บทที่ 5
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขาดูมันจะผิดพลาดไปเสียหมด ไม่มีอะไรเลย นับแต่วันที่เบ็คกี้ตายลง...รีเบคก้าผู้แสนสวย รีเบคก้าภรรยาผู้แสนดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลวร้ายไปเสียทั้งนั้น นับแต่วันที่เธอจากไป
ความกลัดกลุ้มที่เกิดขึ้นในยามนี้ ทําให้ดอจเกอตี้ต้องคว้าเหล้ากรอกใส่ปาก และตอนนั้นเองที่สายตาของเขาเหลือบมองไปทางจอโทรทัศน์
“ในการเลียนแบบการลอบสังหารประธานาธิบดีเรแกน...” เสียงทอม โบรคอว์ กําลังกล่าวอยู่ “เป็นผลให้วุฒิสมาชิกแดน เมลเชอร์ จากนิวยอร์คได้รับบาดเจ็บ และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนหนึ่งถูกยิงตามไปด้วย เคลลี่ ดักลาส จะรายงานรายละเอียดของข่าวจากนิวยอร์คให้ท่านได้ทราบต่อไป”
แล้วภาพของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนจอโทรทัศน์นั้น ภาพของเธอสว่างอยู่ในท่ามกลางแสงไปตรงทางเข้าฉุกเฉินของโรงพยาบาล ทั้งสีหน้าท่าทางที่บ่งบอกถึงความแคล่วคล่องกระฉับกระเฉงนั้น เรียกความสนใจของดอจเกอตี้อย่างมาก
เขาลดสายตาลงเมื่อเธอเริ่มบรรยายเหตุการณ์
“ขอบคุณค่ะทอม...สําหรับตอนนี้ เหตุการณ์ที่กําลังดําเนินอยู่คือ ท่านวุฒิสมาชิกแดน เมลเชอร์ ได้ถูกนําตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดแล้วนะคะ เนื่องจากถูกยิงเข้าตรงหน้าอกอย่างน้อยหนึ่งนัด อาการค่อนข้างสาหัส...”
ทันทีที่ได้ยินเสียง เขาก็เงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้า น้ำเสียงที่ทุ้มนุ่มนวลบ่งบอกถึงความมีอำนาจอยู่ในตัว จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ เขารู้ดี...รู้จักเสียงนี้ดีเท่า ๆ กับเสียงของตัวเอง มันจะต้องเป็นเธออย่างแน่นอน
แต่ขณะนี้ภาพของเธอไม่ได้ปรากฏอยู่บนจออีกต่อไป มันเปลี่ยนเป็นภาพของผู้ชายวัยกลางคนที่ก้าวลงมาจากรถเก๋งสีดําส่งยิ้มและโบกมือผ่านกล้อง ไม่สนใจกับเสียงตะโกนด้วยความไม่พอใจของผู้คนที่ยืนมุงอยู่ตรงรั้วกั้น จะมีก็แต่เพียงเสียงของเธอเท่านั้นที่กำลังบรรยายภาพอยู่
“นับแต่ได้รับการเลือกตั้งเป็นวัฒิสมาชิกเมื่อสองปีที่ผ่านมา แดน เมลเชอร์ ดูจะเป็นเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด เขายืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและความไม่เป็นธรรมต่าง ๆ ในสังคม ซึ่งแน่นอนที่เท่ากับเป็นการสร้างศัตรูมากขึ้น และเมื่อมาถึงจุดนี้ ความมุ่งร้ายดังกล่าวก็ได้กลายเป็นความรุนแรงอย่างที่ทุกคนไม่คาดคิดมาก่อน
เสียงพูดของเธอต้องหยุดลง เมื่อเสียงผู้คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่เบื้องหน้าทางเข้าของโรงพยาบาลตะโกนกึกก้องขึ้น
“ฆาตกร...ฆาตกร...”
ภาพเหตุการณ์ที่ติดตามมา เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ผู้ช่วยคนหนึ่งคว้าร่างของวุฒิสมาชิกผู้กำลังจะล้มลง ตำรวจคนหนึ่งล้มลงกับพื้นดิน ผู้คนที่มารอต้อนรับบ้างก็ตะโกน บ้างก็กรีดร้องด้วยความตระหนกตกใจ ใครบางคนคว้าแขนผู้หญิงคนหนึ่งไว้ และตํารวจอีกคนหนึ่งก็กระโจนเข้ามารวบตัวล้มลงไปบนพื้นดินด้วยกันทั้งคู่
หลังจากนั้นก็ติดตามมาด้วยภาพวุฒิสมาชิกผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดสาดกระเซ็นอยู่บนหน้าอกชุ่มโชกเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาสวมใส่ไว้ แล้วก็ตัดไปเป็นภาพตอนที่เขาถูกนําตัวเข้าไปในรถพยาบาล
กล้องกลับมายังหญิงสาวผู้มีนามว่า เคลลี่ ดักลาส อีกครั้ง
“รายงานล่าสุดที่เราเพิ่งได้รับมาเดี๋ยวนี้เอง แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตํารวจที่ถูกยิงได้เสียชีวิต เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตํารวจได้คุมตัวคนร้าย ซึ่งเป็นผู้หญิงไว้อย่างแน่นหนา ยังไม่มีการเปิดเผยว่าเธอเป็นใครมาจากไหนนะคะ...” เธอหยุดเว้นระยะเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “เคลลี่ ดักลาส แห่งเคเอ็นบีซี. รายงานจากนิวยอร์ค”
ดอจเกอตี้ขมวดคิ้วย่น หน้าตาของเธอดูจะไม่เหมือนคนเดิม แต่เขาก็จําเรือนผมสีน้ำตาลปนแดง จำดวงตาคู่สีเขียวขาบคู่นั้นได้อย่างแม่นยำ และยังเสียงพูดนั่นเล่า มันทําให้เขาแน่ใจว่าไม่ผิดคนแน่ เวลาสิบปีที่ผ่านไปดูเธอจะเปลี่ยนไปมาก แถมยังเปลี่ยนชื่อเสียงเสียใหม่ด้วย โดยใช้นามสกุลของมารดา แต่น้ำเสียงมิได้เปลี่ยน มันคือเธอนั่นเอง ไม่มีทางเป็นคนอื่นได้แน่
เขาจับตามองภาพบนจอโทรทัศน์ ซึ่งขณะนี้กําลังโฆษณากาแฟแม็กซเวลล์อยู่ ได้ยินเสียงฟิพพ์พูดกับบิ๊กเอ็ดดี้ว่า
“เขาเรียกพวกนั้นว่าผู้สื่อข่าว แต่มันไม่มีทางที่จะมาเทียบกับนักข่าวหนังสือพิมพ์ได้หรอก”
“ภาพที่เห็นกันชัด ๆ ยังงี้มันดีกว่าข่าวในหนังสือพิมพ์เป็นไหน ๆ” บิ๊ก เอ็ดดี้ แสดงความเห็น
“มันก็แค่บางเรื่องเท่านั้นละน่า” ฟิพพ์พูดอย่างไม่พอใจ “พรรค์นี้มันจะมีอะไร เอาคนหน้าตาสวย ๆ มายืนอยู่หน้ากล้อง แกล้งทําว่าตัวเองเป็นนักข่าว แถมยังได้เงินเดือนแพง ๆ อีกด้วย ไม่เข้าท่า”
เลน ดอจเกอตี้ มิได้สนใจที่จะรับฟังคําพูดนั้นเท่าไรนัก เขากําลังเกิดความสับสนอยู่ในใจ เอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้า แต่แล้วก็วางลง ขณะนี้เขาต้องการเวลาสําหรับใช้ความคิด...
เคลลี่ยังคงยืนอยู่ในที่เดิม จนเมื่อได้รับสัญญาณว่าการถ่ายทอดเสร็จสิ้นลงโดยสมบูรณ์ แสงไฟที่สาดส่องตรงมาที่ร่างดับวูบลงแล้ว เธอจึงได้ลดไมโครโฟนที่ถืออยู่ลง แววแห่งความพึงพอใจในความสําเร็จของงานอีกชิ้นหนึ่งฉายชัดอยู่ในดวงตา รอยยิ้มอ่อน ๆ ฉาบอยู่บนเรียวปาก
แบรด ซอมเมอร์ ผู้ผลิตรายการก้าวลงจากรถถ่ายทอด เขาเป็นผู้ชายวัยสามสิบ สวมกางเกงสีกากีกับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายทาง เนื่องจากอากาศในยามค่ำคืนของเดือนสิงหาคมยังร้อนระอุอบอ้าว ส่วนเคลลี่นั้น เนื่องจากยังไม่หายจากความตื่นเต้น ในการรายงานข่าวดังกล่าว เธอจึงไม่รู้สึกอะไรกับความร้อนของอากาศ
แบรดชูนิ้วหัวแม่มือขึ้น เป็นสัญญาณให้กับเคลลี่และทีมงาน
“เราถ่ายทอดผ่านเครือข่ายไปเวสต์ โค้สท์ เรียบร้อย” สีหน้าของเขาบอกความภูมิใจในความรวดเร็วของการเสนอข่าว เนื่องจากเวลาแตกต่างกันอยู่ถึงสามชั่วโมง
“เรียบร้อย” เคลลี่ยิ้มกว้างกับเพื่อนร่วมงานทั้งสอง “ถ้าอยู่ไอโอว่าบ้านเก่าของฉันละก้อ เราเรียกการทํางานแบบนี้ว่า...เดินในไร่ข้าวโพด” เธอหลิ่วตาให้อย่างขบขัน
“ช่าย น่าเสียดายที่ไม่ได้ส่งไปทั่วประเทศ” โรรี่ ทับบ์ ผู้ชายวัยสี่สิบ รูปร่างล่ำสัน ศีรษะล้าน ลดกล้องลงจากไหล่เอาวางลง
“ผมว่าผู้หญิงคนนั้นคํานวณเวลาผิดไปหน่อย” ลาร์รี่ มาคลอสกี้ ผู้กํากับเสียงแสดงความเห็นขึ้นมาบ้าง
โรรี่หน้าแดงขึ้นมาทันที รู้ดีว่าคําพูดของเขาที่กล่าวออกไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้น มันทําให้ดูคล้ายกับว่า เขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่ตํารวจคนหนึ่งต้องเสียชีวิตลง และวุฒิสมาชิกยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย ความรู้สึกกับการตั้งตัวเป็นกลางนั้นคือจรรยาบรรณอย่างหนึ่งของผู้ที่อยู่ในธุรกิจการข่าว มันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น โดยจะมีปฏิกิริยาสนองตอบต่อข่าวนั้น ๆ ไม่ได้
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มีความหมายยังงั้นหรอก” เขาพูดเป็นเชิงแก้ตัว “ที่พูดก็เพราะว่างานทุกชิ้นที่ผมทํายังไม่เคยได้รับการถ่ายทอดไปทั่วประเทศเลยสักครั้งเท่านั้น”
“พรุ่งนี้ก็ยังทำได้นี่” ลาร์รี่ยิ้มกว้าง ไม่เว้นที่จะทิ่มแทงเพื่อนถ้ามีโอกาส “ที่คุณจะต้องทําก็แค่ภาวนาให้วุฒิสมาชิกตายเท่านั้น”
“คุณเลิกพูดแบบนี้เสียทีได้ไหม” น้ำเสียงของโรรี่บอกความขุ่นเคืองขึ้นมา
“เออ... พูดถึงวุฒิสมาชิก ฉันเห็นจะต้องไปดูเสียหน่อยว่า จะมีข่าวอะไรจากห้องผ่าตัดบ้างหรือเปล่า” เคลลี่รีบเอ่ยขึ้น เพราะรู้ว่าเรื่องจะไม่จบลงง่าย ๆ เพียงแค่นั้น
“ผมไปเอง” แบรด ซอมเมอร์ บอก “คุณพักเหนื่อยก่อนเถอะ ถึงยังไงผมก็ต้องส่งข่าวเข้ามาอยู่แล้ว ผมว่าตอนนี้เราน่าจะรู้ชื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วนะ”
เคลลี่มิได้โต้แย้ง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้คิดจะพักผ่อนอย่างที่เขาบอกด้วย
“เอากาแฟดําติดมือกลับมาด้วยนะแบรด” เธอร้องตามหลัง
“แล้วก็อย่าลืมพิซซ่าล่ะ” โรรี่เสริมด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ ส่วนลาร์รี่ก็ป้องปากตะโกนตามหลังไปด้วยอีกคน
“ผมขอเบอร์เกอร์กับมันฝรั่งทอดกรอบนะ เอาช็อคโคแล็ต เชค ด้วย”
เคลลี่รู้สึกท้องร้องด้วยความหิว แต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ มันเป็นอะไรบางอย่างที่เธอฝึกตัวเองให้คุ้นชินในธุรกิจที่กล้องโทรทัศน์สามารถทําให้คนดูมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ถึงสิบปอนด์เช่นนี้ การลดอาหารดูจะเป็นความจําเป็นสําหรับทุกคน นอกจากบางคนเท่านั้น และเคลลี่ก็มิได้ถูกจัดอยู่ในจํานวนบางคนนั้นด้วย