ตอนที่ 4 ตามหาพี่สาว2
ท่ามกลางเสียงสะอื้นไห้ของเด็กหญิง ชายชรากำลังหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดอยู่ในอกลึกๆ เขาเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เฟิงลี่...หลังจากข้าตาย...เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องทนลำบากในหุบเขาเพียงลำพัง จงออกตามหาพี่สาวของเจ้า ข้ามั่นใจว่านางได้เศรษฐีชุบเลี้ยงเป็นอย่างดี มีชีวิตสุขสบาย โดยอาศัยความชอบของเจ้าอย่างไร้ยางอาย แต่อย่าได้โกรธเคืองนางเพราะคนเราย่อมมีความเห็นแก่ตัว เจ้าเองก็อย่าได้ใจกว้างจนเกินไปนัก จงไปทวงสิ่งที่ควรเป็นของเจ้าคืนมา แล้วหาบุรุษที่พึ่งพาได้สักคนแต่งงานเสีย มนุษย์เราไม่ว่าชายหรือหญิง การอยู่คนเดียวชั่วชีวิตนับว่าลำบากยิ่ง ต้องทนเหน็บหนาวโดดเดี่ยวกระทั่งถึงวัยชรา และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการมีบุตร เจ้าต้องมีบุตร เข้าใจไหม?”
เด็กสาวพยักหน้าทั้งน้ำตา การอยู่ในป่าคนเดียวเป็นเรื่องที่นางไม่ปรารถนาเช่นกัน
หลังจากนั้นเพียงสามวัน หานไต้ก็สิ้นใจลงอย่างสงบ เฟิงลี่จึงทำศพให้อย่างดีก่อนเดินทางออกจากป่ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านซึ่งตั้งห่างจากหุบเขาเหลิ่งซานไม่มาก
นางมีความรู้เรื่องสมุนไพรจึงขอทำงานที่โรงหมอ
ท่านหมอมีภรรยาหนึ่งคนและบุตรสาวอีกเพียงหนึ่งคน เมื่อเพิ่มเฟิงลี่มาหนึ่งคน เพิ่มตะเกียบอีกหนึ่งคู่ จึงมิใช่ปัญหา
และที่สำคัญเด็กสาวขยันขันแข็งยิ่ง ทำงานทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงงอน ตั้งแต่แบกน้ำ ผ่าฟืน ซักผ้า กวาดลานบ้าน ทำอาหาร จนถึงเป็นผู้ช่วยท่านหมอ เรียกได้ว่าแบ่งเบาภาระงานของทุกคนในบ้านได้เหลือเชื่อ นางจึงเป็นที่รักของทุกคนอย่างไร้ข้อกังขา
ทุกสิบห้าวัน เฟิงลี่จะขอวันหยุดกับท่านหมอหนึ่งวันเพื่อออกตามหาพี่สาว แต่ยังคงไร้วี่แววและข่าวคราว เด็กสาวจึงพำนักอยู่โรงหมอ ช่วยท่านหมอหาสมุนไพรและแยกแยะเคี่ยวยา มีความสุขตามอัตภาพให้ผ่านไปแต่ละวัน
บุตรสาวของท่านหมอมีนามว่า จิ่วเม่ย ปีนี้อายุสิบเจ็ดปี
จิ่วเม่ยรักและเอ็นดูเฟิงลี่มาก นางมักจะออกจากบ้านเพื่อช่วยเฟิงลี่ตามหาพี่สาวอย่างใจกว้างมากน้ำใจ
ยังมีชายหนุ่มอีกคนนามว่าหลิวอี้คอยช่วยเหลืออีกแรง
จิ่วเม่ยและหลิวอี้แท้จริงคือคู่หมั้นกัน
พวกเขามีกำหนดการแต่งงานในอีกสามเดือนข้างหน้า มีแผนการเอาไว้ว่าหลังแต่งงานจะย้ายไปอยู่อีกเมืองอย่างถาวร
เมืองนั้นใกล้เมืองหลวง สะดวกต่อการสืบทอดร้านรวงของสกุลหลิวที่มีมากมายนับไม่ถ้วน
เช่นนั้นเถ้าแก่โรงหมอจึงมีแผนการเช่นกัน เขามีความคิดว่าจะให้เฟิงลี่ตามไปดูแลบุตรสาวคนเดียวของเขาที่เมืองแห่งนั้น เพราะเฟิงลี่พอจะรู้วรยุทธ์อยู่บ้าง
หากจิ่วเม่ยถูกคนรังแกจะได้มีเฟิงลี่คอยคุ้มกัน
ไม่ผิด! เฟิงลี่เรียนรู้วิชาต่อสู้ถึงขั้นวรยุทธ์จากหานไต้ ควบคู่กับวิชาแยกแยะสมุนไพร นางจึงเอาตัวรอดมาได้แม้อยู่เพียงลำพังในป่าใหญ่ อีกทั้งนิสัยใจคอเปิดเผยจริงใจ จึงทำให้ท่านหมอไว้วางใจที่สุด
ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปกับผู้รู้วรยุทธ์นั้นต่างกัน ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปจะรู้จักแต่หมัดมวยกระบวนท่าสวยงามของการต่อสู้ ยามใช้งานจริงจึงทำได้แค่ปกป้องตนเองไม่อาจปกป้องผู้อื่น
แต่ผู้รู้วรยุทธ์จะมีพื้นฐานของกำลังภายในเบื้องต้น ฝีมือนับได้ว่าสูงกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปอยู่สามขั้น ทว่าไม่อาจเทียบชั้นกับเหล่าจอมยุทธ์ได้ คนพวกนั้นมีพลังลมปราณเสริมกำลังภายในฝีมือสูงส่งมาก ที่กล่าวมายังไม่รวมผู้เยี่ยมยุทธ์ ซึ่งประเภทนี้นับว่าเก่งกาจห่างชั้นไม่อาจประเมินได้
ท่านหมอรู้ดีว่าบุตรสาวของตนไม่มีทางที่จะมีศัตรูระดับจอมยุทธ์หรือผู้เยี่ยมยุทธ์จึงมิได้พะวงถึงเพียงนั้น แต่อาจจะมีพวกอันธพาลต่างถิ่นมารังแกเอาได้
เฟิงลี่อายุยังน้อยแต่อยู่ในขั้นผู้รู้วรยุทธ์ แม้มิได้เก่งกาจ แต่ย่อมสู้รบกับพวกอันธพาลได้แน่นอน
จิ่วเม่ยได้ฟังแผนการของบิดาพลันเอ่ยค้านอย่างอ่อนใจ “ท่านพ่อ แม้ข้าจะรักใคร่เอ็นดูลี่เอ๋อร์เสมือนน้องสาว แต่จะให้ข้าทิ้งท่านพ่อกับท่านแม่เอาไว้โดยไม่มีใครดูแลแทนข้า ใช้ได้ที่ใด?”
ท่านหมอลูบศีรษะของบุตรสาวพลางเอ่ยเสียงทุ้มนุ่ม “เจ้าจะห่วงไปใย ที่นี่คือบ้านเกิดของพ่อกับแม่ ต้นตระกูลล้วนอยู่ที่นี่ทั้งสิ้น พี่ป้าน้าอาทั้งหมู่บ้านนับกันดีๆ ล้วนเป็นญาติกันทั้งนั้น ท่านปู่ท่านย่ารวมถึงท่านตากับท่านยายของเจ้าก็ยังอยู่ครบ แต่กลับกัน ...ตัวเจ้าต้องไปอยู่ต่างถิ่นลำพัง ไกลถึงต่างเมืองให้ลี่เอ๋อร์ไปด้วยนั่นล่ะดีแล้ว เผื่อว่าจะใช้โอกาสนี้ตามหาพี่สาวของนาง ถ้าให้ดีอีกสองปี เมื่อเจ้าคุ้นเคยกับบ้านเมืองและลี่เอ๋อร์อายุครบสิบหกปี เจ้าก็เป็นธุระจัดการหาคู่ครองดีๆ ให้นางด้วยล่ะ ให้หลิวอี้ช่วยดูจากพวกพ้องนั่นล่ะ จึงจะดี”
เมื่อเป็นเช่นนี้ จิ่วเม่ยจึงไม่อาจกล่าวทัดทานสิ่งใดได้อีก ดูเหมือนบิดากับมารดาของนางจะมองในแง่ดีเกินไป
นางจำต้องรับตัวเฟิงลี่ให้อยู่ข้างกายตนเองตลอดเวลา
กระทั่งแต่งงานออกเรือนแล้วย้ายไปต่างเมืองกับหลิวอี้ในสามเดือนต่อมา...
จิ่วเม่ยกำลังยอมรับในใจว่า นางมีความหวั่นไหวไม่น้อย เพราะเฟิงลี่มีใบหน้าหมดจดงดงาม อายุเพียงสิบสี่ปีเท่านี้แต่กลับฉายชัดถึงความโดดเด่นงามเลิศปานนั้น
เห็นได้ชัดเจนว่าเฟิงลี่งดงามตั้งแต่เกิด เมื่อเติบโตเต็มวัยย่อมกลายเป็นสาวงามอย่างแท้จริง
ขนาดเป็นเด็กป่าอาศัยในหุบเขาเหลิ่งซานเนิ่นนานยังฉายแววเป็นหญิงสาวสะคราญโฉมล่มบ้านล่มเมืองแล้ว
ผิวพรรณหรือยิ่งนวลเนียนละเอียดลออไม่ต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ ทั้งยังเคยอาศัยภายในหุบเขาเขตหนาวที่มีหิมะตกตลอด เนื้อตัวยิ่งขาวราวกับกระเบื้องเคลือบอันประณีต หากรอจนอายุสิบหกปี และอยู่ข้างกายนางให้สามีเห็นตลอดเวลา ไม่แน่ว่าตัวของหลิวอี้นอกจากไม่พยายามหาคู่ครองให้เฟิงลี่ ยังอาจจะรับเฟิงลี่เป็นอนุเองเสียด้วยซ้ำ
ภายใต้สีหน้าอ่อนหวานเปี่ยมน้ำใจไมตรี จิ่วเม่ยลอบคิดวิธีที่จะจัดการให้เฟิงลี่ออกจากเรือนตนก่อนอายุครบสิบหกปีถ้าจะให้ดีควรทำทุกวิธีให้เฟิงลี่หายตัวไปภายในเวลาสองปีนี้