บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 14 ก่อนแต่งงาน1

เรือนบัญชาการประจำค่ายทหารฝั่งตะวันตก

ลานฝึกซ้อมของกองทัพมีทหารหลายร้อยนายกำลังวิ่งรวมพลตามเสียงรัวกลอง จากนั้นก็กระจายตัวเป็นกระบวนอย่างมีระเบียบ เสียงคำรามฮึกเหิมผสานเสียงหอกทวนกระแทกพื้นดินดังสนั่นหวั่นไหว

เมื่อการซักซ้อมจัดกระบวนทัพเสร็จสิ้นก็กระจายตัวออกอีกครา เหล่าทหารกล้าวิ่งวนจนฝุ่นตลบคลุ้ง ครู่หนึ่งลานฝึกพลันเปลี่ยนเป็นลานประลอง โดยมีทหารทั้งหมดยืนล้อมรอบแผงอาวุธคล้ายกำแพงมนุษย์ กลางวงล้อมคือนักรบร่างกำยำสูงใหญ่พร้อมอาวุธในมือ พวกเขาคือขุนศึกผู้ท้าประลอง

ไม่นาน เสียงต่อสู้ฟาดฟันพลันดังก้อง ผสานเสียงส่งกำลังใจดังเลื่อนลั่นปั่นธรณี

ชั้นบนสุดของเรือนบัญชาการ ร่างสูงใหญ่งามสง่ายืนอยู่นิ่งๆ ไม่ไหวติงเป็นเวลานาน ใบหน้าหล่อเหลามีดวงตาเรียวยาวที่ดำสนิทล้ำลึกคู่หนึ่งกำลังมองการประลองเงียบงัน ทางด้านข้างซ้ายมือของเขาคือกุนซือหนุ่มหน้าหยกคนสนิทนามหลี่เค่อ

ระยะเวลานี้คือเจ็ดวันก่อนจะถึงกำหนดวันแต่งงาน เจิ้งเซียวเล่อมิได้สนใจเตรียมตัวอันใด เพียงออกมาดูการฝึกซ้อมและดูการประลองที่ค่ายทหารเฉกเช่นปกติ คล้ายมิได้ใส่ใจต่องานมงคลของตนที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

จังหวะพิจารณากระบวนท่าการต่อสู้ของแม่ทัพผู้หนึ่งที่กลางลานประลอง จางฉวนผู้ทำตัวคล้ายเงาแห่งรัตติกาลพลันปรากฏกายเข้ามาประหนึ่งสายลมพัดพา

ทั้งแผ่วเบาและว่องไวไร้ร่องรอย

“ท่านอ๋อง...กระหม่อมมีเรื่องจะรายงาน”

เจิ้งเซียวเล่อไม่แม้แต่จะปรายตามอง “ว่ามา...”

บนริมระเบียงนี้ไม่มีใคร มีเพียงพวกเขานายบ่าวสามคน จางฉวนจึงกล่าวโดยไม่ปิดบัง “กระหม่อมค้นหาร่องรอยน้องสาวฝาแฝดของท่านหญิงหยี่ซินพบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

อ๋องหนุ่มเพียงหรี่ตาไม่เอ่ยวาจา

จางฉวนกล่าวอีกว่า “นางพำนักอยู่ในเรือนริมทะเลสาบกินดีอยู่ดีหลับสบายสวมเสื้อผ้าหรูหรา ท่าทางสุขสำราญอย่างยิ่ง ยังมีสาวใช้รุ่นใหญ่หน้าตางดงามท่าทางยั่วยวนคอยบ่มเพาะให้กลายเป็นสาวงามสะพรั่งตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า”

องครักษ์หนุ่มเว้นวาจาชั่วครู่ ก่อนกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและสีหน้าจริงจังอีกคราว่า

“กระหม่อมคิดว่านางกำลังบำรุงความงามเพื่อหลอกล่อครองใจท่านอ๋องแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ขอท่านอ๋องทรงระวังตัวให้ดี อย่าได้ตกหลุมพรางบ่วงมายายากถอนใจต่อสตรีผู้หลอกลวง”

ครานี้เรียวคิ้วเข้มเริ่มขมวดมุ่น อ๋องหนุ่มให้รู้สึกขุ่นเคือง ไม่ยินดีแม้แต่น้อย

หลอกล่อให้ตกหลุมรักกระนั้นหรือ?

เจิ้งเซียวเล่อรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เพราะนี่คือสิ่งที่เรียกได้ว่าหยามเกียรติบุรุษอย่างแท้จริง

อ๋องหนุ่มหรี่ตาแค่นเสียงเย็น “หาคนปลอมตัวเป็นนาง ส่งไปไว้ที่เรือนริมทะเลสาบแห่งนั้นแทน แล้วพานางมาให้ข้าทรมานเล่นสักวันสองวัน”

จางฉวนกับหลี่เค่อได้ยินดังนั้นพลันยกยิ้มร้าย มีเจ้านายคล้ายราชามัจจุราช ลูกน้องไหนเลยจะพ้นยมทูตข้างกายไปได้

องครักษ์หนุ่มน้อมรับก่อนหายตัวไปรวดเร็วดั่งวายุซัด

กุนซือหนุ่มหน้าหยกโบกพัดจีบเบาๆ อย่างอารมณ์ดี ท่าทีคล้ายคุณชายเจ้าสำราญที่กำลังเดินเยี่ยมชมหอคณิกาเขาเดินเข้าหานายเหนือหัว ทำสายตาลึกซึ้ง เอ่ยเสียงราบเรียบอย่างรู้ใจว่า

“ท่านอ๋องทรงโอบอ้อมนัก ในเมื่อมิอาจยกเลิกงานมงคล จึงข่มใจสั่งสอนว่าที่ภรรยาก่อนแต่งงาน ช่างใจกว้างยิ่ง นับถือๆ”

อ๋องหนุ่มยิ้มหยัน แววตาฉายแววดุดัน “ข้าต้องขัดเกลาว่าที่ภรรยาให้รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำก่อนเข้าหอเสียหน่อย ให้นางได้เรียนรู้มารยาทของการมีสามีเช่นข้า จะได้รู้ว่าภายภาคหน้าต้องเผชิญกับอะไร?”

เขาละสายตาจากลานประลอง หมุนตัวเดินเนิบนาบ ปรายตาเย็นชามองคนสนิท ก่อนสั่ง “กลับวัง!”

วังเจี้ยนอ๋อง...

จางฉวนไม่เคยทำให้เจิ้งเซียวเล่อต้องผิดหวัง เขาจัดการทุกอย่างได้แนบเนียนไร้ที่ติปราศจากพิรุธและร่องรอยใดๆ

ตัวปลอมที่เหมือนเฟิงลี่ทุกประการถูกจับโยนไว้ในเรือนริมทะเลสาบ ส่วนเฟิงลี่ตัวจริงถูกพาตัวมายัดใส่ไว้ในห้องปีกข้างของเรือนหลักตำหนักจิ่นเล่อ

นางตื่นขึ้นมาเพราะถูกความเย็นเยือกหนึ่งกระแทกใส่ เนื่องจากผ้าห่มอุ่นถูกดึงออกไปอย่างไร้ความปรานีต่อร่างบาง

เจิ้งเซียวเล่อมองแม่นางน้อยตรงหน้าที่งามสะพรั่งกว่าวันวานด้วยสายตาเย็นชา

นางดูเจริญวัยกลายเป็นหญิงงามทรงเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ผิวขาวมีน้ำมีนวลมากกว่าเดิม ไม่เจอกันแค่ไม่นาน นางกลายร่างเป็นปีศาจสาวจอมยั่วยวนถึงเพียงนี้ คงตั้งใจแน่วแน่ใสการล่อลวงเขาอย่างเต็มที่กระมัง

อ๋องหนุ่มแค่นยิ้มหยัน

บุรุษสูงศักดิ์จะเคยถูกหยามเยี่ยงนี้ที่ไหน ยิ่งสตรีที่มีสิทธิ์เพียงอุ่นเตียงกับคลอดบุตร จะเคยมีใครบังอาจเช่นนี้หรือ คำตอบคือไม่! มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์หยามผู้อื่นได้

ฝ่ามือหนายกขึ้นบีบคางนาง ก้มหน้ามองอย่างดุดัน กล่าวเสียงเหยียดเย็น “ไม่เจอกันนาน คิดถึงว่าที่สามีหรือไม่เล่า”

เฟิงลี่ไม่ตอบ ดวงตากลมโตส่องประกายงดงามจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานิ่งๆ ไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดๆ ไม่ว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธล้วนไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น

เจิ้งเซียวเล่อหรี่ตา มองกลีบปากจิ้มลิ้มอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน การนิ่งเงียบเปรียบเสมือนการท้าทายชนิดหนึ่ง

“เจ้าไม่ตอบ?”

เฟิงลี่ก้มหน้าลง ไม่ได้พูดจา

ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นเรียวคิ้วเข้มยิ่งขมวด เรียวนิ้วที่ปลายคางมนยิ่งนานยิ่งออกแรงบีบแน่นประหนึ่งคีบเหล็กต้องไฟร้อน

นางกำลังยั่วโทสะเขา

แรงบีบมหาศาลนั้นทำเฟิงลี่ถึงกับเม้มปากถลึงตามอง แต่ยังคงไร้ซึ่งวาจา

เจิ้งเซียวเล่อถามอีกว่า “ใกล้ถึงวันมงคลแล้วเจ้าคงดีใจจนเนื้อเต้นกระมัง”

คนงามยังคงนิ่ง ไม่เอ่ยคำใด

ช่างเป็นความเงียบที่ชวนให้ผู้อื่นโกรธกรุ่น

บุรุษหนุ่มจึงแค่นเสียง “เจ้าสมควรคุกเข่าอ้อนวอนขออภัยโทษจากข้าก่อนแต่งงานจึงจะดี มีเพียงสำนึกผิดเท่านั้นชีวิตคู่ถึงจะราบรื่น ข้าขอให้โอกาสเจ้า”

เจิ้งเซียวเล่อฉายามัจจุราชกำลังคิดว่าตนเองใจดีอย่างยิ่ง ใจกว้างมากด้วย มีอย่างที่ใด ถูกหลอกลวงขนาดนี้ยังใจเย็นอยู่ได้ ทั้งยังพาตัวว่าที่ภรรยามาอบรมสั่งสอนก่อนแต่งงาน

ชายหนุ่มจ้องสายตาสุกใสที่ถลึงจ้องมองอย่างดุดันคู่นั้น เขาเห็นนางตรงหน้าไม่ยอมเอ่ยคำก็ยิ่งชอบใจ คิดว่านางถูกรู้ทันจึงโกรธเกลียดตนเองจนไม่ยอมพูดจา จากนั้นก็คิดจะทรมานจนกว่านางจะยอมพูดกับเขา

ชายหนุ่มจับใบหน้างามให้เงยขึ้น “ทำไม? ไฉนทำเหมือนไม่เคยพบกัน? ท่าทางของเจ้าในวันนั้นมิใช่แบบนี้”

เฟิงลี่มองคนพูดตลอดเวลาด้วยสองตากระจ่างใส สีหน้าของนางนิ่งสงบสุดจะหยั่ง ไม่ต่อปากต่อคำ เพียงคลี่ยิ้มบาง

แค่ยิ้มเดียวทำทั่วห้องถึงกับเงียบสนิทแปลกประหลาด เงียบชนิดที่ว่าหากเข็มตกก็ยังได้ยินอย่างชัดเจนจนกระแทกใบหู

บรรยากาศอันกดดันพลันกระจายตัวอยู่รอบบริเวณ ประหนึ่งม่านหมอกหนาจัดคลี่คลุมก่อนพายุห่าฝนตั้งเค้า ยังผลให้ภายในห้องแห่งนี้คล้ายเย็นเยียบขึ้นมาอีกหลายขุม

เพราะรอยยิ้มนั้นเปรียบเสมือนน้ำมันราดลงบนกองไฟ

ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดและถูกจับได้ขนาดนี้กลับสงบนิ่งไม่ลนลาน ทั้งยังยิ้มร้ายกาจ อ๋องหนุ่มรู้สึกโมโหยิ่ง เขาแค่นเสียงลอดไรฟัน “ข้าช่วยรำลึกเรื่องราวระหว่างเราดีหรือไม่?”

หญิงสาวกะพริบตา เผยอปากออกเล็กน้อย คล้ายจะพูดแต่ไม่พูด

และภาพนั้นก็ทำให้เรียวตาคมดำยิ่งจ้องมองอย่างลึกล้ำ เพราะกลีบปากจิ้มลิ้มชุ่มชื้นที่กำลังขยับยุกยิกคือการยั่วยวนอย่างเหลือร้าย

เจิ้งเซียวเล่อจึงก้มหน้าลงประชิด บังคับจูบอย่างร้อนแรง บดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มด้วยความโกรธา ไร้ซึ่งความอ่อนโยนใดๆ

ทว่าพริบตานั้น สิ่งไม่คาดคิดพลันบังเกิด แม่นางน้อยที่นิ่งเงียบคล้ายไร้วิญญาณมาโดยตลอดเริ่มมีปฏิกิริยาทันใด

เฟิงลี่เบี่ยงหน้าดึงกลีบปากตนเองออก นางสะบัดมือผลักแผงอกหนา ยกขาขึ้นเตะกลางอากาศ มีท่าทีขัดขืนอย่างโมโหเดือดดาล หากสังเกตให้ดีจะพบว่าภายใต้ดวงตาสุกสกาว นางมิได้มองบุรุษตรงหน้าแต่อย่างใด

ทว่าอีกคนไหนเลยจักสังเกตเห็น เพราะทันทีที่ถูกขัดขืน เรียวนิ้วแกร่งจึงหลุดจากปลายคางมน อ๋องหนุ่มถึงกับเบิกตามอง

เนตรคมฉายความพึงพอใจออกมา แต่ปากกลับพูดว่า “ข้าจะให้ปรมาจารย์ด้านราคะมาชี้แนะต่อเจ้าดีหรือไม่? เจ้าต้องรู้ว่าควรทำตัวอย่างไร บุรุษถึงจะชมชอบและพึงใจ”

เฟิงลี่คล้ายไม่ได้ยิน ดิ้นขลุกขลักอย่างไม่ยอมแพ้

เสียงต่อสู้เกิดขึ้นบนเตียงนอนจนม่านมุ้งพลิ้วไหว หลังจากประมือกันหลายกระบวนท่า ชายหนุ่มก็จับแขนเสลาและตรึงขาเรียวยาวของหญิงสาวเอาไว้แน่น ใช้ร่างกำยำของตนขึ้นทับร่างเล็กทั้งตัว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel