บท
ตั้งค่า

บทที่ 12

เขากลิ้งไวน์ในแก้วด้วยการหมุนข้อมืออย่างชํานาญ จับตามองน้ำสีแดงที่เหวี่ยงตัวขึ้นลงอยู่กับขอบแก้วเพื่อพิจารณาความขันอยู่เป็นครู่ แล้วจึงได้ยกขึ้นสูดดมกลิ่นหอม ก่อนจะยกขึ้นดื่มช้า ๆ ให้มันซึมซาบเข้าไปในลิ้นกลั้วลงในลําคอ สัมผัสทั้งรสและกลิ่นอย่างเต็มที่ แล้วจึงได้วางแก้วลงพยักหน้าช้า ๆ ให้กับบริกร

“เยี่ยมมาก”

และบริกรก็โค้งรับคําชมนั้นด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้ม

“จะทิ้งไว้สักครู่แล้วค่อยรินดีไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอก รินตอนนี้ได้เลย”

“ได้ครับ” เขารินไวน์ใส่ลงในแก้วทั้งสองใบ เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงวางแก้วลงไว้ให้บนโต๊ะโค้งคํานับอีกครั้งก่อนจะถอยออกไป

ฮิวจ์เอามือลูบคลําอยู่กับฐานแก้ว ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยสุ้มเสียงแผ่วเบาว่า

“และเมื่อข้าฯได้อําลาจากโลกนี้เพื่อไปปรากฏตัวอยู่เบื้องพระพักตร์แห่งพระองค์เพื่อสารภาพความผิดบาปทั้งมวลอันเป็นสีแดงก่ำนั้น ข้าพเจ้าก็จะกล่าวแก่พระองค์ว่า...ข้าพเจ้าไม่อาจจําชื่อตําบลหมู่บ้านทั้งหลายได้ ข้าพเจ้าไม่อาจแม้จะจดจําชื่อของหญิงสาวทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของข้าพเจ้าได้ แต่ข้าพเจ้าสามารถจดจําชื่อไวน์นี้ได้ดีกว่ามันคือ ชางเบอแตง” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะสรุปว่า “จากฮีแลร์ เบลลอค”

“ฉันว่าแค่นั้นยังไม่พอนะคะฮิวจ์” เคลลี่พูดอย่างล้อเลียน

“ไม่เป็นไร งั้นเอาอีกอันก็ได้...แม้ว่าวัยหวานจะมอบช่อกุหลาบให้แก่เรา แต่วันวัยที่ล่วงไปก็จะรออยู่เพื่อมองเพื่อนและไวน์รสเลิศให้...อันนี้เป็นของโทมัส มัวร์”

“ดีกว่าอันเก่าเยอะเลย” เคลลี่ว่า “แต่ฉันว่าคุณน่าจะจําข้อความที่บาร์ทเลตต์เคยพูดถึงไวน์ได้บ้างนี่คะ”

เขาทาบฝ่ามือลงตรงหัวใจพูดยิ้ม ๆ ว่า

“ขี้เกียจท่องให้ฟังแล้ว”

“ฉันก็ไม่ได้หวังว่าคุณจะท่องให้ฟังหรอกค่ะ” เธอเหลือบตามองขวดไวน์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า “แล้วบอร์ด๊วกซ์ล่ะคะ เป็นมาร์โก้ปีแปดสามไม่ใช่หรือ”

“ฉลาดมาก” ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีดําผงกน้อย ๆ “คุณนี่ไม่ได้มีแค่ตาหรอกนะ แต่ยังมีหูที่คอยรับฟังเกี่ยวกับรายละเอียด ๆ อีกด้วย อันที่จริงผมก็คิดถึงมาร์โก้อยู่เหมือนกัน แต่คิดว่าชางเบอแตงจะเข้ากับเป็ดอบส้มได้ดีกว่า”

“จริงค่ะ” เคลลี่ยิ้มน้อย ๆ แล้วก็ถอนใจออกมาแผ่วเบารู้สึกอ่อนเพลียอย่างบอกไม่ถูก

“เพลียมากหรือนั่น”

“ใช่ค่ะ” เธอตอบอย่างยอมรับ “วันนี้เหนื่อยมากทั้งวัน เวลาที่เรามีโอกาสได้ทํางานข่าวชั้นเยี่ยม ๆ สักชิ้น บางครั้งก็ลืมความเหนื่อยความตึงเครียดไปได้ ที่ผ่านมาฉันใช้เวลาสองปีคลุกคลีอยู่กับการอ่านข่าวบ้าง การสัมภาษณ์บ้าง ข่าวที่เคยทําส่วนใหญ่ก็จะเป็นข่าวประเภทคดีข่มขืน ข่าวยาเสพติดหรือไม่ก็คนที่ติดเชื้อเอดส์” เธอนึกไปถึงโน้ตทั้งปึกที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย

“อันที่จริง คืนนี้ฉันน่าจะตรงกลับบ้านเลยมากกว่า พรุ่งนี้มีสัมภาษณ์อาจารย์เศรษฐศาสตร์คนหนึ่งที่เขียนหนังสือดังมากขึ้นมาเล่มหนึ่งที่ฉันจะต้องอ่านงานของเขาเตรียมไว้ แล้วก็ยังจะต้องติดตามอาการของวุฒิสมาชิกเมลเชอร์อีกด้วย”

“เออ...ผมดีใจนะที่คุณพูดถึงเรื่องการสัมภาษณ์ขึ้น ตั้งใจจะบอกให้คุณรับรู้ไว้ด้วย ว่าโรเบิร์ต มอนเดวี จะมาร่วมงานประมูลไวน์อาทิตย์หน้านี้ด้วย”

“เยี่ยมไปเลยค่ะ” งานประมูลไวนดังกล่าวจะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยมีจุดประสงค์ในการหาเงินบํารุงการกุศล เป็นงานที่ฮิวจ์โปรดปรานมาก และสำหรับในปีนี้ เขาก็มีความตั้งใจที่จะเชื้อเชิญผู้ผลิตเหล้าองุ่นที่มีชื่อเสียงให้มาร่วมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และหนึ่งในจํานวนนั้นคือโรเบิร์ต มอนเดวี นั่นเอง

“และที่มันดีกว่านั้นก็คือ มอนเดวีเขายินดีที่จะออกรายการ “ไลฟ์ แอท ไฟว์” เพื่อเป็นการโปรโมทงานชิ้นนี้ในวันเสาร์ด้วย”

“จริงหรือคะนี่ ถ้ายังงั้นฉันคงได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สัมภาษณ์เขาละมัง” เคลลี่พูดทีเล่นทีจริง ไม่ได้แคร์กับงานนี้เท่าไรนัก

“แน่นอน” ฮิวจ์ยืนยัน “ผมเตรียมการเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้หมดแล้ว”

“หรือคะ”

“ใช่ แล้วเขาก็ยังตอบตกลงที่จะมาร่วมงานเลี้ยงรับรองที่ผมจะจัดขึ้นอย่างเป็นการส่วนตัวที่บ้านด้วย คุณคงไม่ลืมเรื่องงานปาร์ตี้ของผมใช่ไหม”

“ฉันเขียนตัวแดงไว้บนปฏิทินเลยละค่ะ”

“ผมหวังไว้อย่างมากเลยว่าคุณจะมา”

“แหม... ที่คุณเชิญมาก็ล้วนแต่เป็นแขกเกียรติยศทั้งนั้น แล้วฉันจะพลาดได้ยังไงล่ะคะฮิวจ์ อีกอย่างหนึ่ง รายการ “ไลฟ์ แอท ไฟว์” สําหรับวันศุกร์หน้านี้ก็จะเป็นการจัดรายการครั้งสุดท้ายของฉันแล้ว เพราะฉะนั้นก็อยากจะทําอะไรให้มันดังพอจะเป็นที่ประทับใจไว้หน่อย”

“พร้อมกับสยายผมลงด้วยใช่ไหม” เขาเหลือบตามองมุ่นมวยที่ตลบอยู่ตรงท้ายทอย บางปอยของเส้นไหมสีน้ำตาลแดงปรกลงข้างกรอบหน้าและซอกคอ “ผมเห็นคุณทําตัวให้สบายบ้างนะเคลลี่ คุณน่ะทํางานหนักมามากแทบจะไม่ได้พักผ่อนอะไรกับใครเขาเลย”

“ก็อาจจะเป็นได้” เธอไหวไหล่เบา ๆ กับการตั้งข้อสังเกตของเขา “แต่จะให้ฉันทํายังไงได้ล่ะ มันก็คงจะเข้ากับสุภาษิตที่ว่า...น้ำขึ้นให้รีบตักหรืออะไรทำนองนั้นนั่นแหละ” เคลลี่ตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะเสริมว่า “ยิ่งกว่านั้น ฉันก็ยังไม่เคยเห็นคนที่อยู่ในวงการนี้มีเวลาหาเรื่องสนุกมาเล่นเลยสักคน”

ในแต่ละวันที่ผ่านไป คือชั่วโมงการทํางานอันน่าเหน็ดเหนื่อย เคลลี่จะต้องตื่นนอนตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เพื่อติดตามรายการภาคเช้าถึงสามรายการกับข่าวโดยสรุปของซีเอ็นเอ็น จากโทรทัศน์สี่เครื่องที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก หลังจากนั้นยังจะต้องอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทม์, เดอะ วอลล์ สตรีท เจอนัลด์, วอชิงตัน โพสต์ และเดลินิวส์ซึ่งมาส่งให้ถึงหน้าประตูห้อง

นอกจากนั้น ยังต้องไปออกกําลังบริหารร่างกายที่สถานเสริมสุขภาพอาทิตย์ละสามครั้ง เพื่อรักษารูปร่างให้คงที่อยู่เสมอ

เมื่อถึงเวลาบ่ายสองโมง เธอจะนั่งอยู่ในห้องทํางานที่สถานี ตอบรับโทรศัพท์หรือจดรายการงานที่ส่งเข้ามาโดยสายข่าว พบปะกับผู้อํานวยการผลิต บรรณาธิการข่าว นักข่าว นักเขียน และยังผู้ช่วยฝ่ายต่างๆ รวมไปถึงผู้ร่วมรายการ ตระเตรียมรายการต่าง ๆ ที่จะออกอากาศในวันนั้น เตรียมไว้ให้พร้อมที่จะออกอากาศในตอนห้าโมงเย็น และกรรมวิธีดังกล่าวก็จะหมุนเวียนกลับมาอีกครั้งสําหรับข่าวที่จะรายงานตอนห้าทุ่ม เพราะฉะนั้นน้อยครั้งนักที่เธอจะกลับไปถึงอพาร์ตเม้นท์ที่เกรเมอซี่ ปาร์คก่อนเที่ยงคืน

อาหารกลางวันส่วนใหญ่ที่จะรับประทานพร้อมกับผู้ร่วมงานคนอื่น ๆ คือแซนด์วิช นอกเสียจากบางครั้งเมื่อจะต้องพบกับเอเย่นต์บ้าง นักการเมืองบางคนที่จะต้องทําการสัมภาษณ์บ้าง ที่จะทําให้เธอพอมีเวลารับประทานอาหารกลางวันร่วมกับพวกเขานอกสตูดิโอ

ในชีวิตส่วนตัว เคลลี่จะมีผู้หญิงคนหนึ่งมาทําความสะอาดอาร์ตเม้นท์ให้อาทิตย์ละครั้ง แต่ก็ยังมีเสื้อผ้าที่จะต้องไปส่งหรือไปรับจากร้านซักรีด มีงานซักผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ไม่อาจส่งร้านได้ ชําระบิลล์ ซื้อเครื่องกระป๋องเตรียมไว้ในบ้าน ยังต้องล้างจาน ทิ้งขยะและงานจิปาถะอื่นที่ต้องทำอีกมากมาย

เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์คือการรวบรวมงานที่คั่งค้างทั้งหมดมาจัดทําให้แล้วเสร็จ ถ้าพอจะมีเวลาเหลืออยู่บ้างก็จะใช้ให้หมดไปกับการเยี่ยมเยียนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า อันเป็นงานพิเศษที่เธอทําด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง

นอกเหนือจากการออกมารับประทานอาหารกับฮิวจ์แล้ว ชีวิตทางด้านสังคมของเธอแทบจะไม่มีเลย แต่เธอก็มิได้เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอเดินเข้าไปในสตูดิโอ และพบว่าเพื่อนร่วมงานทั้งหลายกําลังคุยกันอยู่ด้วยเรื่องชีวิตทางเพศของตนเองและบุคคลทั่วไป ดูเหมือนเรื่องทํานองนี้จะเป็นหัวข้อที่โปรดปรานสําหรับทุกคน และตอนนั้นเองที่ใครคนหนึ่งซึ่งหันมาเห็นเธอเข้าก็ร้องบอกมาว่า

“เฮ้...เคลลี่ มานี่สิ มาเล่าชีวิตทางเพศของคุณให้พวกเราฟังกันบ้างเถอะน่า” พอสิ้นเสียงของแอนดี้ กราโบว์สกี้ หลายคนก็รองรับอย่างเห็นด้วย

ถ้าพวกเขาหวังจะได้เห็นเธอหน้าแดงเมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นคงจะต้องผิดหวังอย่างมาก เพราะเคลลี่ได้หันไปมองหน้าพวกเขาราวตําหนิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“เอ๊ะ...นี่พวกคุณไม่รู้กันหรอกหรือว่าฉันงดเว้นเรื่องเซ็กซ์อย่างเด็ดขาด ประพฤติพรหมจรรย์อยู่”

ทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างขบขัน หารู้ไม่ว่าที่เคลลี่พูดออกมา เธอหมายความตามนั้นอย่างแท้จริง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel