บทที่ 7
เมื่อคนขับรถซึ่งวิ่งอ้อมไปเปิดประตูให้แล้ว ผู้ที่ก้าวออกมาก่อนคือผู้ช่วยวุฒิสมาชิก โดยที่แดน เมลเชอร์ ตามลงมาติด ๆ และเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เขามิได้มีภรรยาติดตามมาด้วย เนื่องจากเธอต้องกลายเป็นคนพิการ นั่งอยู่แต่ในรถเข็น ภายหลังจากที่คนเมาคันหนึ่งขับรถชน
และตอนนั้นอีกเช่นกัน ที่เหล่าผู้ชุมนุมประท้วงได้ตะโกนขับไล่อย่างกราดเกรี้ยว แต่วุฒิสมาชิกแดน เมลเชอร์ ไม่ได้ให้ความสนใจกับคนพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาเป็นปกติมาก ขณะหยุดพูดอะไรบางอย่างอยู่กับผู้ช่วย แต่เขาก็ยังดึงชายเสื้อนอก อันเป็นท่าทางที่เคลลี่เคยสังเกตเห็นว่าเขาจะทําเช่นนั้นเสมอ เวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันผิดปกติอยู่
ด้วยความสามารถของนักแสดง เขาแสร้งทําเป็นไม่เห็นกล้องโทรทัศน์ขณะออกเดินตรงไปข้างหน้า พร้อมกับเปิดยิ้มอย่างมั่นใจขณะโบกมือให้ผู้คน ส่วนอาเธอร์ เทรนท์ ซึ่งเป็นผู้จัดการรณรงค์ในเรื่องการหาเสียงให้กับเขาก็ก้าวลงมาจากที่นั่งตอนหน้า เมื่อมองมาเห็นเคลลี่เข้าก็พยักหน้าทักทายอย่างคุ้นเคย
เคลลี่สังเกตเห็นว่าผู้ที่มาชุมนุมประท้วงพยายามผลักดันกันและกันเพื่อจะได้ออกมาข้างหน้า แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจสกัดกั้นไว้อย่างสุดความสามารถ เธอจึงไม่ทันสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ฝ่าวงตํารวจเข้ามา จู่ ๆ ก็เข้ามายืนอยู่ตรงนั้น เคลลี่เห็นปืนที่หล่อนถืออยู่ในมือก่อนจะทันคิดว่า เสียงที่ดังลั่นขึ้นนั้นคือเสียงปืน
ภาพต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นภาพของความชุลมุนวุ่นวาย ผู้คนต่างเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ต่างวิ่งหาที่หลบกันเป็นจ้าละหวั่น ผู้ช่วยคนหนึ่งรีบถลันเข้าไปกําบังตัววุฒิสมาชิกไว้ ตํารวจคนหนึ่งกําลังต่อสู้อยู่กับผู้หญิงคนที่กําลังดิ้นรนอยู่อย่างสุดเหวี่ยง และตํารวจคนอื่นๆ ก็วิ่งเข้าไปช่วยจับกุมด้วย ซึ่งภาพต่าง ๆ เหล่านั้น โรรี่ได้บันทึกไว้ในวิดีโอจนหมดสิ้น ส่วนเคลลี่ไม่ยอมให้ความคิดอื่นใดผ่านเข้ามาในสมองอีกต่อไป รู้แต่เพียงว่าขณะนี้เธอจะต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดเท่านั้น เพราะขณะนี้มีเธอกับคณะเท่านั้นที่สามารถได้ทั้งภาพและข่าวที่น่าตื่นเต้นเพียงแห่งเดียว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสิ้นสุดยุติลงในเวลาอันรวดเร็วมาก ผู้หญิงคนที่กระทําตนเป็นฆาตกรถูกจับให้นอนคว่ำหน้าลงกับพื้นถนน ผู้ช่วยประคองวุฒิสมาชิกไว้ในอ้อมแขน มือชุ่มเลือดกดอยู่ตรงหน้าอกที่ถูกยิง
“ช่วยตามรถพยาบาลหน่อย...” เขาตะโกนดังลั่น หยาดน้ำตาลามไหลลงบนใบหน้า
เคลลี่มองเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนคุกเข่าอยู่ข้างตํารวจคนที่ถูกยิง เธอมองไปที่มุมปากของเขาที่มีเลือดไหลหยาดย้อยออกมา บอกกับตัวเองอยู่ว่า เขาไม่ใช่ตำรวจคนที่พูดกับเธออยู่เมื่อครู่ ขณะนั้นโรรี่กําลังจับภาพผู้หญิงที่กําลังสะอึกสะอื้นร่ำไห้ เคลลี่เดินเข้าไปหาวางมือลงบนไหล่
“ได้ภาพเยอะไหม”
“ทั้งหมดเลย” เขาตอบกลับมาขณะที่มือก็ยังทํางานต่อไปอย่างไม่ยอมเสียสมาธิ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เคลลี่ก็รีบรุดไปยังโทรศัพท์ สาธารณะแจ้งข่าวดังกล่าวให้กองบรรณาธิการทราบ หลังจากนั้นเธอก็ติดต่อไปหาแบรด ซอมเมอร์ ซึ่งเขากับช่างเทคนิคในรถอีกคันหนึ่งก็เดินทางมาถึง ซึ่งก็พอดีกับที่รถพยาบาลเดินทางมาถึงพร้อมกัน เจ้าหน้าที่ช่วยกันหามร่างวุฒิสมาชิกขึ้นใส่รถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเจ้าหน้าตํารวจก็นําเครื่องกีดขวางเข้ามาตั้ง และสอบปากคําพยานผู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จดตําบลที่อยู่ไว้โดยละเอียด
ภายหลังจากที่แบรดแสดงบัตรผู้สื่อข่าวแล้วก็รีบเดินตรงเข้ามาหาบุคคลทั้งสาม
“ข่าวล่าสุดว่ายังไง”
“เห็นบุรุษพยาบาลบอกว่าตํารวจที่ถูกยิงท่าจะไม่รอดแน่” ลาร์รี่ตอบ
“แล้วเมลเชอร์ล่ะ”
“ไม่เห็นมีใครพูดอะไรนี่” เคลลี่จับตามองบุรุษพยาบาลที่มือข้างหนึ่งถือขวดน้ำเกลือ อีกข้างหนึ่งจับแขนแดน เมลเชอร์ ที่ทอดร่างอยู่บนเปลในรถพยาบาลคันนั้น “ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าเขาถูกยิง”
“ไอ้เลือดที่กระจายอยู่เต็มหน้าอกนั่นรับรองว่าไม่ใช่กําเดาแน่” โรรี่สอดขึ้น ยังแบกกล้องไว้บนไหล่
“ขึ้นรถกันเถอะ เราจะตามไปที่โรงพยาบาล” แบรดสั่ง “ผมให้นักข่าวคนหนึ่งมาประจําอยู่ที่นี่แล้ว จะได้สรุปเรื่องในตอนท้ายให้เรา ขอเทปนั้นมาให้ผมก็แล้วกัน” เขายื่นมือไปทางโรรี่ “ตอนที่นั่งรถไปผมจะตัดต่อข่าวเหตุการณ์ไปพร้อมกันเลย” เมื่อหันไปทางเคลลี่เขาก็ออกคําสั่งว่า “เขียนสคริปต์ของคุณขึ้นประมาณหนึ่งนาทีครึ่ง ทันทีที่เราไปถึงหน้าโรงพยาบาล คุณจะเป็นคนบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองทั้งหมด มา...เราไปกันได้แล้ว”
ภายในรถถ่ายทอดคันของแบรดนั้น พรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์ในการตัดต่อภาพด้วยระบบไฮ-เทคทั้งหมด นอกจากเครื่องปั่นไฟแล้วก็ยังมีห้องคอนโทรลเล็ก ๆ อยู่ในนั้นด้วย
จิตใต้สำนึกบอกเธออยู่ว่า สิ่งที่เขียนได้ดีนั้นเมื่อนำมาพูดเข้าจริงๆ มันอาจจะไม่เข้าท่าเลยก็ได้ ดังนั้นเคลลี่จึงลองอ่านออกเสียงข้อความที่เธอเขียนขึ้นไว้ กําหนดจําอยู่ในใจว่าสคริปต์ที่เธอจะต้องบรรยายในครั้งนี้ควรจะต้องตรงกับภาพในเทป จะต้องสามารถบรรยายภาพที่ฉายอยู่ให้ผู้ชมได้เห็นอย่างชัดเจนด้วย
มันไม่ใช่งานง่าย ๆ เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอจะต้องเขียนสคริปต์นั้นอยู่เพียงในใจโดยไม่เห็นภาพ เพราะแบรด ซอมเมอร์ อยู่ในรถถ่ายทอดตัดต่อภาพจากวิดีโอเทปเข้ามาเป็นเรื่องเดียวกัน โดยที่เธอไม่มีโอกาสได้เห็นภาพที่จะนําออกอากาศเลย
เมื่อเธอร่างคําบรรยายคร่าว ๆ เสร็จก็ปรึกษาหารือกับโรรี่และลาร์รี่ แล้วก็เขียนขึ้นใหม่โดยเน้นเฉพาะภาพที่น่าจะเรียกความสนใจจากผู้ชมได้อย่างมาก หลังจากนั้นเธอก็มีเวลาอีกเล็กน้อยที่จะแต่งหน้าให้เข้มขึ้นก่อนจะถึงโรงพยาบาล
ขณะที่โรรี่กับลาร์รี่ช่วยกันเตรียมสถานที่เพื่อที่จะให้เธอยืนบรรยายในมุมที่เหมาะอยู่นั้น เคลลี่รีบหยิบตลับแป้งออกมาแต่งเติมใบหน้าพร้อมด้วยที่ปัดแก้มและลิปสติก ทั้งนี้เพราะเธอรู้ดีอยู่ว่า กล้องโทรทัศน์นั้นสามารถดูดสีจากผิวหน้าให้จางหายไปได้ และผู้สื่อข่าว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม ถ้าหน้าตาจืดชืดแล้วย่อมไม่สามารถจะสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นกับผู้ชมได้
ภายหลังจากแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เคลลี่ก็รีบรุดเข้าไปสอบถามอาการของวุฒิสมาชิก แล้วก็เปลี่ยนแปลงสคริปต์เท่าที่จําเป็น
ซึ่งขณะนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยลงแล้ว แต่ความกังวลใจก็ยังติดตามมา ภายหลังจากที่ความตื่นเต้นคลายลง
“ฉันอยากเห็นเทปที่แบรดเอาออกมาใช้จัง” เธอปรารภออกมาเบา ๆ “ถ้าฉันมีโอกาสได้ดูเทปสักครั้งก็จะดีหรอก”
“แต่ที่ออกมาคุณก็ทําได้ดีอยู่แล้วนี่เคลลี่” ลาร์รี่ตอบอย่างให้กําลังใจ
“ไม่จริงหรอก...” เธอสั่นศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย “ฉันน่าจะทําได้กว่านี้ด้วยซ้ำ” เธอลองทบทวนสคริปต์อยู่ในใจ แล้วก็พบว่ามันมีอยู่หลายตอนที่น่าจะได้รับการแก้ไขเสียใหม่ น่าจะเน้นตรงคํากริยาให้การรายงานดังกล่าวมีน้ำหนักมากขึ้น มีชีวิตจิตใจขึ้น และดีกว่านี้...
“งานอะไรก็ตาม ถ้าส่งมาถึงมือคุณมันต้องออกมาดีทั้งนั้นละ” โรรี่พูดอย่างตั้งข้อสังเกตมากกว่าจะวิจารณ์ ซึ่งมันก็ตรงต่อความจริงอยู่
ในทรรศนะของเคลลี่ สิ่งที่ดีที่สุดเท่าเทียมกับความสําเร็จ และความสําเร็จคือสัญลักษณ์ของความดีความชอบกับการยอมรับ สองสิ่งนี้ดูจะมีความสําคัญสําหรับเธอ แม้ว่ามันจะเป็นอะไรบางอย่างที่เธออยากจะยอมรับกับตนเองอยู่ แต่ก็ยังทําไม่ได้อยู่ดี
“เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยที่คุณจะต้องไปจากเรา” โรรี่เสริมขึ้น ประสานสายตาอยู่กับเธอ “เราคงคิดถึงคุณมากทีเดียวนะเคลลี่”
หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก ที่โรรี่ยอมรับออกมาตรง ๆ เช่นนั้น และทําให้เธออดยิ้มไม่ได้
“แหม...คุณทํายังกับว่าฉันย้ายไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่งยังงั้นละ” เธอทําเสียงล้อ ๆ แต่มันก็เป็นเพียงเพราะต้องการอําพรางความขัดเขินที่เกิดอยู่กับตัวเองในยามนี้ “ฉันเพียงแต่เปลี่ยนหน้าที่ มันก็แค่นั้น”
“ใช่ จากส่วนท้องถิ่นเข้าสู่สถานีใหญ่ มันก็เหมือนกับยิงจากภาคพื้นดินสู่อากาศนั่นแหละ” เขาดีดก้นบุหรี่ให้ลอยไปในความมืด