บทที่ 3 ล็อคเป้าไว้แล้วนะ
มาถึงห้องชมรมประกายดาวเปิดประตูเข้าไป สายตาสะดุดกับกระเป๋าตัวเองวางอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าสวยฉีกยิ้มหวาน
“นึกว่าจะไม่เจอแล้ว” คนตัวเล็กเอ่ย
ทว่าขณะที่ประกายดาวเดินลงจากตึก ด้วยแสงไฟที่เปิดเพียงไม่กี่หลอดนั้น ร่างบางที่ไม่ทันระวังขาก้าวพลาดนั้น
!! อร้าย...!! ดวงตาเรียวเบิกกว้างด้วยสีหน้าตกใจ
!! ตุบ !! ร่างบางกับตกบันไดตัวกระแทกลงพื้น แว่นตาลอยตกลงบนพื้น
!! เคล้ง !! ภีมภพก้าวขาเหยียบแว่นตาที่ตกลงตรงปลายเท้าเข้าเต็ม
!! กรอบ !! เลนส์แว่นตาของประกายดาวแตกละเอียด
“โอ้ย...ซี๊ด หึ...เจ็บจัง” ประกายดาวที่ก้นกระแทกเข้ากับพื้นร่างบางถึงกับร้องโอดโอย หน้าแหกอีกแล้วฉัน แล้วดันมาแหกใส่คนหล่อๆแบบนี้ หมดกัน คะแนนกุลสตรีจากที่มีน้อยติด นาทีนี้ก็ติดลบ ส่วนคะแนนความซุ่มซ่ามสิบเต็มฉันได้เต็มร้อยไปเลย
“เป็นไง...” ภีมภพชะงักตกใจ เขาก็เดินลงบันไดมาดีๆ ถ้าหลบไม่ทันงานนี้มีตกบันไดเจ็บตัวอีกรอบ
“เจ็บ...ค่ะ อ่า...นี้ขาฉันไม่ใช่หักแล้วเหรอเนี่ย” ร่างบางบ่นอุบอิบ
“ลุกไหวไหม...” เขาถามเสียงเข้ม
“ไหวค่ะ แต่พี่หมอขา ช่วยหน่อยได้ไหมคะ” หมายถึงให้เขาช่วยพยุงเธอ
“อ่า...นี้พึ่งจะชั้น 4 เองเหรอ แว่นฉันแตกละเอียดเลย แล้วจะเดินลงบันไดยังไงละเนี่ย” ประกายดาวพึมพำ พอถอดแว่นฉันก็เหมือนคนตาบอดดีๆ นี้เอง
“พี่คะ ฉันสายตาสั้น 550 ส่วนอีกข้างสั้น 500 ฉันมองไม่เห็นหรอกค่ะ กลัวก้าวขาพลาด พี่หมอใจดี ช่วยจูงคนตาบอดคนนี้ได้ไหมคะ” นัยน์ตาคมคู่ดุ เขาสบตาคนเรื่องมาก นับว่าไม่เอาเรื่องเธอก็บุญเท่าไหร่แล้ว ที่วิ่งมาชนเขา ยังเจ็บตัวไม่หาย แถมยังโดนไอ้ไทม์ใช้พายัยเด็กไม่หย่านมมาเอาของอีก มันใช่หน้าที่เขาไหม ใช้ยังกะผมเป็นคนใช้บ้านมันอะ
“เจ็บตัวไม่ใช่เหรอ เดินไหว...” คนตัวสูงถาม นัยน์ตาคมคู่ดุเหลือบมองใบหน้าเรียวเล็กได้รูป
“ไม่ไหว แต่ก็ต้องฝืน”
“ถือว่าฉันใจดี ช่วยเด็กตาบอดอย่างเธอหรอกนะ” ทว่าในจังหวะนั้น ภีมภพกับทำในสิ่งที่ประกายดาวไม่คาดคิด คนตัวสูงร่างหนาหุ่นนายแบบย่อตัวลงตรงหน้าของเธอ ประกายดาวเห็นเช่นนั้น ดวงตาเล็กตาเบิกกว้าง ด้วยท่าทีตกใจ
“ขี่หลังฉัน เร็วสิ ยืนตาโตแบบนั้นจะได้กลับไหม” ถ้าขืน จูงมือคนดวงซวยลงบันได ชาติไหนมันจะถึง วันนี้ผมมีนัดยิ่งรีบๆ อยู่
“ห๊ะ...ขี่ ขี่หลังพี่หมอ เหรอคะ” ประกายดาวเธอถามเขาอย่างไม่เชื่อหู ตะ...ต๊ายแล้วสิ ฉันจะได้ขึ้นหลังคนหล่อๆ ไม่ธรรมดา ดีกรีนักศึกษาแพทย์อีก โอ้...อิปิ๊ก อิมายด์ พวกมึงต้องอิจฉากูแล้วนะ เรื่องนี้ต้องอวย ให้ถึงหูเพื่อนแล้ว
“คะ...ค่ะ” ประกายดาวไม่รอช้า เมื่อโอกาสมาถึงแล้วนั้น ร่างบางในชุดพละ กระโดดขี่หลังหมอสุดหล่อด้วย ใบหน้าสวยหวานยิ้มกริ่มด้วยท่าทีพอใจ
!! อร้าย....!! ฉันอยากจะกรี๊ดดังๆ ตรงนี้ ได้แต่เก็บอาการ ตื่นเต้นไม่ไหว หัวใจดวงเล็กๆ เต้นตุบๆ ตับๆ ภายในใจอย่างไม่เป็นจังหวะ ฉันได้ขึ้นหลังหมอภีมภพ สุดหล่อ ว่าแต่พี่หมอคนนี้เรียนอยู่ปีไหนคะ หล่อจังเลย...วู้ย หล่อจึ้งมาก หล่อตะโกน หล่ออ่อร่าพุ่งขนาดนี้ ทำไม๊...ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้าและรู้จักเขา หือ...นี้แหละค่ะ ว่าที่พ่อน้องตะวัน พ่อของลูกฉัน พี่หมอหุ่นล่ำ กล้ามโต กอดอุ่น ถึงจะเสียงดุ ทำหน้าเหวี่ยงใส่ฉัน แต่หล่อใจดี ดีกรีหมอ ที่สำคัญสุภาพบุรุษสุดๆ ฮือ...รักเค๊าอะ หน้าโคตรเนียน ผิวขาวใสราวกับผิวเด็ก เล่นเอาซะผิวผู้หญิงอย่างฉันนั้นดูอายไปเลย ยิ่งใกล้กลิ่นน้ำหอมลอยแตะขึ้นปลายจมูก ประกายดาวสูดกลิ่นความหอมเข้าจมูก สูดลมหายใจ ซอกคอขาวๆ ตรงหน้าฉันเนี่ยน่ากัด น่าแทะเล่นชะมัด ไม่ไหวจะร้อง เหลวหมดแล้วใจฉันเนี่ย ได้ขึ้นหลังพี่หมอสุดหล่อ อยากจะกรี๊ด ทว่าความคิดหนึ่งกับผุดขึ้นมาในหัว เมื่อการกระทำของฉันไวกว่าความคิดนั้น
ทว่าขณะที่ภีมภพแบกคนขาเจ็บลงบันไดมาถึงชั้น 1 เพียงแค่เขาหันหน้ามา กับถูกริมฝีปากเรียวเล็กของคนบนหลังปักเข้าพวงแก้มของคุณหมอเข้าอย่างจังๆ
!! จุ๊บ !!
“เธอ...” ร่างสูงดุคนบนหลัง สีหน้าของเธอไม่มีท่าทีตกใจเลยสักนิด คนตัวเล็กอมยิ้มในใจ ที่เธอตีเนียนหอมแก้มคุณหมอ แต่นั้นใช่ว่าคนถูกสาวตีเนียนหอมแก้มจะไม่รู้ทัน
“เหอะ...” ยัยนี้กล้าดียังไงมาหลอกหอมแก้มเขา ทั้งที่แก้มนี้ใช่ว่าจะยอมให้สาวๆ ที่ไหนมาสัมผัสง่ายๆ หรอกนะ เพราะเขานั้นเป็นคนค่อนข้างหวงตัว
ภีมภพที่ถูกคนบนหลังเล่นไม่ซื่อ ร่างสูงถึงกับมองค้อนด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ภีมภพปล่อยประกายดาวลงจากหลัง แต่นั้นคนถูกจับได้จุ๊บแก้มคุณหมอกับยืนหน้านิ่งตีเนียน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตกใจมือเรียวตีเนียนยกขึ้นมาปิดปาก
“เมื่อกี้ ปากฉัน โดนแก้มพี่หมอภีมภพ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษด้วยค่ะ”
“แน่ใจ ว่าเธอไม่ได้จงใจ หอมแก้มฉัน” ภีมภพเอ่ยอย่างรู้ทัน หึ...ยัยนี้คิดว่าเขาโง่เหรอ
“ปะ...ป่าว นะคะ ก็พี่หมอหันมาพอดี ถ้าพี่ไม่พอใจฉัน ฉันขอโทษด้วยค่ะ” แต่นั้นภีมภพกับไม่สนใจ ร่างสูงเดินไปยังตึกคณะวิศวะ
“พี่ๆ หมอภีมคะ”
“อะไร อี๊ก” ภีมภพรู้สึกรำคาญเสียงแวดๆ ที่เธอเอาแต่วิ่งตามเขา จนกระทั่งรถของไทม์วิ่งมาจอดตรงหน้า
“ไอ้หมอ...”
“น้องเจอกระเป๋าแล้วใช่ไหมครับ” ไทม์จอดรถลดกระจกถาม ขณะที่สาวน้อยผมจุกวิ่งตามเพื่อนเขา
“ค่ะ...แต่พี่คะ ฉันขอติดรถพี่ไปลงร้านแว่นหน้า มอ.ได้ไหมคะ พี่หมอภีมเหยียบแว่นฉันแตก ฉันเดินไปไม่ได้ค่ะ ฉันสายตาสั้นมาก มองไม่เห็น” ประกายดาวไม่พูดเปล่า มือเรียวหยิบขาแว่นหักโชว์ให้ไทม์ดู แถมเธอฟ้องเพื่อนเขาอีก นั้นยิ่งทำให้ภีมภพรู้สึกรำคาญ
“ไอ้หมอ ไม มึงไปเหยียบของน้องเขาละ” ไทม์ถาม
“ใช่เรื่องของกูไหม เธอซุ่มซ่ามทำหล่นเอง” ภีมภพเอ่ยจบก็เปิดประตูก้าวขาขึ้นรถไทม์ น้องน่าสงสารทำตาพริบๆ สาดใส่รุ่นพี่ปี 4 แบบนี้เขาจะไม่เอ็นดูยังไงไหว
“น้องขึ้นมาเถอะครับ มาครับพี่ไปส่ง” เมื่อไทม์เอ่ยเช่นนั้น ประกายดาวเปิดประตูรถ กระโดดขึ้นรถไทม์ทันที จนกระทั่งรถวิ่งมาจอดที่หน้าร้านแว่นแห่งหนึ่ง
“ขอบคุณพี่หมอภีม และพี่”
“พี่ชื่อไทม์ครับ” ไทม์ระบายยิ้มให้กับสาวน้อยผมจุก น่าสงสารจริง
“ขอบคุณค่ะ ไว้มีโอกาสฉันจะตอบแทนพี่ทั้งสอง ขอบคุณพี่หมอภีมที่ช่วยพาฉันไปเอากระเป๋านะคะ บายๆ ค่ะ” ประกายดาวระบายยิ้มหวานให้สองหนุ่มที่ใจดีช่วยเธอ แต่นั้นนักศึกษาแพทย์หน้าหยิ่งกับไม่คิดจะสนใจ เขาไม่คิดแม้แต่จะมองหน้าเธอ
!! บรึ้น !!
“หยิ่งจัง ชิ ขอบคุณ แต่ก็ไม่พูดด้วย แบบนี้สิ หยิ่งดี ชอบ” ประกายดาวได้แต่ยิ้มกริ่มสายตาดวงเล็กจับจ้องรถหรูที่วิ่งออกไปไกล มือเรียวยกขึ้นมาแตะที่ริมฝีปาก
“แก้มพี่หมอภีม นุ่มมาก ตัวห๊อมหอม หลงแล้วหลงอีก” หล่อมากทำเอาซะฉันหลง หาทางกลับบ้านไม่ถูกเลย ใจสั่นหมดแล้วฉัน
“หือ... พี่หมอภีมของฉัน รักเค๊า ล็อกเป้าไว้แล้วนะ”