บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ท่านหญิงหยี่ซิน

ห้าปีแล้วที่ซือเร่อเข้ามาอยู่ในวังอ๋อง โดยไม่สนใจสิ่งใด นางคิดแต่จะใช้ชีวิตให้ดีตลอดไปในเมืองหลวง

เหตุผลที่ซือเร่อขบคิดได้เยี่ยงนี้ นั่นก็คือความหรูหราและความสะดวกสบายที่ได้รับการหยิบยื่นอย่างไม่มีตระหนี่จากที่นี่นับตั้งแต่วันแรกที่นางย่างเท้าเข้ามา

เด็กสาวยังจำได้ดีในวันนั้นเมื่อห้าปีที่แล้ว ทันทีที่ได้เข้าวังฝูอ๋อง นางได้รับการปรนนิบัติดูแลอย่างดีไม่ต่างจากองค์หญิง มีสาวใช้รุมล้อมแต่งกายให้นางอย่างงดงาม

หลังจากนั้นตัวนางที่อยู่ในอาภรณ์หรูหราดุจตุ๊กตาหยกชั้นยอดยังถูกพาตัวมาปรากฏกายเผยโฉมต่อธารกำนัลที่มีผู้คนรอบด้านแต่งกายหรูหราดุจทวยเทพ

ชายวัยกลางคนที่นางติดตามมาคือชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ เขาเป็นบุรุษเลอโฉมในตำนานที่แม้วัยล่วงเลยกว่าสี่สิบปีแต่กลับคงความรูปงามไม่สร่างซา ทรงมีพระนามว่า เจิ้งเทียนฉี

ชินอ๋องยืนตระหง่านดุจภูผาสง่างามเหนือธารกำนัลอย่างน่าเกรงขาม รอบกายมีทหารรายล้อม บ่งบอกถึงอำนาจบารมีที่ยิ่งใหญ่ล้นฟ้า

เบื้องหน้าคือผู้คนมากมายที่ต่างเคารพยำเกรงต่อเขา แต่ละคนพินอบพิเทาเหลือคณา

ชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ประกาศก้องถึงบุญคุณช่วยชีวิตใหญ่เทียมฟ้าและความดีความชอบของนางต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ยังมีพิธีแต่งตั้งอย่างเกรียงไกรสมเกียรติเพื่อให้ข้าราชบริพารรวมถึงไพร่ฟ้าได้ประจักษ์และเป็นพยานทั้งโจษจันเนิ่นนาน

วันนั้นนางรู้สึกประหนึ่งกำลังยืนอยู่บนสวรรค์ มีแต่เสียงชื่นชมไม่ขาดสาย ถูกขนานนามว่านางฟ้าตัวน้อยแห่งต้าเจิ้ง

ต่อมานางได้รับการดูแลอย่างดีเพราะเป็นถึงผู้มีพระคุณของเจ้าแห่งวังอ๋อง ได้รับตำแหน่งเป็นถึงท่านหญิงบุตรีบุญธรรมในชินอ๋อง

นางมีนามใหม่ว่า หยี่ซิน

เจิ้งเทียนฉีผู้นี้เป็นถึงพระเชษฐาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ส่วนพระชายาและบุตรตายไปจากการคลอดยากเมื่อหลายปีก่อน

ชินอ๋องผู้นี้มีอำนาจค้ำฟ้าและมีคุณธรรมสูงส่ง เดิมทีควรเป็นถึงราชัน ทว่าเขากลับผลักดันน้องชายขึ้นบัลลังก์แทน

เขาไม่สนใจขั้วอำนาจใดๆ ไม่พาตัวเองเข้าไปพัวพันกับการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในราชสำนัก ครองตัวโดดเดี่ยวไม่รับกระทั่งอนุชายาหรือแต่งชายาคนใหม่เพื่อเชื่อมสกุลกับตระกูลใด เขาอยู่กับอำนาจดั้งเดิมที่มีมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เพิ่มอำนาจใหม่ ทำตัวเป็นเพียงอ๋องเฒ่าไร้ความสามารถผู้หนึ่ง

ฮ่องเต้จึงทั้งเคารพรักและใส่ใจพี่ชายคนนี้มาก

อีกทั้งเมื่อมีเหตุการณ์ที่เจิ้งเทียนฉีเกิดอุบัติเหตุที่หุบเขาเหลิ่งซานพลัดตกหน้าผาจนขาหักทั้งสองข้าง กระทั่งต้องนั่งบนเก้าอี้ล้อเลื่อนตลอดเวลา ฮ่องเต้ก็ยิ่งไว้วางใจเขามากขึ้น

มีคำกล่าวไว้ว่าบุญคุณเพียงหยดน้ำพึงตอบแทนเท่าน้ำพุ แม้แค้นเคืองพอกล้ำกลืนให้อภัยแต่บุญคุณไม่อาจไม่ทดแทน

จากเหตุการณ์บาดเจ็บและได้รับการช่วยเหลือครานั้น พระคุณช่วยชีวิตมิอาจลืมเลือนแม้ขณะจิต เจิ้งเทียนฉีจึงตัดสินใจรับตัวซือเร่อมาชุบเลี้ยงเป็นบุตรสาวบุญธรรม ดูแลทะนุถนอมและประคบประหงมอย่างดีประดุจไข่มุกในอุ้งมือ รักใคร่ไม่ต่างจากบุตรสาวแท้ๆ

ซือเร่อเองก็ดูแลเจิ้งเทียนฉีที่นั่งเก้าอี้เข็นอย่างดีเช่นกันนางรักและเคารพท่านอ๋องไม่ต่างจากบิดาแท้ๆ ทั้งเชื่อฟังคำอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดี มีวาจากิริยานุ่มนวลอ่อนโยนเหมาะสม

ภาพของชายวัยกลางคนกับเด็กหญิงตัวน้อยที่คอยดูแลกันและกันไม่ห่างจึงเป็นที่ชินตาของผู้คนยาวนานถึงห้าปีแล้ว

อันบุญกุศลทั้งหลาย กตัญญูต้องมาก่อน แคว้นต้าเจิ้งจึงให้ความสำคัญกับคำว่ากตัญญูรู้คุณเป็นอันดับหนึ่ง

บุคคลตั้งแต่เชื้อพระวงศ์ลงมาถึงชนชั้นชาวบ้านธรรมดา ล้วนคำนึงถึงคำว่าผู้มีพระคุณไม่อาจเนรคุณเป็นที่ตั้ง

ไม่ว่าจะเป็นบุพการีที่เลี้ยงดูนับแต่เกิดหรือผู้ค้ำชูเกื้อกุลจนเติบใหญ่ โดยเฉพาะผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเอาไว้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนถูกบัญญัติในข้อกฎหมายและกฎมณเฑียรบาลแห่งต้าเจิ้งว่ามิอาจละเลยหรือเพิกเฉยไม่ให้ความสำคัญได้

เพราะนั่นจะมิได้หมายถึงแค่สวรรค์ลงทัณฑ์ไม่ให้ตายดี แต่ผู้คนจะสาปแช่งมิให้ผุดมิให้เกิด ยังต้องถูกจับถลกหนังแขวนประจานให้สาสมกับการเนรคุณ

เช่นนั้นเมื่อซือเร่อได้ช่วยชีวิตเจิ้งเทียนฉีผู้มีอำนาจสูงส่งและเปี่ยมบุญบารมีปานนี้ย่อมมิใช่เรื่องแปลกหากนางจะกลายเป็นสตรีสูงส่งที่ผู้คนเคารพยำเกรงและรักใคร่ในชั่วข้ามคืน

คนทั้งเมืองต่างเรียกขานซือเร่อว่า ท่านหญิงหยี่ซิน

ไม่ว่านางจะเยื้องย่างไปทางใดล้วนมีผู้คนพินอบพิเทาและเอาใจ เสื้อผ้าเครื่องประดับหรูหราต่างเสาะหามามอบให้ อาหารยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทั้งสมบูรณ์อิ่มหนำเลิศรส ดีกว่ามันเผา เห็ดย่าง หน่อไม้ ผักนึ่งและเนื้อสัตว์ป่าที่แสนจะเหม็นสาบแน่นอน

ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ซือเร่อไม่เคยมีแม้เศษเสี้ยวความคิดที่จะกลับไปอยู่กลางหุบเขาเหลิ่งซาน

นางไม่ต้องการกลับไปอยู่อย่างลำบากยากจนในป่าใหญ่

ซือเร่อในยามนี้เป็นเด็กสาวที่ไม่เคยอยู่อย่างยากลำบาก ไม่เคยพบพานความเสียใจ มิใช่เด็กหญิงที่หลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่เคยเห็นเหยี่ยวโฉบกินเหยื่อ ไม่เคยถูกแสงแดดแรงกล้าแผดเผา ไม่เคยถูกความหนาวเหน็บกัดลึกถึงกระดูกจนเนื้อตัวสั่นเทาอีก

ทุกวันมีแต่ความเป็นอยู่ที่ดี มีชีวิตสุขสบาย สดใสและสวยงาม ไม่มีใครหรือเรื่องใดที่ทำให้นางต้องก้มหัวให้

แน่นอนว่าซือเร่อไม่มีทางบอกความจริง ว่าคนที่ช่วยชีวิตท่านอ๋องนั้น ที่แท้คือเฟิงลี่ ผู้เป็นน้องสาว

เพราะหากบอก เชื่อได้เลยว่าความรักและความเมตตาทั้งหลายย่อมถูกยักย้ายไปให้เฟิงลี่ หาใช่ซือเร่อผู้นี้ไม่

และนั่นคือแรงจูงใจอันแรงกล้าที่ทำให้ซือเร่อไม่อาจแม้แต่จะส่งข่าวคราวให้เฟิงลี่

ขืนส่งไปมีหวังถูกล่วงรู้ความลับน่ะสิ!

ส่วนน้องสาวผู้เก่งกาจของนางกับท่านตาหานไต้ย่อมอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้นางเป็นกังวล

ยิ่งน้องสาวของนางผู้นั้น เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว

ท่านหญิงหยี่ซินยิ่งเติบใหญ่ยิ่งงดงาม รูปโฉมเป็นเลิศ ดวงตากลมโตกระจ่างใส ดวงหน้าหยาดเยิ้มชวนหลงใหล ชายใดได้ยลล้วนเก็บไปเคลิ้มฝันถวิลหา

กิริยาวาจาหรือก็อ่อนโยนนุ่มนวล ทำตัวเหมาะสมไม่มีด่างพร้อยให้ต้องคอยแก้ต่าง

นั่นคือชื่อเสียงอันดีงามของซือเร่อที่ยามนี้ได้สลัดคราบเด็กหญิงบ้านป่าออกแล้วจนหมดสิ้น

คงเหลือเพียงท่านหญิงหยี่ซินที่เป็นสตรีชั้นสูงในห้องหอ กิริยาวาจาล้วนสำรวมอยู่ในกฎเกณฑ์

ซือเร่อมุมานะที่จะเป็นสตรีงามสง่าสูงส่ง จึงดูแคลนวิชาการต่อสู้การออกหมัดมวย

การฝึกยุทธ์ที่จำต้องทำท่าทางไม่ต่างจากชนเผ่าป่าเถื่อน การรำทวนไม้ การสร้างกับดัก การล่าเหยื่อ การทำอาวุธไล่ล่าสัตว์ป่าอันใดเหล่านั้นล้วนไม่มีอยู่ในสมอง

และด้วยอิทธิพลคับฟ้าของเจิ้งเทียนฉี ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงตัวตนดั้งเดิมของนาง

นามซือเร่อยิ่งไม่มีใครรู้จัก มีเพียงท่านหญิงหยี่ซินเท่านั้น นั่นจึงทำให้เฟิงลี่ไม่มีทางตามหาพี่สาวนามซือเร่อเจอเสียที

วังฝูอ๋องของเจิ้งเทียนฉี

ภายในเรือนหรูหรา ประดับประดาด้วยเครื่องเรือนล้ำค่า ทุกสิ่งที่นำมาตกแต่งทั่วห้องล้วนงดงามสะดุดตา บ่งบอกถึงฐานะอันสูงศักดิ์แห่งเจ้าของ

ซือเร่อหรือท่านหญิงหยี่ซินจึงชอบมาก

สิ่งล้ำค่าที่เห็นในห้องหลักยังมีที่เก็บเอาไว้ในห้องปีกข้าง ยามที่ซือเร่ออายุสิบห้าปี ชินอ๋องเจิ้งเทียนฉีจัดงานวันเกิดให้นางอย่างอลังการยิ่งใหญ่ ของขวัญวันเกิดจึงถูกส่งมาไม่น้อยทั้งเครื่องประดับหลายหีบและอัญมณีหายากในกล่องหลายใบ มากเสียจนท่านอ๋องต้องสั่งทำห้องเพิ่มให้อีกหนึ่งห้องเพื่อเก็บสิ่งของมีค่าเหล่านั้นโดยเฉพาะ

ภายในห้องอาบน้ำ มีผ้าม่านหลายชั้น กลิ่นหอมโชยกรุ่น เสียงของซือเร่อดังมาจากถังอาบน้ำขนาดใหญ่ที่โรยกลีบดอกไม้ “จื่อซิ่ว ผ้าเช็ดหน้าของข้าควรเป็นสีขาวพิสุทธิ์ เหตุใดจึงลืม”

สาวใช้นามจื่อซิ่วถึงกับชะงักก่อนก้มหน้านอบน้อม “เรียนท่านหญิง ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เพิ่งสั่งซื้อเข้ามาคู่กับผ้าเช็ดผม เป็นผ้าเนื้อดี สีสันสดใส ท่านอ๋องทรงสั่งให้บ่าวเอามาเตรียมไว้ เผื่อท่านหญิงเรียกหาเจ้าค่ะ”

“อ้อ...” ซือเร่อเหยียดกายขาวเนียนเปลือยเปล่านั่งอิงกับขอบถังไม้ที่มีไอน้ำลอยกรุ่นออกมา ปล่อยให้สาวใช้คนหนึ่งขัดแผ่นหลัง อีกคนนวดมือ อีกคนนวดเท้า อีกคนนวดเส้นผมยาวยื่น อีกคนคอยเติมน้ำมันหอมเป็นระยะ จนกลิ่นหอมโชยฟุ้งไปทั่วห้อง

ตรงขอบถังไม้อีกฝั่งยังมีสาวใช้อีกคนคอยโปรยดอกไม้และคอยดูแลน้ำให้อุ่นพอเหมาะตลอดเวลา

ซือเร่อยามนี้มองดูคล้ายนางฟ้ากำลังอาบน้ำบนสวรรค์

ท่าทางของเด็กสาวดูเกียจคร้านแต่กลับงดงามอย่างยิ่ง ดวงหน้าคิ้วตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา

ยิ่งเติบใหญ่ยิ่งเป็นสะคราญโฉมเลิศล้ำ

นางพยักหน้าเบาๆ “ข้าลืมไปแล้วจริงๆ ว่าตนเองเพิ่งบอกท่านพ่อบุญธรรมไปว่าชอบสีชมพูแบบเดียวกับองค์หญิงเจิ้งอวี้ นางทรงโปรดสีชมพูมาก ผ้าเช็ดหน้าผ้าอาบน้ำล้วนเป็นสีชมพู และข้ายังชอบสีกุหลาบแบบเดียวกับองค์หญิงเจิ้งฮวา มาๆ เจ้ายกมาให้ข้าเลือกดูเถิด อาบน้ำครั้งหน้าข้าจะเลือกสีใด”

จื่อซิ่วน้อมรับ “เจ้าค่ะ”

สาวใช้รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปทางชั้นไม้ ยกผ้าทั้งพับลงมาวางบนโต๊ะเตี้ยข้างถังอาบน้ำ เพื่อให้ท่านหญิงหยี่ซินได้คัดเลือกอย่างอารมณ์ดี

ซือเร่อพลิกตัวอยู่ในอ่างน้ำ เอื้อมมือเรียวขาวออกมาเลือกผ้าอย่างใจเย็น

จังหวะนั้นสาวใช้อีกคนพลันสืบเท้าเข้ามาอย่างพินอบพิเทา หากแต่ดวงตากลับทอประกายวาววับอย่างซุกซน นางรีบกล่าวกับซือเร่อว่า

“เรียนท่านหญิง วันนี้มีองค์ชายรูปงามผู้หนึ่งเข้ามาพบท่านอ๋อง เท่าที่บ่าวแอบฟังได้ยินท่านอ๋องเสวนากับองค์ชายผู้นั้นอยู่หลายประโยค แต่มีประโยคหนึ่งนับว่าสำคัญที่สุดเจ้าค่ะ”

ซือเร่อหยุดมือจากผ้าบนโต๊ะเตี้ย สนใจสาวใช้นางนี้ทันที

“อะไรหรือ? เสี่ยวชุ่น”

เสี่ยวชุ่นรีบยอบกายข้างถังอาบน้ำ บอกอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านอ๋องทรงบอกว่าพระองค์หมายตาองค์ชายรูปงามผู้นี้ให้กับท่านหญิงเจ้าค่ะ ยามนี้คงกำลังคุยเรื่องพิธีหมั้นกันอยู่”

ซือเร่อได้ฟังพลันลุกขึ้นนั่งจนน้ำกระฉอก “อะไรนะ?”

เด็กสาวอุทานด้วยใบหน้าแดงก่ำ พลางถามเสียงสั่นว่า “คงเป็นแค่คู่หมายกระมัง เขาเป็นถึงองค์ชายเชียวนะ คู่หมั้นอะไร? เจ้าอย่าเพิ่งพูดจาส่งเดชไป หากใครมาได้ยินเข้ามันไม่ดี”

แม้เอ่ยเช่นนั้น หากแต่หัวใจดวงน้อยกลับเต้นโครมคราม

ปกติแล้วเจิ้งเทียนฉีมักจะตามใจซือเร่อในทุกเรื่องราว แต่กลับเข้มงวดกับนางในเรื่องคู่ครอง

ไม่ต้องเอ่ยถึงบุรุษธรรมดาสามัญ ขนาดคุณชายรูปงามตระกูลใหญ่ยังไม่มีใครเข้าตาท่านอ๋องสักคน

หากเอ่ยตามจริงแล้วฐานะของซือเร่อสำหรับแคว้นต้าเจิ้งแม้ไม่สูงศักดิ์เทียบเท่าเหล่าราชนิกุล ทว่ากลับสูงส่งยิ่งใหญ่กว่าองค์หญิงเสียอีก เพราะนางได้เป็นที่เป็นถึงบุตรสาวบุญธรรมของชินอ๋องเจิ้งเทียนฉี ผู้เปี่ยมอำนาจมากบารมี กระทั่งฮ่องเต้ยังเกรงพระทัย ซือเร่อจึงเป็นเพียงนางพญาหงส์วอนรักตนหนึ่งซึ่งสูงส่งเสียจนบุรุษใฝ่ฝันถวิลหาแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรือเอื้อมถึงสักคน แต่ยามนี้ ซือเร่อในวัยสิบห้าปีกำลังจะได้คู่หมั้นเป็นตัวเป็นตน

และคู่หมั้นยังเป็นถึงองค์ชาย…

นางรีบเอ่ย “เร็วเข้า พวกเจ้ารีบแต่งกายให้ข้า”

“เจ้าค่ะ”

สาวใช้ทุกคนรับคำแล้วรีบช่วยกันประโคมเครื่องแต่งกายให้ซือเร่อจนเต็มยศอย่างรู้ใจนายสาว เพื่อความสวยหยาดหยดโดดเด่นปานล่มแคว้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel