บทย่อ
เพราะรักที่ไม่เหมาะสมทำให้เธอต้องจบสัมพันธ์กับแฟนสาว ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังต้องแต่งงานกับพี่ชายของอดีตแฟนสาวอีก
บทที่1 อลินดา
ภายในห้องนอนใหญ่ของคอนโดหรูแห่งหนึ่งเผยให้เห็น ‘อลิน หรืออลินดา’ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยคมกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงคิงไซส์ ก่อนเธอจะค่อย ๆ ลืมตาตื่นในวินาทีต่อมาด้วยอาการมึนงงเล็กน้อย เนื่องจากว่าเมื่อคืนเธอนอนดึกไปเสียหน่อย แต่ทว่าเช้าวันนี้ดันมีนัดกับใครบางคนเอาไว้ที่ร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมือง นั่นจึงทำให้เธอจำเป็นที่จะต้องตื่นเร็วกว่าปกติ
ครั้นตื่นดีแล้วเธอก็รีบตรงดิ่งเข้าไปให้ห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำทันที ใช้เวลาราว ๆ ครึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำสระผมจนเสร็จสรรพ และใช้เวลาในการแต่งตัวอีกเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงเศษ ไม่แปลกเลยว่าทำไมเธอถึงต้องตื่นเร็ว เพราะไม่อย่างนั้นคงจะไปไม่ทันเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายเอาไว้เป็นแน่
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยครบถ้วนแล้วเธอก็เหลือบสายตาไปดูเวลา ขณะนี้เป็นเวลาเก้าโมงครึ่งแล้วเวลาที่นัดแนะกับอีกคนเอาไว้ คือ สิบโมงตรงดูท่าแล้วคงจะได้ไปสายแน่ ๆ เพราะรถราบนท้องถนนไม่เป็นใจแหงๆ คิดได้ดังนั้นเธอก็รีบคว้ากระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องทันที
และทันทีที่เปิดประตูออกจากห้องเธอก็เจอเข้ากับอคินคนเป็นน้องชาย เธอไม่คิดจะสนใจเพราะเร่งรีบจะออกไปข้างนอกเพียงเหลือบมองน้องชายเล็กน้อยแล้วสาวเท้าเดินต่อ ทว่าก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงักเพราะประโยคที่ดังตามหลังจากน้องชาย
“นี่ พี่จะไปไหนแต่เช้าเนี่ย พ่อกับแม่ให้ตามไปกินข้าวเช้าด้วยกันห้ามเบี้ยว”
เธอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหันกลับไปตอบด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ “พี่มีนัดแล้วบอกพ่อกับแม่ เอาไว้ตอนเย็นจะกลับมาทานด้วยตอนนี้พี่ต้องรีบไปสายแล้ว”
“เดี๋ยวนี้อยู่ไม่ติดบ้านเลยนะ ถามจริงไปแอบคบหนุ่มที่ไหนหรือเปล่าอลิน” ในขณะที่สองพี่น้องกำลังสนทนากันอยู่จู่ ๆ อลัน แฝดผู้พี่ของอลินดาที่เดินมาจากไหนไม่รู้ก็ดังแทรกขึ้น
“ไม่มีหนุ่มที่ไหนทั้งนั้นอะ แค่จะออกไปกินข้าวกับเพื่อน” อลินดารีบเอ่ยปากปฏิเสธออกไปอย่างทันควัน ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกวางมาด หวังให้อลันเชื่อในคำพูดของเธอแล้วเลิกตั้งคำถามกับการออกไปข้างนอกบ่อย ๆ สักที
“ใครเชื่อก็บ้าแล้ว ดูดิแต่งตัวอย่างกับจะไปเดต ใคร ๆ เขาก็ดูออกทั้งนั้นแหละ”
“ก็ปกติของพี่อลินนะ พี่อลันนั่นแหละชอบจับผิด”
“เออ จริงอย่างที่น้องมันบอกเลิกจับผิดอลินเหอะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละแค่ไปกินข้าวกับเพื่อนสนิทเฉย ๆ” เธอเอ่ยสมทบประโยคก่อนหน้าของอคิน ทั้งยังทำหน้างอใส่แฝดผู้พี่ด้วยความหมั่นไส้กับความชอบจับผิดของพี่ชาย
“แหม เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ” อลันอดพูดแซะน้องสาวฝาแฝดกับน้องชาไม่ได้ ก่อนจะถามไถ่ถึงคนที่น้องสาวฝาแฝดจะไปหา “ว่าแต่เพื่อนคนไหนที่จะไปหา คนชื่อหยกอะไรนั่นน่ะเหรอ”
“อืม คนนั้นแหละรู้แล้วจะถามทำไม”
“ก็ไม่รู้ไงถึงได้ถาม แต่จะว่าไปเธอสองคนนี่ก็แปลก ๆ ตัวติดกันตลอดเลยหากน้องหยกเป็นผู้ชายฉันคงคิดว่าเป็นแฟนกันไปแล้ว” อลันยังคงคิดที่จะจับผิดน้องสาวอยู่อย่างนั้น แต่อันที่จริงเขาก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไร เพียงแค่ต้องการหยอกล้อให้อลินดาหัวเสียเล่น ๆ ตามประสาพี่น้องท้องเดียวกันก็เท่านั้น
ทว่าคำพูดเล่น ๆ ของอลันกับไปจี้ถูกจุดอลินดาเสียอย่างนั้นเพราะความจริงแล้วหยกคนที่เธอบอกใคร ๆ ว่าเป็นเพื่อนสนิทกันเป็นแฟนของเธอต่างหาก สาเหตุที่เธอต้องปิดบังเรื่องนี้เพราะรู้ว่าทั้งครอบครัวของเธอและครอบครัวของแฟนสาวคงรับไม่ได้ และไม่ยอมรับอาจจะขัดขวางความของเธอด้วยซ้ำการคบกันเงียบ ๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“พี่อลันก็พูดไปเรื่อย” เธอนิ่งเงียบไปนานนับนาทีก่อนแสร้งทำตีหน้ายักษ์ใส่พี่ชาบฝาแฝดกลบเกลื่อนพิรุธ
“แต่ก็จริงอย่างที่พี่อลันบอก พี่อลินสนิทกับพี่หยกขนาดนั้นมันก็แปลก ๆ อยู่นะ” ครั้งนี้อคินเห็นด้วยกับคนเป็นพี่ชายเอ่ยพลางมองหน้าพี่สาวอย่างจับพิรุธ
“แปลกอะไร แปลกตรงไหนก็ปกตินิ” วินาทีนี้อลินถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ก็พยายามพูดจาเสียงดังทำเป็นขึงขังเหมือนไม่พอใจ ก่อนจะเดินหนีไป “ฉันไม่คุยกับพวกแกแล้ว”
“เฮ้อ..เกือบถูกจับได้แล้ว” เธอลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหลังจากขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว เธอนั่งทำใจให้นิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะขับรถออกจากบ้านมุ่งตรงสู่จุดหมาย
ใช้เวลาในการขับรถครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านอาหารอิตาลีที่เธอนัดกับแฟนสาวไว้ เธอไม่รอช้าเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปภายในร้านทันทีเพราะนี่ก็เลยเวลานัดมาหลายนาทีแล้วแฟนสาวคงโกรธแน่ ๆ
เธอลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองไปเห็นแฟนสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์งานนี้เธอคงโดนบ่นชุดใหญ่ได้แต่ทำใจแล้วรีบเดินไปหาแฟนสาวด้วยใบหน้ารู้สึกผิด
“เธอ ขอโทษนะ สายอีกแล้ว...” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะก็รีบกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มพลางส่งสายตาอ้อนสุดฤทธิ์หวังให้แฟนสาวเห็นใจ ขณะเดียวกันก็นึกโกรธตัวเองนักทั้งที่พยายามตื่นเช้าแล้วแท้ ๆ ทว่าก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่เลย...
“ไม่ต้องมาพูดเลย ไหนบอกว่าครั้งนี้จะมาก่อนเวลาไง ให้เค้ารออีกแล้วนะ” โยษิตาไม่ได้ใจอ่อนกับท่าทางออดอ้อนของสาวคนรักสักนิดมองค้อนไปด้วยความไม่พอใจเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สาวคนรักมาสาย แต่ตั้งแต่ครบมาจนปีที่เก้าสาวคนรักก็ยังมาสายเกือบทุกครั้งจะไม่ให้เธอโกรธได้ยังไงกัน
“เค้าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะมาสายนะ พอดีพ่อกับแม่ชวนกินข้าวน่ะก็เลยตีกับอคิน อลันอยู่สักพัก กว่าจะได้ออกมาก็สายแล้ว ขอโทษน้า...สัญญาว่าคราวหน้าจะไม่ให้เธอรออีกแล้ว ดีกันนะ” อลินดารีบพูดบอกเหตุผลในการมาเลยเวลานัดหมายครั้งนี้ออกไปให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ฟังพลางยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าแฟนสาวหวังขอเกี่ยวก้อยคืนดี เธอเองก็ไม่อยากแก้ตัว แต่เดิมทีแล้วไม่ได้มีเจตนาที่จะมาสายเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องมาส่งสายตาอ้อนเลย ไม่ดีด้วยหรอก” แน่นอนว่าโยษิตาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลเธอเข้าใจ แต่เพราะอยากทำให้คนรักหลาบจำว่าไม่ควรปล่อยให้แฟนสาวอย่างเธอต้องมานั่งรอคนเดียวนาน ๆ จึงยังทำเป็นโกรธตอบพร้อมทั้งสะบัดหน้าหนีออกไปอีกทาง ไม่สนใจนิ้วก้อยของอีกฝ่ายที่ยื่นมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอเพื่อขอคืนดีสักนิด
“โอ๋ งอนจริงซะด้วย ไม่เอาน่าเค้าขอโทษ สัญญาด้วยเกีรยติเลยว่าต่อจากนี้จะไม่มีแบบนี้อีกแล้ว”
“ลินก็พูดแบบนี้ตลอด แล้วเป็นไงล่ะ...ไม่เคยทำได้จริงสักที”
“โธ่ เค้าขอโทษ ผิดไปแล้วจริง ๆ ขอโทษนะคะคนดี” อลินดายังคงไม่ยอมแพ้ในการง้อแฟนสาวคราวนี้งัดไม้ตายออกมาใช้ เธอรู้ว่าหยกแพ้คนขี้อ้อน ยิ่งถ้าพูดเพราะแล้วด้วยยิ่งไปกันใหญ่ ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ๆ ที่เธอเผลอทำผิดโดยที่ไม่ตั้งใจ ก็มักจะได้ไม้นี้ตลอด ซึ่งมันก็ได้ผลดีเสมอมา
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าหวานหันมองนิ้วก้อยน้อย ๆ ทันทีก่อนที่จะเหลือบสายตาแสนดุดันขึ้นมองหน้าอลินดาเพื่อเตือนเป็นนัย ๆ ว่าห้ามมีครั้งต่อไปเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นดีกัน
“ห้ามมีครั้งต่อไปนะ ไม่งั้นเค้าเอาเธอตายแน่”
“อื้ม ไม่มีครั้งต่อไปแล้วจริงๆ นะ เอาหัวใจไปเป็นตัวประกันเลยก็ได้”
“พอแล้ว เลิกหยอดได้แล้วน่า ทำเหมือนตอนจีบกันใหม่ ๆ ไปได้” โยษิตาแบะปากอย่างนึกหมั่นไส้กับคำหยอดหวาน ๆ ของแฟนสาว ก่อนจะยอมเกี่ยวก้อยคืนดีกับแฟนสาวขี้อ้อนของเธอแต่โดยดี แม้ว่าในใจจะแอบเคืองอยู่ไม่น้อยเลยก็ตาม ทว่าความรักมักทำให้คนหน้ามืดตามัว เธอจะทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน...
“แล้วไม่ดีเหรอ?”
“ก็เปล่า มันก็ดีนั่นแหละ แต่เธอก็รู้ว่าเค้าแพ้อะไรแบบนี้เพราะฉะนั้นห้ามทำ เข้าใจไหม?”
“ห้ามทำเลยเหรอคะ ทำไมอ่าเค้าไม่น่ารักเหมือนตอนที่เธอมาสารภาพรักเค้าแล้วเหรอ?”
“ไอ้บ้า ใครให้พูดถึงอดีต เค้าไม่เคยทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย”
“ใช่เหรอ แต่เค้าจำได้ว่า..”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นเค้าโกรธเธออีกแน่”
อลินดายังคงเย้าแหย้แฟนสาวไม่เลิกแม้อีกฝ่ายจะห้ามปราม ก่อนเธอจะต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อได้ยินคำขู่ และสายตาเคือง ๆ จากแฟนสาว “โอเค ๆ เค้าไม่พูดแล้วก็ได้”
แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งเธอกับแฟนสาวจะผ่านมาถึงเก้าปีแล้ว แต่ทว่าความหวานก็ไม่เคยลดลงเลยสักนิดเดียว วันแรกที่ตกลงคบกันเป็นอย่างไร จนถึงปัจจุบันมันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ไม่เคยเปลี่ยนเลย....