บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 รักแรกพบ 1

วังฝูอ๋อง...

บ่ายวันนี้ซือเร่อรู้สึกหูตาพร่างพรายคล้ายกำลังมีดอกไม้เบ่งบานเต็มไปหมด เพราะตำหนักอ๋องมีแขกพิเศษมาเยือน

เขาคือเจิ้งซงหยวน องค์ชายลำดับที่หนึ่ง ผู้ซึ่งได้ครองตำแหน่งรัชทายาทอันสูงส่ง

เขาผู้นี้ทั้งหล่อเหลาสง่างาม เปี่ยมเสน่ห์ลึกล้ำเหนือผู้คน เป็นที่รักใคร่ของฮ่องเต้และฮองเฮา

ตามคำเล่าขาน เขาคือองค์ชายรูปงามที่สุดในโอรสทั้งสี่ เป็นที่ชมชอบและใฝ่ฝันถึงขั้นหมายปองของอิสตรีทั่วบ้านทั่วเมือง

ดูเถิด บุรุษดีเลิศเช่นนี้ จะมิให้เปิดหูเปิดตาได้อย่างไร?

ตั้งแต่เมื่อวาน ซือเร่อบังเอิญได้ล่วงรู้ถึงเทียบขอเข้าพบชินอ๋องจากเจิ้งซงหยวน เมื่อคืนนางจึงเตรียมเสื้อผ้าแพรพรรณและเครื่องประดับเอาไว้พร้อมพรั่ง

พอฟ้ายังไม่ทันสว่างนางก็รีบลุกขึ้นแต่งตัวงดงามยามสายก็มาเดินทอดน่องเฉิดฉายโดดเด่นที่หน้าตำหนักท่านอ๋องคล้ายบังเอิญ เมื่อรัชทายาทหนุ่มปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าตำหนักก็ได้เห็นท่านหญิงหยี่ซินผู้เลอโฉมอย่างคาดไม่ถึง

ภายใต้ใบหน้าจิ้มลิ้มที่แต่งแต้มอย่างประณีตเหมาะสม ไม่มีใครล่วงรู้ว่าซือเร่อกำลังรู้สึกหน้ามืดตาลายหูตาพร่างพรายกับความรูปงามที่เปล่งประกายเหนือใครของเจิ้งซงหยวน

ไม่เอ่ยถึงความสูงศักดิ์ที่เป็นถึงองค์รัชทายาท ไม่ต้องบอกว่ามีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงว่าที่องค์ราชัน แค่ได้เห็นท่าทางสุขุมเยือกเย็น กิริยาบ่งบอกถึงความเป็นสุภาพชน แววตาเรียวคมทอแววอบอุ่น วงหน้าหล่อเหลาอ่อนโยน รูปร่างสูงเพรียวสง่างาม ซือเร่อก็ให้รู้สึกหัวใจใกล้ละลายแล้ว

เด็กสาวอายุใกล้สิบหกปี เวลากระชั้นชิดเข้ามาทุกที นางต้องเลือกว่าที่สามีให้ดี รัชทายาทผู้นี้ซือเร่อไม่อาจไม่ใส่ใจ

แม้บุรุษคนแรกจะเป็นถึงองค์ชายที่ท่านอ๋องหมายตา ใบหน้าหล่อเหลา สูงศักดิ์เทียมกัน แต่เขามีฉายาน่ากลัวปานนั้น นิสัยแข็งกระด้างใจคอโหดเหี้ยมเกินไป ซือเร่อรู้สึกไม่ชอบใจนัก

หากเป็นรัชทายาทผู้อบอุ่นอ่อนโยนย่อมดีกว่าแน่นอน

วันนี้ตลอดช่วงบ่าย ชินอ๋องจึงได้เห็นบุตรสาวบุญธรรมแต่งกายประทินโฉมปานนางสวรรค์ คอยดูแลปรนนิบัติรินน้ำชาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานไม่ห่างกาย

เมื่อเหลือบตาไปมองหลานชายรูปงามอีกฝั่ง ยังเห็นเขายกยิ้มน้อยๆ แต่แววตาอบอุ่นแฝงความเร่าร้อนมองมาไม่ขาดสาย

เรียวคิ้วสีดอกเลาเริ่มขมวดเข้าหากัน เจิ้งเทียนฉีรู้สึกได้ถึงความผิดปกติระหว่างหนุ่มสาวทันที

อ๋องเฒ่ากระแอมเบาๆ ค่อยๆ กล่าว “วันนี้รัชทายาทให้เกียรติมาเยี่ยมเยือน เกรงว่าคงมีเรื่องสำคัญกระมัง”

สำหรับชินอ๋องเจิ้งเทียนฉี หลานชายที่เขาสนิทสนมที่สุดคือเจิ้งเซียวเล่อ ส่วนหลานชายคนอื่นๆ กลับมีระยะห่างเหินพอควร คำเรียกขานจึงเป็นไปตามศักดิ์ฐานะของอีกฝ่าย

เจิ้งซงหยวนหาได้แปลกใจอันใด เขายังคงไว้ซึ่งท่าทางสุขุมเยือกเย็นดุจเดิม พลางเอ่ยเสียงทุ้มเบาอ่อนโยนว่า

“หลานไม่ขอปิดบังเสด็จลุง เสด็จพ่อทรงเป็นกังวลเรื่องพระชายา จึงเร่งรัดจัดหาสตรีคู่ควรให้ไม่เว้นวัน หลานจึงต้องหาสถานที่ขอหลบมาทำใจ วังของเสด็จลุงนับว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว เสด็จพ่อไม่คิดมาวางอำนาจที่นี่แน่นอน”

เจิ้งเทียนฉีเลิกคิ้ว “เจ้ายังไม่อยากแต่งงาน”

เจิ้งซงหยวนยิ้มรับ “ไม่ผิด”

เขายกชาขึ้นจิบอึกหนึ่งก่อนกล่าวคำอย่างไม่รีบไม่ร้อน

“หลานยังไม่มีหญิงใดในดวงใจ...” เนตรเรียวคมค่อยๆ ปรายมองซือเร่อช้าๆ รัชทายาทหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ แต่น้ำเสียงราบเรียบว่า “พระชายาของหลาน ย่อมเป็นคนที่หลานมีรักปักใจ มิใช่ใครที่ไหนก็ได้”

วาจาแม้ราบเรียบทุ้มเบา ทว่ากลับคล้ายเป็นก้อนหินลูกไฟขนาดใหญ่กระแทกใส่กลางหัวใจของซือเร่อจนรุ่มร้อน แววตาของนางถึงกับฉายความออดอ้อนเว้าวอนอยู่เนืองๆ

เด็กสาวมองรัชทายาทหนุ่มด้วยสองตาหวานฉ่ำปานน้ำผึ้งหยาดหยด

นางอยากเป็นสตรีผู้นั้นของเขา...

ริมศาลาสายลมโชยแผ่วไล้ยอดหญ้าจนไหวเอน ทว่าบุคคลในศาลากลับนั่งนิ่งตัวตรง ไร้ซึ่งวาจา ชายหนุ่มหญิงสาวมองตากันเงียบงัน มีความเปล่งประกายบางอย่างในแววตานั้น

หากกล่าวตามจริง สิ่งที่พวกเขาแสดงออกมา ล้วนมีความหมายถึงคำว่า ‘รักแรกพบ’ ที่รู้กันเฉพาะพวกเขา

ชินอ๋องมิได้รับรู้อันใด เขาจึงกล่าวเนิบนาบ

“หากรัชทายาทเห็นว่าวังของข้าเป็นสถานที่หลบภัยชั้นดี เห็นทีคงปรารถนาจะอยู่ที่นี่สักระยะจนกว่าจะสบายใจกระมัง”

เจิ้งซงหยวนจำต้องละสายตาจากสะคราญโฉม เอ่ยตอบชายชราอย่างนอบน้อมว่า “หลานคงไม่รบกวนเสด็จลุงนานนัก แค่อยากพักผ่อนชั่วครู่แล้วค่อยกลับไปเผชิญหน้ากับเสด็จพ่อ”

ซือเร่อเกรงว่ารัชทายาทหนุ่มจะรีบกลับ นางจึงรีบเอ่ย

“ท่านพ่อบุญธรรม พระองค์ทรงให้หม่อมฉันพารัชทายาทเดินชมสวนบุปผาดีหรือไม่? กลิ่นหอมโชยกรุ่น ทิวทัศน์งามตา ไยมิใช่พาให้ใจสงบลงได้”

ชินอ๋องยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ชายหนุ่มพลันเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ย่อมดี ตกลงตามนี้”

เมื่อได้ยินคำตอบรับจากเจิ้งซงหยวน ซือเร่อก็เม้มปากก่อนจะค่อยๆ แย้มยิ้มงาม พวงแก้มแดงเรื่อ ท่าทางเขินอายยิ่งนัก แต่ประกายตากลับวาววับสมใจ

เจิ้งเทียนฉีหรี่ตามิใคร่จะเห็นพ้องเท่าใด ตัวเขาค่อนข้างหวงแหนบุตรสาวบุญธรรมราวกับไข่ในหิน แต่การจะหักหน้ากันย่อมมิใช่สิ่งควรกระทำ ทั้งยังมิใช่วิสัยสุภาพชน เพราะอีกฝ่ายคือหลานชายและเป็นถึงองค์รัชทายาท การให้เกียรติกันจึงสมควร

เขาเอ่ยเสียงขรึม “ตามใจเถิด...”

เพิ่งสิ้นเสียงอนุญาต ทั้งหลานชายและบุตรสาวบุญธรรมต่างก็พากันลุกขึ้นทำความเคารพทันที เดินออกจากศาลาทันใด

พวกเขาเดินชมนกชมไม้ด้วยท่าทางเว้นระยะพอควร กิริยาถูกต้องเหมาะสมอยู่บนครรลองคลองธรรมเป็นอย่างดี

เจิ้งเทียนฉีนั่งมองคนทั้งสองครู่ใหญ่กระทั่งวางใจว่าจะไม่เกิดเรื่องเกินงามจึงสั่งคนสนิทให้เข็นเก้าอี้เข้าตำหนักส่วนตัว

วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าสดใสเหมือนทุกวัน ทว่าในหัวใจของซือเร่อกลับสดใสกว่าทุกวัน

เพราะวันนี้ มีคุณหนูตระกูลใหญ่ผู้เป็นสหายของซือเร่อส่งคนมาขออนุญาตชินอ๋องอย่างถูกต้องตั้งแต่ฟ้าสางว่าจะพานางเที่ยวเล่นชมเมืองตามวิสัย ทั้งมีรถม้าหรูหรามารอรับนางถึงหน้าประตูวังอ๋องพร้อมคนคุ้มกัน

หลังจากได้รับอนุญาตจากชินอ๋อง ซือเร่อก็แต่งกายงดงามเฉิดฉาย เดินไปขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางทันที

มิคาดว่า บนรถม้าจะมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่

“รัชทายาท เหตุใดท่าน?”

เมื่อชายหนุ่มรูปโฉมสง่างามปรากฏกายตรงหน้า ซือเร่อนึกว่าภาพลวงตา จึงเอื้อมมือขึ้นจับแก้มตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงเรียวนิ้วเย็นๆ ที่ข้างแก้มตนจึงรู้ว่าอีกคนมีอยู่จริง

ซือเร่อเบิกตาโตมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก ที่แท้นี่คือแผนการของเขาหรือ?

เจิ้งซงหยวนมองยิ้มๆ “อะไรของเจ้า?”

ซือเร่อกะพริบตา เม้มปากอย่างขัดเขิน ครู่หนึ่งจึงเอ่ย “หม่อมฉันไม่คิดว่ารัชทายาทจะนั่งรอหม่อมฉันอยู่ในรถม้าเพคะ”

ชายหนุ่มได้ฟังจึงหลุดหัวเราะเสียงหนึ่ง เขากล่าวเสียงทุ้มนุ่ม “ตามธรรมเนียมปฏิบัติต้าเจิ้ง ชายหญิงที่ยังไม่ออกเรือน แม้มีใจผูกสัมพันธ์ แต่การนั่งรถม้าคันเดียวกัน ออกจะไม่สมควร แต่ข้าอยากพบหน้าเจ้าให้เร็วขึ้นสักหน่อย การนั่งต้องรอเจ้าที่เหลาอาหาร มิสู้นั่งรอเจ้าอยู่ในนี้ ได้นั่งรถม้าคันเดียวกันกระทั่งถึงที่หมาย ไยมิใช่ใช้เวลาได้คุ้มค่ากว่ามากนัก”

ประโยคเกี้ยวพายาวเหยียด ซือเร่อได้ยินก็ให้รู้สึกเขินอาย โดยเฉพาะคำว่า ‘มีใจผูกสัมพันธ์’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel