ติดว่าจะเป็นการทำลายความรักระหว่างเธอกับคนรักอยากจะตะโกนใส่หน้าเขาเหลือเกินว่าเธอนี่แหละคือแฟนของน้องสาวเขาดูสิเขาจะทำหน้ายังไง
“เจ็บก็บอกทุกอย่างที่เกี่ยวกับแฟนหยกมา แล้วฉันจะปล่อย” แทนไทไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะเจ็บแค่ไหนกดเสียงถามอย่างเยือกเย็น ใบหน้าดุดันจนดูน่ากลัว
“ก็ลินบอกไปหมดแล้วจะให้ลินบอกอะไรอีก พี่ควรปล่อยลินก่อนที่ลินจะตะโกนให้คนในบ้านช่วย” แม้จะรู้เจ็บกับการกระทำของอีกคนมากแค่ไหนแต่อลินดาก็ยังยืนกร้านเสียงแข็งว่าไม่รู้ และไม่ลืมจะพูดขู่ทิ้งท้ายด้วยหวังให้เขาหยุดการกระทำห่าม ๆ นี้
“คำขู่แค่นี้คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ?” แต่เปล่าเลยเขากลับตอบกลับมาอย่างหน้าตาเฉย หนำซ้ำยังออกแรงบีบมากกว่าเดิมทำเอาอลินดาถึงกับน้ำตาคลอเบ้านึกเกลียดอีกคนเข้าไปอีก
ในเมื่อเขากล้าทำขนาดนี้แถมยังอวดเบ่งอำนาจอย่างไม่รู้สึกรู้สสาทั้งที่อยู่ในบ้านเธอแท้ ๆ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเคารพเขาในฐานะพี่ชายของแฟนอีกต่อไป จึงตัดสินใจตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนในบ้าน “ใครอยู่แถวนี้มาชะ..”
ยังไม่ทันจะได้ตะโกนจบประโยคเสียงของอลินดาก็ถูกกลืนหายไปในลำคอเพราะถูกมาเฟียหนุ่มประกบจูบปิดปากเอาไว้ เธอถึงกับเบิกตากว้างช็อคไปชั่วขณะกับสิ่งที่เกิดขึ้นครั้นตั้งสติได้ก็ใช้มือผลักไสอกร่างสูงที่ยืนประชิดตัวพัลวันพลางพาหน้าหนี “อื้อ ๆ อ่อยอั้น”
มาเฟียหนุ่มยอมผละปากออกอย่าง่ายดาย เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะจูบหญิงสาวสักนิดเพียงแต่ตอนที่เธอตะโกนเขาต้องการให้เธอเงียบเสียงเท่านั้นเพราะไม่ต้องการให้ใครกรู่กันมาดูจึงฉวยหน้าเธอมาจูบด้วยคิดหาวิธีไม่ทัน
“คนเลว!” ทันทีที่ปากเป็นอิสระอลินดาก็ก่นด่าร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับง้างมือหมายจะตบหน้าของเขาด้วยความโกรธจัด แต่อีกคนเร็วกว่าเขาดันจับมือเธอได้ก่อนที่จะถึงหน้าเพียงนิดเดียวกลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขาจับมือเธอไว้แทน
“เธอไม่ยอมบอกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าฉันรู้ว่าเธอรวมหัวกับหยกช่วยกันปกปิดเราจะได้เห็นดีกัน” แทนไทกดเสียงเอ่ยอย่างเย็นเยียบพร้อมกับออกแรงบีบข้อมือเล็กแรง ๆ เพื่อเป็นการเตือนว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอจะมาลองดีด้วยได้ จากนั้นก็สะบัดมือออกจากข้อมือเล็กแล้วหันหลังเดินออกจากห้องรับแขกไปทิ้งให้อีกคนยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ
“อ๊ายย! คนเลว” ทันทีที่มาเฟียหนุ่มหายหลังไปอลินดาก็หวีดร้องในลำคอเบา ๆ เพื่อระบายอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในกาย ขณะที่มือก็ถูไถริมฝีปากไปมาแรง ๆ นึกรังเกียจและขยะแขยงสัมผัสจากผู้ชายสารเลวยิ่งนัก
เธอถูไถริมฝีปากไปมาจนแดงเถือก ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นห้องนอนตัวเองแล้วจัดการใช้น้ำยาบ้วนปากล้างปากเพื่อขจัดสัมผัสน่ารังเกียจออกไปให้หมด หากเป็นผู้หญิงที่จูบเธอคงจะไม่รู้สึกขยะแขยงมากขนาดนี้ บอกตามตรงเลยว่านอกจากจูบกับแฟนสาวแล้วเธอก็ไม่เคยจูบกับใครเลยไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันเป็นอะไรที่ช็อคสุด ๆ เพราะนอกจากเธอจะถูกผู้ชายจูบครั้งแรกแล้ว หนำซ้ำผู้ชายที่จูบยังเป็นพี่ชายคนแฟนสาว และเป็นคนที่เธอพูดได้เต็มปากว่าเกลียด
มันเป็นเรื่องเฮงซวยที่สุด…