บทที่ 2 เหมือนคนแปลกหน้าต่อกัน 1
เป็นเวลาสองเดือนที่ไม่ได้เจอหน้าสามี ตั้งแต่วันนั้นที่เขาถือกระเป๋าขึ้นรถพร้อมขับออกไปจากบ้านจนวันนี้อุรณาก็ไม่ได้เจอหน้าสามีอีก เขาไม่แม้แต่จะกลับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก ทั้งที่มันเป็นบ้านเขา เธอมีเบอร์โทรของเขา อยากจะโทรไปถาม แต่ก็ไม่กล้ากดต่อสายไปหาเขา
“คงอึดอัดมากสินะคะที่เนมมาอยู่ด้วย คุณฌอห์ณถึงไม่ยอมกลับมาที่บ้านของตัวเอง” เธอพึมพำพร้อมกับมองเค้กที่เพิ่งอบเสร็จเตรียมจะแต่งหน้าเค้กแล้วถอนหายใจพร้อมนึกย้อนไปถึงอดีตเมื่อสองปีก่อน
‘พี่ฌอห์ณ พี่ฌอห์ณจริงๆ ด้วย’ ฉันร้องเรียกชื่อพี่เขาอย่างดีใจ เพราะไม่คิดว่าการมาเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือน้ำท่วมที่จังหวัดอุบลราชธานีจะได้มาเจอกัน แม้ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี แต่เธอก็จำเขาได้ไม่เคยลืม สองเท้าเล็กก้าววิ่งเข้าไปหาคนที่กำลังตรวจดูอาการผู้ป่วยของเด็กและแม่เด็กอยู่ และเขาเองก็กำลังหันมองมาทางเธอเช่นกัน
‘พี่ฌอห์ณจำเนมได้ไหมคะ’ เธอวิ่งหอบมาถึงพร้อมถามพี่เขา ส่วนเขาก็เลิกคิ้วและมองสำรวจตัวเธอตั้งแต่หัวจดเท้า เมื่อเห็นว่าเขานึกนานจำตัวเองไม่ได้เลยแนะนำตัวเองให้เขาจำได้
‘เนม ลูกสาวของคุณพ่ออนุชิต คุณแม่ขวัญฤทัย และเป็นน้องสาวของพี่พอร์ชค่ะ”
‘อ้อ...แล้วมีอะไร?’ เขาพยักหน้ารับรู้ด้วยน้ำเสียงห่างเหินพร้อมหันไปสอบถามอาการของเด็กกับแม่ต่อ
เจอคำพูดเย็นชาห่างเหินทำเอาจุกพูดต่อไม่ถูก แต่ก็ฝืนยิ้มและถามเขากลับ
‘พี่ฌอห์ณสบายดีไหมคะ?’
เฮ้อ!
พชรพลถอนหายใจเบื่อหน่ายรำคาญจนต้องหันมาพูดกับเธอให้จบๆ ไป
‘ผมจำได้ว่าผมมีน้องสาวแค่คนเดียว และคุณก็ไม่ใช่น้องสาวของผม ฉะนั้นจะไปไหนก็ไป อย่ามารบกวนเวลาทำงานของผม’ แล้วเขาก็หันมาสนใจดูผู้ป่วยที่ตัวเองดูแลต่อ ส่วนอุรณาก็ได้แต่ยืนนิ่งมองดูด้านข้างของคนเย็นชาแล้วเดินจากไปเงียบๆ เมื่อหาเสียงตัวเองไม่เจอ
นั่นคือครั้งล่าสุดเมื่อสองปีก่อนจะมาเจอกันเมื่อต้นเดือนก่อนที่จะแต่งงานกัน เขายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อสองปีก่อน คงความเย็นชาไว้เหมือนเดิม ต่างจากพชรพลคนที่เธอเคยรู้จักเมื่อตอนอายุเจ็ดขวบราวกับเป็นคนละคนก็ว่าได้
เธอรู้ซึ้งแล้วกับความรักข้างเดียว รักที่สมหวังแต่ก็เหมือนไม่สมหวัง นับวันยิ่งห่างไกลกัน เขาเย็นชาไม่พอ แต่เขาไม่เคยสนใจไยดีเธอเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะคิดถึงและโทรมาหา ต่างจากพริมาน้องสาวของเขาที่เขาโทรมาหาแทบทุกวัน จนตอนนี้ห้ามความคิดไม่ให้อิจฉาเพื่อนสนิทไม่ได้
“ไม่ไหวแล้วนะเนม”
เสียงเล็กจากด้านหลังดังขึ้นทำให้เธอเงยหน้าขึ้นจากเค้กแล้วเอี้ยวหน้าหันไปมองทางต้นเสียง ด้านพริมานั้นได้มายืนมองเพื่อนพ่วงตำแหน่งพี่สะใภ้ได้สักพักแล้ว ตลอดสองเดือนกว่าแม้อุรณาไม่พูด แต่เธอก็มองออกว่าอีกฝ่ายนั้นเศร้าแค่ไหนและพี่ชายเธอก็เหลือเกิน และยามดึกบ่อยครั้งที่ลุกลงมาหาอะไรกินตอนดึก ตอนเดินผ่านหน้าห้องของอุรณาก็มักได้ยินเสียงร้องไห้ดังลอดช่องประตูออกมาประจำ
“อะไรพรีม” อุรณาไม่เข้าใจว่าเพื่อนกำลังสื่อถึงอะไร
“พี่ฌอห์ณจะใจร้ายใจดำเกินไปแล้วนะ ลืมไปแล้วรึไงว่าตัวเองมีเมียรออยู่ที่บ้าน”
พริมาไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะใจจืดใจดำไม่ไยดีภรรยาขนาดนี้ มีอย่างที่ไหนแต่งงานได้ไม่ทันข้ามวันก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอก จนตอนนี้ผ่านมาสองเดือนก็ไม่คิดจะกลับมาบ้านมาเจอหน้าภรรยา ส่วนเธอน่ะเหรอ เจอพี่ชายเป็นประจำ เพราะเขาได้โทรมาชวนเธอไปทานข้าวด้วยบ่อยๆ และเธอก็เคยคิดชวนพี่สะใภ้ไปด้วย แต่อุรณาก็ปฏิเสธ เพราะเขาไม่ได้ชวนตัวเองไปด้วยจึงไม่อยากไปให้เขารำคาญตา
“ที่โรงพยาบาลกับโรงงานคงยุ่ง คุณฌอห์ณเขาเลยไม่ได้กลับบ้าน”
“เนมเลิกหลอกตัวเองเถอะ ทั้งๆ ที่เนมก็รู้ว่ายุ่งยังไงก็ต้องกลับบ้าน แต่เนี่ยพี่ฌอห์ณจงใจหลบหน้าเนม ขอโทษนะที่พรีมพูดตรงๆ แต่มันคือเรื่องจริง ไปเถอะ หยุดแต่งหน้าเค้กแล้วไปหาพี่ฌอห์ณกัน ยังไงวันนี้ก็ต้องไปคุยกันให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไงกันแน่” เธอบอกพี่สะใภ้
“แต่...”
“เนม...ไม่ไหวแล้วนะ จะทำร้ายตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ ไปถามไปคุยให้รู้เรื่องเถอะ” พริมาพูดแทรกเมื่อรู้ว่าเพื่อนจะพูดอะไร
“เนมยังไหว ยังทนได้” เธอบอกเพื่อนเสียงสั่นเครือ
“เนมอย่าฝืนตัวเองอีกเลย”
อึก! ฮือๆๆ
แล้วเธอก็ปล่อยเสียงสะอื้นไห้ดังออกมาพร้อมกับโถมกายเข้ากอดพริมา พริมาก็กอดตอบลูบไล้แผ่นหลังเล็กที่ไหวสะอื้นพร้อมพูดปลอบโยนไปด้วย
“เนมเป็นคนเข้มแข็ง แล้วทำไมกับเรื่องของพี่ฌอห์ณ เนมถึงอ่อนแอ หยุดร้องแล้วไปถามให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไงกันแน่” พริมาดันเพื่อนออกห่างแล้วยื่นมือไปหยิบทิชชูที่วางใกล้มือมาซับน้ำตาให้เพื่อนแล้วพาอุรณาเดินออกจากห้องครัวเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด และพริมาก็ไม่ลืมสั่งเด็กรับใช้มาเก็บกวาดครัวพร้อมสั่งเก็บเค้กไว้ให้อุรณาด้วย เผื่อว่ากลับมาเพื่อนจะแต่งหน้าเค้กต่อ