บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 รักแรกพบ 2

หลังจากสนทนากันเมื่อวาน ความสนิทสนมก็เริ่มต้นและเพิ่มขึ้นอย่างทบทวีจนน่าตกใจ แม้ว่ามันออกจะเร็วไปสักหน่อย ทว่ายามนี้ เด็กสาวคล้ายเป็นกองหิมะเจอแสงตะวันกลางคิมหันต์ หากเขายังเอ่ยต่ออีกคำ เกรงว่านางคงละลายจนเหลวเป็นน้ำ ปรารถนาไหลซึมไปหลอมรวมกับเรือนร่างสง่างามของเขาแล้ว

ซือเร่อจึงเอ่ย “เรารีบไปเถิดเพคะ หากกลับเข้าวังผิดเวลา ท่านพ่อบุญธรรมย่อมเคืองพระทัย”

ประเดี๋ยวไม่ให้นางออกไปเที่ยวอีก จะแย่!

ประโยคหลังซือเร่อเพียงคิดในใจมิได้เอ่ยออกมา

รอยยิ้มอบอุ่นยังคงประดับอยู่บนดวงหน้าเปี่ยมเสน่ห์ของเจิ้งซงหยวน เขาถามเสียงทุ้ม “เจ้าไม่อยากฟัง?”

เด็กสาวขมวดคิ้ว “ไม่ใช่เพคะ!”

จบคำพวงแก้มยิ่งแดงปลั่งดั่งจะคั้นน้ำสีกุหลาบออกมา

รัชทายาทหนุ่มหลุดหัวเราะเสียงเบา “ข้าพูดให้ฟังอีกนะ”

ซือเร่อยิ่งหน้าแดงก่ำราวกับซับสีเลือด “ไม่ต้อง”

เจิ้งซงหยวนยิ่งหัวเราะขบขัน “เอาล่ะ! ข้าไม่เย้าเจ้าแล้ว”

แม่นางน้อยเอ่ยอย่างแง่งอน “ย่อมดีเพคะ”

เสียงหัวเราะกลั้วเสียงหยอกล้อดังขึ้นผสานกับเสียงล้อบดถนนยามรถม้าเคลื่อนตัว

จื่อซิ่วกับเสี่ยวชุ่นที่เดินอยู่ด้านข้างรถม้าพากันส่งยิ้มพร่างพราวให้แก่กันอย่างรู้สึกมีความสุขร่วมกับนายสาวของตน

ข่าวว่ารัชทายาทเจิ้งซงหยวนทรงเป็นบุรุษทรงคุณธรรมเปี่ยมน้ำใจ ในตำหนักบูรพาก็ยังไม่มีกระทั่งอนุชายาสักคน

พวกนางบ่าวคนสนิททั้งสอง เริ่มเห็นเส้นทางสุกสว่างเรืองรองคล้ายโรยด้วยกลีบบุปผาแห่งความสุขหากได้ติดตามท่านหญิงหยี่ซินเข้าตำหนักบูรพาในภายหน้า

หลายวันแล้วที่เฟิงลี่เดินทางอยู่ในเมืองหลวงต้าเจิ้งอันกว้างใหญ่แห่งนี้ จากทิศใต้ค่อยๆ ขยับขึ้นทิศเหนือ

ระหว่างนั้นนางต้องระหกระเหินเร่ร่อน เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขมุกขมัว สภาพย่ำแย่ไม่ต่างจากแมวป่าผลัดหลงกับฝูงตน กระทั่งเงินหมดลง ไม่มีให้ซื้อข้าวกิน เฟิงลี่ยามนี้กำลังหิวมากๆ จะให้ทำอย่างไร

เด็กสาวมองซ้ายแลขวาคิดวิธีหางานทำเพื่อแลกข้าวกิน ความคิดของนางมิได้ซับซ้อน เป้าหมายมีแค่หาข้าวกิน

สาเหตุที่นางคิดเช่นนี้เพราะเงินได้มาย่อมหมดในไม่ช้า แต่หากสามารถหาสถานที่พักพิงมีข้าวกินครบมื้อนั่นจึงดำรงอยู่ได้ยืนนาน จะได้ไม่หิวตายก่อนหาพี่สาวเจอ

อ้อ...ถ้าได้สถานที่ที่ไม่มีบุรุษมากรักด้วยจึงจะดี นางยังไม่อยากมีสามีกลายเป็นสตรีของผู้อื่นก่อนเจอพี่ซือซือ

สำหรับเฟิงลี่นั้น ยามนี้เหลือแค่ซือเร่อที่เป็นญาติคนเดียว ซึ่งเปรียบประดุจมารดา หากจะออกเรือนยังต้องเชื่อฟัง จะหวีผมม้วนมวยปักปิ่นครั้งแรกยังต้องให้พี่สาวทำให้

ยามนี้เด็กสาวค่อนข้างระวังตัวมากกว่าเดิม ระหว่างทางเคยเข้าของานทำที่โรงน้ำชา โรงหมอ เหลาอาหาร โดยเลือกเฉพาะร้านที่ไว้ใจได้ว่าจะไม่เจอบุรุษใจหยาบอีก

ทว่าไม่มีใครรับเลย พวกเขาบอกว่าไม่รับขอทานสกปรกเข้าทำงาน หากนางอยากได้ข้าวกินต้องไปนั่งนอกร้าน

“โน่น! นั่งห่างๆ ไป!”

ประโยคเดือดดาลตวาดลั่นช่างคล้ายคลึงกันยิ่ง

เฟิงลี่ได้ยินจนจำขึ้นใจ

เฮ้อ! คนเมืองหลวงนี่ก็กระไร ชอบมองคนแค่เปลือกนอก!

นางถูกขับไล่ออกมาไม่ต่างจากสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ท้ายที่สุด จึงไม่ประสงค์เดินวนเวียนอยู่ในตัวเมืองสักเท่าไหร่ หมวกกันลมก็รุ่มร่ามเกินไป มองทางหนีทีไล่ได้ลำบากลำบนมาก ยิ่งเห็นบุรุษในเครื่องแบบทหารเดินเป็นแถวยาวเหยียดอย่างขึงขังก็ยิ่งอกสั่นขวัญแขวน เกรงว่าจะเป็นคนของทางการถูกสั่งมาให้จับกุมนางในข้อหาที่จิ่วเม่ยสร้างขึ้น

เมืองหลวงใหญ่โตยิ่งนัก นอกจากมีอาณาเขตกว้างขวาง ยังมีภูเขารอบด้าน นับว่าเป็นปราการปกป้องตามธรรมชาติอันยอดเยี่ยม

เฟิงลี่จึงเลือกเดินเลียบชานเมืองอันเป็นชายป่าเชิงเขา ถึงแม้จะลำบากกายทว่ากลับเดินทางได้สบายใจกว่ามาก เพราะชีวิตยากไร้สิบกว่าปีที่แล้วล้วนชาชินกับป่าเขาลำเนาไพร ยอมเหนื่อยเพิ่มอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป

เพียงแต่ในป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์อย่างไม่น่าเชื่อ

สาวน้อยเดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หิวก็หาอาหารป่ากิน เสื้อผ้าสีชมพูสดใสที่สวมใส่แต่เดิมเริ่มเปื้อนฝุ่นดินเป็นสีขมุกขมัว ชุดนี้เป็นผ้าไหมเนื้อดีและสวยงามสามารถเปลี่ยนหญิงยาจกให้กลายเป็นธิดาเศรษฐี จิ่วเม่ยเลือกซื้อให้เฟิงลี่อย่างเอาอกเอาใจหลิวอี้ก่อนเกิดเรื่องขึ้น แต่นั่นมิใช่สิ่งที่ต้องกังวล สิ่งที่กังวลคือความยาวรุ่มร่ามของมัน

ยามเดินเหินชายผ้ามักจะเกี่ยวกับกิ่งไม้ต้นหญ้าจนตึง ดึงรั้งดรุณีไปจนตลอดทาง ที่สำคัญ กางเกงกับแขนเสื้อด้านในค่อนข้างหลวมและโปร่งบาง อันอาจจะทำให้มีสัตว์ตัวเล็กๆ แอบเข้าไปใต้ร่มผ้าได้ เฟิงลี่จึงหาเชือกเถาวัลย์มารัดรอบแขนเหนือข้อมือและรอบขาเหนือข้อเท้าเอาไว้ หมวกกันลมยังโยนทิ้งไป เพื่อมิให้ปิดกั้นทัศนียภาพ ทำให้เดินทางได้คล่องตัวยิ่งขึ้น

ยามนี้ดรุณีน้อยร่างเพรียวยืนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง พยายามเพ่งมองจับทิศทางท่ามกลางพนาที่กว้างใหญ่ไพศาล เมื่อรู้ได้ว่าทิศใดคือทิศเหนือและควรไปทางใดจึงปีนลงจากต้นไม้แล้วเดินทางต่อ

เฟิงลี่ไม่อาจล่วงรู้ว่าผืนป่านี้กว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ก็เพราะเป็นเขตอุทยานหลวง สำหรับเชื้อพระวงศ์เข้ามาล่าสัตว์

เมื่อนางลงจากต้นไม้แล้วก้าวเท้าได้เพียงครึ่งก้าว ลูกธนูพลันแหวกอากาศเฉียดศีรษะดังสวบ

สิ่งนี้นอกจากไม่ทำให้เฟิงลี่รู้สึกหวาดหวั่น สาวน้อยยังรีบหันขวับกลับไปมองตามทิศทางลูกธนูทันควัน

ทันใดนั้นนางพลันแตกตื่นในแววตา

ท่ามกลางป่าไม้สีเขียวรกชัฏ เด็กสาวเห็นบุรุษหนุ่มแน่นในอาภรณ์สีม่วงผู้หนึ่งนั่งสง่าอยู่บนหลังม้า

รูปร่างของเขางดงามสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เรียวคิ้วดกดำพาดเฉียง นัยน์ตาที่เรียวยาวคู่นั้นปลายเชิดเล็กน้อย ดูมีเสน่ห์บาดตาอย่างบอกไม่ถูก

ทว่าสีหน้าของเขากลับเคร่งขรึมเย็นชาอย่างมาก เป็นความเคร่งขรึมที่หาได้ยากในตัวบุคคลที่นางเคยพบพาน เป็นความเย็นชาที่ทำให้ใจคนร้อนรุ่ม ประดุจดอกไม้น้ำแข็งค้างที่ผลิบานอยู่กลางทะเลทรายอันร้อนแรงแต่กลับหนาวเหน็บทั้งสูงค่าและกล้าแกร่งอย่างหาใดเทียม เรือนกายยังแผ่กลิ่นอายคล้ายสัตว์ร้ายในป่าลึกเร้นลับ เกินกำลังที่จะจับต้องได้

ดรุณีนางน้อยแหงนหน้าเบิกตากลมโตมองชายหนุ่มเบื้องหน้าที่คล้ายดั่งภาพมายา นางรู้สึกเสมือนได้เจอเทพลงมาเยี่ยมเยือนยังแดนมนุษย์ ใจของนางเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม ใบหน้าของนางร้อนผ่าว ลมหายใจสะดุด สายตามิอาจละจาก ได้แต่มีความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นฉับพลัน

ความรู้สึกเช่นนี้ เฟิงลี่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร

สายลมโชยแผ่วไล้ผ่านยอดหญ้า ทำสองหูถึงกับอื้ออึง ทุกสรรพเสียงรอบตัวอันตรธานหายไป แสงแดดที่กระทบใบหน้า ทำให้นางรู้สึกพร่าเลือนนัยน์ตา และแสงแดดที่ตกกระทบร่างเขา คล้ายสีทองสว่างจ้า ยิ่งทำให้นางลืมตาไม่ขึ้น

สรุปแล้ว ดวงตาของเฟิงลี่กำลังตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ นางกำลังมองเห็นอสูรร้ายตนหนึ่งเสมือนเทพเซียนจำแลง

ลมหุบเขาโชยผ่านเย็นยะเยือกปานนั้น

กลีบดอกหญ้าปลิวว่อนประหนึ่งพิรุณโปรยปราย

ภายใต้ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา มีสายตาคล้ายตกหลุมรักเพียงแรกเห็นเช่นนี้ เป็นสิ่งที่บุรุษอย่างเจิ้งเซียวเล่อรับรู้ได้

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มบางเบา

นางตรงหน้ามิใช่ว่าที่คู่หมั้นของเขาหรือไร?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel