บทที่2.ภารกิจน่าเบื่อหน่ายในวันที่น่าเบื่อ......
“เชิญถามมาได้เลยครับ ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญจริง ผมสามารถตอบคำถามให้ทุกคนเข้าใจได้เลยตอนนี้ แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจุกจิกหยุมหยิมไม่เกี่ยวกับการทำงาน ผมขอผ่าน ขอไม่ตอบนะครับ” สเตฟานยักไหล่อย่างยียวน มองสบนัยน์ตาของคนที่กล้าลุกขึ้นมาคัดค้านอย่างไม่หวั่นไหว
“ความประพฤติของคุณที่ผ่านมา เราทุกคนลงความเห็นแล้วว่าไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งประธานบริษัท เมื่อมันเป็นเรื่องเสื่อมเสีย ทำให้ “ดอร์อีส” มัวหมอง ฉุดดึงให้กระแสความนิยมในตลาดแฟชั่นตกต่ำลงเรื่อยๆ”
“เรื่องเดิม? แสดงว่าคุณยังไม่ได้ดูเอกสารที่ผมเตรียมไว้ให้ใช่ไหมครับ หากพวกคุณทั้งหมดเสียเวลาสักนิดอ่านเอกสารนั่น พวกคุณทุกๆ คนคงจะไม่ถามคำถามนี้กับผม... เอาล่ะผมจะพูดครั้งสุดท้าย หวังว่าการประชุมในไตรมาสหน้า จะไม่มีใครงัดเรื่องความประพฤติของผมขึ้นมาพูดอีกครั้ง ไตรมาสนี้ผลกำไร “ดอร์อีส” เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนๆ เกือบ30% ถ้าเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งที่ยังไม่ได้เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่เลยด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้ “ดอร์อีส” ตกต่ำตรงไหน? ผมทำตัวเป็นข่าวสร้างกระแสให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ทุกคนเห็นว่าผมทำตัวไร้สาระ ขอโทษเถอะครับ ผมถามหน่อยนะ มีใครในที่นี้ทำได้เท่าผมบ้างครับ รอให้พวกคุณหาคนๆ นั้นเจอก่อน เราจะมาคุยกันเรื่องนี้อีกที เอาล่ะครับ หมดเวลาแล้วสำหรับวันนี้ ถ้ามีแค่เรื่องความเสเพลของผมเรื่องเดียว ผมคงต้องขอตัว เพราะการเซ็นสัญญากับ “แซงส์” จะทำให้ไตรมาสต่อไปของพวกคุณมีผลกำไรเพิ่มขึ้นอีกนับเท่าตัว ผมขอตัว...สวัสดีครับ” สเตฟานหยัดกายลุกขึ้นยืน ค้อมตัวลงทำความเคารพบอร์ดบริหารและผู้ถือหุ้นทุกคนด้วยมาดอันยียวน ก่อนจะเดินลอยชายจากไปอย่างสบายอารมณ์ที่สามารถทำให้ทุกคนอึ้ง หาคำเถียงไม่ทัน
“อะไรกัน พูดฉอดๆ แล้วก็หนีไปแบบนี้ ผมคิดว่าพวกเราสมควรดัดนิสัยสเตฟานบ้างแล้ว ผมจะเทขายหุ้นทั้งหมดที่มีทิ้งล่ะ สเตฟานดื้อรื้นเอาแต่ใจเกินไป ไม่สนใจฟังคำโต้แย้งของพวกเราเลย”
“ผมเห็นด้วย ไอ้หนุ่มนั่นยโสเกินไปนะ ไม่เห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่อย่างพวกเราอยู่ในสายตาเลย” มีหลายเสียงสนับสนุนเซ็งแซ่
“อืม…ผมว่าที่คุณสเตฟานพูดมันก็จริงนะครับ “ดอร์อีส” ไม่เคยเสียงบประมาณในการทำโฆษณา ถ้าจะเสียก็นิดหน่อยเวลาจัดอีเว้นท์หรือเวลาเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ๆ การที่คุณสเตฟานขยันเป็นข่าวมันก็เป็นเรื่องดีแบบหนึ่ง ทางที่ดีอย่าไปกวนใจให้คุณสเตฟานเสียอารมณ์ดีกว่าไหมครับ? เมื่อหุ้นที่พวกคุณถือกันอยู่มันน้อยนิดถ้าเทียบกับหุ้นในมือของคุณสเตฟาน คนที่จะดำรงตำแหน่งประธานได้ดีเหมือนคุณสเตฟาน ผมยังมองไม่เห็นใครที่เก่งกล้าทั้งแกร่งและฉลาดเฉลียว ไม่อย่างนั้นจะพาบริษัทเล็กๆ เติบโตแบบก้าวกระโดดได้ยังไงในเวลาไม่กี่ปี” ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งให้ข้อคิดเห็นคัดค้านความเห็นส่วนใหญ่ พอได้ฟังก็นั่งอึ้งเมื่อความเป็นจริงทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าหุ้นที่ได้มาส่วนใหญ่เป็นเพราะชายหนุ่มเจ้าของ “ดอร์อีส”แจกจ่ายให้กับญาติสนิทของตัวเอง ส่วนมากฐานะด้อยกว่าสเตฟาน แต่ไม่คิดทำมาหากินให้เงินทองที่มีอยู่งอกเงย ทำตัวไฮโซกรายไปกรายมาในสังคมแบบคนมีสตางค์มีหน้ามีตาทั่วไป สเตฟานแม้ไม่ต้องทำมาหากินก็ร่ำรวยเป็นเศรษฐีได้ด้วยสมบัติเก่าๆ ที่พ่อและแม่ทิ้งไว้ให้หลังจากทานทั้งสองประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียชีวิตทั้งคู่ ปล่อยให้ลูกชายเผชิญโลกกว้างเพียงคนเดียวท่ามกลางทรัพย์สมบัติมากมี วงศาคณาญาติรุมล้อมอ้าแขนเข้ามาปกป้องเหมือนจะหวังดี แต่มันอาจจะเป็นความโชคดีของชายหนุ่มที่ผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นมาแล้วอายุ ยี่สิบปีบริบรูณ์ตอนที่พ่อแม่เสียชีวิต ญาติติโกโหติกาทั้งหลายจึงไม่สามารถเข้ามารุมทึ้งกองสมบัติมากมายที่ท่านทั้งสองสั่งสมไว้ให้ลูกชาย