บท
ตั้งค่า

บทที่ 11

เธออยากจะตวาดใส่หน้าเขาเสียนัก ว่าสิ่งที่เขาพูดไม่มีความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย แต่กระนั้นก็ยังสงบอารมณ์ของตนเองไว้

“ฉันรู้มานานแล้วละค่ะว่าฉันไม่ใช่นางงาม”

“ถ้าคุณเป็นนางงามผมก็คงไม่มาพูดกับคุณอยู่อย่างนี้หรอก บุคลิกลักษณะของคนที่เป็นพิธีกรรายการใดก็ตาม ไม่ควรจะดึงดูดความสนใจของผู้ชมมากกว่าเนื้อข่าวหรือรายการที่เสนออยู่”

“ที่คุณพูดอยู่นั้นคุณคงหมายถึงแสดงออกถึงความเซ็กซี่มากกว่าละมังคะ”

“เปล่าเลย” เขาหัวเราะแผ่วลึกอยู่ในลําคอ “ถ้าคุณไม่ลืมก็อาจจะเป็นเพราะเด็กเกินกว่าที่จะให้ความสนใจว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนในรายการของแบล๊ค ร็อคนั่นน่ะ มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงเสียด้วยซ้ำว่า แดน ราเธอร์ ควรจะสวมสูทผูกเนคไทหรือว่าจะใส่สเวตเตอร์ดี”

“แบล๊ค ร็อค...หรือคะ” สีหน้าของเธอบอกความงุนงง รู้สึกอยู่ว่าเขาเปลี่ยนเรื่องพูดเร็วเกินไปจนเธอตามไม่ทัน

“เราเรียกตึกซีบีเอสว่าแบล๊ค ร็อค” เขาพูดเป็นเชิงอธิบาย

“อ๋อ...”

“ผมขอยืนยันกับคุณเลยนะครับมิสดักลาส ว่าในธุรกิจนี้บุคลิกภาพของผู้ชายเองก็มีความสําคัญเท่าเทียมกับของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนวดที่เขาควรจะไว้หรือโกนทิ้ง...เนคไทที่เขาผูกควรจะเป็นสีเขียวเรียบ ๆ เป็นลายทางหรือว่าดอกดวง...โดยเฉพาะเรื่องทรงผมนี่ดูจะมีปัญหามาก เพราะทรงผมเป็นสิ่งที่เสริมสร้างให้หน้าตาดีขึ้น มีปัญหาถึงขนาดที่ว่าควรจะต้องเสริมด้วยแฮร์พีซ หรือว่าจะปลูกมันขึ้นมาใหม่...” เขาหยุดเว้นระยะเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อว่า

“จะกรณีใดก็ตาม มันจะมีคําถามอยู่คําถามหนึ่งที่ติดตามมาคือ บุคลิภาพของพิธีกรนั้นเป็นสิ่งที่ทําให้ผู้ชมหันเหหรือเบี่ยงเบนควาใสนใจหรือไม่” เขาชี้นิ้วมาทางเธอ “ทั้งแว่นตา ทรงผมกับเสื้อผ้าที่คุณสวมใส่อยู่ล้วนแล้วแต่เบี่ยงเบนความสนใจของผู้ชมทั้งสิ้น”

เธออยากจะเถียง อยากจะยกตัวอย่างให้เขาเห็นว่า แซลลี่ เจสซี่ ราฟาเอล ก็ยังสวมแว่นตา แม้แต่ไบรอัน กัมเบิ้ล แห่งเอ็นบีซีเองในบางโอกาสก็ยังต้องสวมแว่นสายตา โซเฟีย ลอเรน, วู้ดดี้ แอลเลน ต่างก็สวมแว่น และยังสตีเว่น สปีลเบอร์ก และยังพิธีกรกับนักแสดงอีกมากมายที่ล้วนแต่สวมแว่น ทั้งที่บางคนก็สวมเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพของตนเอง

แต่เธอมิได้หยิบยกเรื่องต่าง ๆ ที่คิดอยู่ในใจขึ้นมาโต้แย้ง เพียงแต่ตอบเขาเรียบ ๆ ว่า

“แต่แว่นตามันเป็นสัญลักษณ์ของฉันนะคะ ผู้ชมจะจําฉันได้เพราะแว่นอันนี้ละ”

“แต่ผู้สื่อข่าวที่ดีย่อมต้องการจะให้ผู้ชมจดจำเรื่องราวที่เขานําเสนอมากกว่า” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราวไร้ความรู้สึก และเคลลี่ก็อดรู้สึกละอายไม่ได้ที่โต้แย้งเขาออกไปในข้อนั้น มันคล้ายกับถูกเขาตบหน้ากลับมาให้อย่างจัง

“ผมจะจัดให้มีการสัมภาษณ์คุณวันพรุ่งนี้” ฮิวจ์กล่าวต่อ “แต่สําหรับเช้าวันนี้ผมติดต่อกับจักษุแพทย์ให้ เขาจัดการเรื่องคอนแทค เลนส์ ให้คุณ หลังจากเสร็จเรื่องนั้นแล้ว คุณจะพบกับซิกมุนด์ช่างผมมือหนึ่งของแมนฮัตตัน เมื่อคุณเสร็จเรื่องกับซิกมุนด์แล้วจะพบกับแซ็คส์ให้เขาเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวให้”

“นี่มันอะไรกันคะ” เคลลี่ร้องออกมาด้วยความงุนงง

เขาเพียงแต่ยิ้มก่อนจะกล่าวตอบว่า

“ถือเสียว่าเป็นการมอบหมายหน้าที่ให้ทําก็แล้วกัน โดยจะมีช่างภาพติดตามไปเก็บภาพการทํางานของคุณวันนี้ทั้งหมดด้วย พอถึงตอนค่ำคุณจะมีโอกาสเขียนเรื่อง ตัดต่อเทปให้เรียบร้อย พอถึงพรุ่งนี้คุณก็จะเอาเรื่องราวทั้งหมดที่ทําเสร็จเรียบร้อยแล้วติดตัวไปเพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเป็นนักข่าวของคุณด้วย” เขาหยุดเว้นระยะ รอยยิ้มกดลึกลง “คุณคิดว่ายังไงละมิสดักลาส”

เธอกําลังถูกท้าทาย ซึ่งเคลลี่ไม่ชอบความคิดนั้นเลย ไม่ชอบทุกบททุกตอนที่เขามอบหมายมาให้ทํา แต่ดูเหมือนเธอแทบจะไม่มีทางเลือกเลยด้วยซ้ำ จําเป็นที่จะต้องยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไข

“แล้วฉันจะต้องไปพบหมอตาตอนไหนล่ะคะ”

“อีกประมาณสิบนาทีข้างหน้า ผมจะสั่งให้รถรออยู่”

อีกสองชั่วโมงต่อมา เคลลี่ก็เดินออกจากสํานักงานของจักษุแพทย์พร้อมด้วยคอนแทค เลนส์ อันใหม่ซึ่งเธอจะต้องใส่ไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ภายหลังจากที่ใช้เวลาอยู่กับซิกมุนด์ถึงสี่ชั่วโมง เธอก็กลับออกมาพร้อมด้วยทรงผมที่สั้นกว่าเมสามนิ้วยาวเคลียไหล่ ลอนหยักลึกที่สะท้านไหวทําให้เรือนผมดูมีชีวิตจิตใจขึ้นอย่างประหลาด ขับสีแดงเข้มให้เจิดจ้าขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ตกแต่งใบหน้าด้วยเครื่องสําอางที่เฉดน้ำตาลทอง เคลือบเรียวปากกับนวลแก้มด้วยสีพีชอ่อนหวาน

ที่แซคส์ สูทลายทางสีเทาดำถูกถอดทิ้ง ที่เข้ามาแทนคือแจ๊คเก็ตผ้าไหมสีนวล สวมทับชุดกลางวันที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมสีม่วงแดงสดสวย

ขณะเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้ากระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องลองเสื้อนั้น เคลลี่จ้องมองภาพสะท้อนของหญิงสาวที่ปรากฏให้เห็น แม้ว่าความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะไม่ทําให้เธอสดสวยขึ้นมาในทันทีทันใด แต่กระนั้นมันก็สร้างความแปลกตาให้เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

พวงผมสีน้ำตาลปนแดงทิ้งน้ำหนักลงด้วยลอนคลื่นเป็นกรอบล้อมอยู่รอบใบหน้าที่เมื่อมาถึงเวลานี้มันก็ไม่ใช่ใบหน้าที่งามเรียบอีกต่อไป แม้ว่าเสื้อแจ๊คเก็ตที่สวมใส่จะยังเป็นแบบเทย์เลอร์ที่เธอชื่นชอบ แต่กระนั้นเส้นสายรูปทรงที่ดูอ่อนโยนนุ่มนวลลง เนื้อผ้าที่อ่อนเบาแนบเน้นให้เห็นสัดส่วนของเรือนร่างได้ชัดเจนขึ้น และสีสันของเครื่องสําอางบนใบหน้าก็เน้นให้งามผ่องผุดขึ้นอย่างน่าพิศวงทีเดียว

“คุณพูดถูกที่สุดเลยค่ะ” เธอบอกกับฮิวจ์

“น้อยนักนะที่ผู้หญิงจะยอมรับเรื่องอย่างนี้กับผู้ชาย” เขาพูดราวกับตั้งข้อสังเกต ซึ่งทําให้เธอหัวเราะเสียงใสออกมา เดินเยื้องกรายอยู่เบื้องหน้ากระจกเงา “คุณชอบภาพลักษณ์ใหม่ของตัวเองไหมล่ะ”

“ค่ะ” มันก็ออกจะเป็นเรื่องน่าแปลกที่เธอชอบภาพลักษณ์ใหม่นี้ของตัวเองไม่น้อยเลย

การเขียนเรื่องตามคําสั่งของเขาเป็นสิ่งง่ายมาก และการตัดต่อเทปก็ดูจะง่ายยิ่งกว่า

การสัมภาษณ์ดําเนินไปด้วยความราบรื่น น่าจะสมบูรณ์ดีเยี่ยมเสียด้วยซ้ำ...เคลลี่คิดอยู่ในใจ ซึ่งก็เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว เพราะอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเธอก็ได้งานในตำแหน่งที่ต้องการ เคลลี่ยื่นโนติสให้กับสถานีในเซ้นท์ หลุยส์ สองสัปดาห์ และเริ่มลงมือเก็บข้าวของเตรียมพร้อมสําหรับการเดินทางที่จะมาถึงในไม่ช้า

และนั่น คือการเริ่มต้นของสัมพันธภาพระหว่างเธอกับฮิวจ์ เทาน์เซ่นด์ นับแต่นั้นเป็นต้นมาเคลลี่มีความเชื่อถือไว้วางใจในการตัดสินของเขาเกี่ยวกับตัวเธอ และเพราะเขาอีกนั่นเอง ที่ทําให้เธอได้พบปะกับบุคคลผู้มีชื่อเสียง ได้รับการมอบหมายงานสําคัญหลายสิ่งหลายอย่างให้ทำ การพัฒนาตนเองของเคลลี่มีฮิวจ์ เทาน์เซ่นด์ เป็นผู้ที่คอยให้คําแนะนําและสนับสนุนอยู่เบื้องหลังตลอดเวลา เพราะเป็นองค์ประกอบที่มีความสําคัญอย่างยิ่งประการหนึ่งสําหรับผู้ซึ่งอยู่ในวงการโทรทัศน์ที่มีการแข่งขันอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่เธอมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชาย เขาเป็นใครคนหนึ่งที่เธอสามารถจะเล่าถึงความฝันให้ฟังได้ เป็นใครคนหนึ่งที่เธอสามารถพูดคุยได้อย่างสนิทใจ แต่ถึงกระนั้นเคลลี่ก็ไม่เคยคิดที่จะเล่าถึงความเจ็บช้ำขมขื่นที่เคยรับมาในอดีตให้เขาฟัง

บริกรเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะอาหารพร้อมด้วยไวน์ตราที่ฮิวจ์สั่งเพื่อดื่มไปพร้อมกับการรับประทานอาหาร ถ้าจะว่าไปแล้วเคลลี่ก็เคยเห็นพิธีการชิมไวน์มามากมายหลายครั้ง แต่กระนั้นก็ยังอดที่จะมองด้วยความสนใจไม่ได้ ทั้งสนุกและประทับใจกับพิธีการดังกล่าวนั้น

ก่อนอื่น บริกรจะยื่นขวดไวน์มาตรงหน้าให้ฮิวจ์ได้เห็นตราที่สั่งว่าถูกต้อง เมื่อฮิวจ์พยักหน้ารับว่าถูกต้องแล้ว บริกรก็จะเปิดจุกไม้ก๊อกออกฟองฟู่กระจายออกมา

แล้วเขาก็จะรินไวน์ลงในแก้วของฮิวจ์แต่เพียงเล็กน้อย ผ้าผืนสีขาวสะอ้านที่ห่อหุ้มอยู่รอบขวดจะช่วยรักษาความเย็นและซับไวน์ที่อาจจะหยาดหยดลง เคลลี่จับตามองฮิวจ์ที่สอดนิ้วทั้งสี่เข้าประคองแก้วไวน์นิ้วหัวแม่มือบังคับแก้วด้านบนไว้ เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่เคลลี่ไม่เคยฝึกมาก่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel