บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 14 ก่อนแต่งงาน2

เสียงต่อสู้เกิดขึ้นบนเตียงนอนจนม่านมุ้งพลิ้วไหว หลังจากประมือกันหลายกระบวนท่า ชายหนุ่มก็จับแขนเสลาและตรึงขาเรียวยาวของหญิงสาวเอาไว้แน่น ใช้ร่างกำยำของตนขึ้นทับร่างเล็กทั้งตัว

“เก่งไม่เบานี่ ม้าพยศอย่างนี้ล่ะ ข้าชอบ”

กล่าวจบก็ก้มหน้าอีกคราบดขยี้ริมฝีปากแดงอิ่มอีกครั้ง ไล้ปลายลิ้นร้อนรุกล้ำอย่างถือสิทธิ์ กวาดทุกความหวานล้ำอย่างเอาแต่ใจ นานครู่ใหญ่ก็ยังกลืนกินอย่างดุดัน กระทั่งเห็นนางหายใจรวยรินจึงยอมถอนริมฝีปากออกมา

“ยอมข้าดีๆ ก็สิ้นเรื่องแล้ว”

ยังไม่ทันสิ้นประโยค เฟิงลี่พลันอ้าปากกัดคางคมสันอย่างแรง เจิ้งเซียวเล่อถึงกับชะงัก

ความเจ็บแปลบแล่นปราดจากปลายคางจรดลำคอ ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำทันที

แต่ใครจะคิดว่าเสี้ยวเวลาต่อมาเฟิงลี่พลันอาศัยพลังทั้งหมดที่มียกศีรษะของตนขึ้นอย่างเร็ว โขกซ้ำที่ปลายคางของอ๋องหนุ่มอย่างแรง

เสียงกระดูกกระแทกกันดังลั่นสั่นสะเทือนห้องกว้าง

จังหวะที่เจิ้งเซียวเล่อหงายหลังเสียการทรงตัว เฟิงลี่ยังสะบัดตัวออกจากพันธนาการ ม้วนตัวกลิ้งออกมาแล้วก็ผุดลุกขึ้น

หญิงสาวออกตัววิ่งอย่างไร้ทิศทาง ทว่าวิ่งไปไม่กี่ก้าว ร่างเล็กพลันถูกกระตุกกลับอย่างแรง อ๋องหนุ่มจับร่างนุ่มขึ้นอุ้มพาดบ่าอย่างเกรี้ยวกราด เรือนกายทรงพลังอัดแน่นด้วยไฟโทสะ

เมื่อเรือนร่างแนบชิด ความร้อนจากบุรุษทำร่างนุ่มกระตุกเกร็ง พวงแก้มเห่อแดง แววตาอ่อนเชื่อมลงอย่างช้าๆ

ร่างอรชรค่อยๆ กำเนิดลักษณะยั่วยวนโดยมิตั้งใจ

พริบตาเรียวแขนเล็กพลันยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอแกร่งแล้วโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นางจะจุมพิตอีกฝ่ายตามแรงปรารถนา

เจิ้งเซียวเล่อที่กำลังโกรธาจากการถูกแม่นางน้อยทำร้ายถึงกับเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง ทั้งงุนงงอย่างยิ่ง

อะไรกัน?

อ๋องหนุ่มตกใจจึงเบี่ยงหน้าออก หลบเลี่ยงริมฝีปากนาง ครั้นเห็นเพลิงปรารถนาในแววตานาง กลีบปากบางก็เหยียดยิ้ม

“แพศยา...”

จากนั้นก็อุ้มคนงามกลับไปโยนลงบนเตียงอย่างแรง

เฟิงลี่ยังคงมองเจิ้งเซียวเล่อด้วยสองตาที่เปล่งประกายแวววาวฉ่ำหวานฉายความต้องการแห่งเสน่หาเต็มเปี่ยม

การยั่วเย้าเช่นนี้ทำหัวใจบุรุษเต้นรัว กล้ามเนื้อเกร็งตึง

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นสุนัขแสนเชื่องให้จูงจมูกได้ง่ายกระมัง” เขาก้มหน้าลง กระซิบเสียงเยียบเย็น “จำไว้ ข้ามิใช่ตัวตลกให้ผู้คนขบขัน ข้าจะแก้แค้นเจ้าให้สาสมกับที่กล้าทำกับข้าในวันนั้น”

วันนั้นในป่าอุทยานหลวงนางบังอาจทำให้เขาชอบนาง…

จบคำก็สะบัดชายเสื้อเสียงดังพึ่บเดินจากไป ทิ้งเอาไว้เพียงสายตาล่องลอยมองอย่างไร้สติและไม่เข้าใจไว้เบื้องหลัง

รุ่งอรุณเบิกฟ้าของอีกวัน

ผ้าหนึ่งหอบพลันถูกโยนลงตรงหน้าของเฟิงลี่ที่เพิ่งสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา สาวใช้ร่างอวบผู้หนึ่งเอ่ยปากว่า “ผ้ากองนี้ ท่านอ๋องสั่งให้แม่นางนำไปซักให้สะอาดเจ้าค่ะ”

กล่าวจบก็หมุนตัวจากไปไร้คำอธิบายใดๆ มากไปกว่านั้น บนพื้นห้องหน้าเตียงนอนจึงมีผ้าสกปรกกองอยู่เต็มไปหมด

เฟิงลี่เม้มปาก มองกองผ้าอย่างคุ้นชิน

แต่เพราะเคยอาศัยอยู่ในป่าเขาจึงไม่อาจล่วงรู้ว่าผู้คนแถบนี้ซักผ้ากันที่ใดจึงได้แต่เพ่งมองตาปริบๆ อยู่เป็นนาน

เมื่อเฟิงลี่เดินออกมานอกห้องก็เห็นน้ำตกจำลองแห่งหนึ่ง นางเห็นภูเขาเล็กๆ ตรงหน้ามีน้ำไหลหลากเย็นฉ่ำก็นำผ้ากองนั้นลงไปซักทันที

สาวน้อยใช้เวลาไม่นานในการซักผ้ากองใหญ่ จากนั้นนางเพียงมองซ้ายมองขวาหาพื้นที่โล่งกว้าง ก่อนจะเดินเข้าสวนด้านข้างน้ำตกเพื่อหักกิ่งไม้มาทำราวตากผ้า ท่าทางของนางชำนาญอย่างมาก ผ้าทั้งหมดถูกตากแดดข้างน้ำตกจำลอง

เจิ้งเซียวเล่อที่ยืนแอบมองอยู่ตรงมุมมืดพลันคิ้วกระตุก

นี่นางกล้าเปลี่ยนสวนสวยของเขาเป็นลานซักล้างรึ?

อ๋องหนุ่มไม่รู้ว่าสิ่งที่เฟิงลี่กระทำลงไปล้วนเป็นเพราะสัญชาตญาณในจิตใต้สำนึก หาได้มีสติล่วงรู้อันใดไม่

หลังจากนั้น งานบ่าวไพร่ทั่วไปล้วนตกอยู่ในมือของเฟิงลี่

เจิ้งเซียวเล่อสั่งให้นางทำงานชั้นต่ำทุกอย่าง ปรารถนาเห็นนางทรมานอย่างอารมณ์ดี

“หน้าที่ของภรรยาก็เช่นนี้ ต้องปรนนิบัติสามีให้ดี จงรู้ไว้”

ทว่าเพิ่งสิ้นคำข่มขู่ทุ้มต่ำทรงพลัง กลับเห็นคนงามทำงานหนักด้วยท่าทางสบายๆ มิได้ลำบากอันใด

อ๋องหนุ่มให้นึกอึ้ง จึงสั่งเพิ่มงานให้นางมากกว่าเดิม

ผลที่ได้รับคือ เฟิงลี่ยังคงไม่รู้สึกรู้สา นางสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ดี คล่องแคล่วว่องไว ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใดๆ ไม่ว่าจะเป็นซักผ้า ฝ่าฟืน แบกถังน้ำ แบกไม้ เชือดไก่ แล่เนื้อวัว กระทั่งขุดรูเพื่อดึงอสรพิษร้ายอย่าง ‘งู’ มาต้มน้ำแกงยังทำได้ดียิ่ง

เจิ้งเซียวเล่อให้รู้สึกหงุดหงิดเหลือเกิน

พลบค่ำมาเยือน โถงเรือนสว่างไสวดุจยามทิวา

ท่ามกลางบรรยากาศเย็นฉ่ำ เสียงดนตรีบรรเลงในทำนองไพเราะเสนาะโสต สะกดใจคนฟังอย่างประหลาด

ทั้งที่ทำงานหนักมาทั้งวัน แต่เฟิงลี่กลับมิได้พักผ่อนนางถูกพาตัวมาร่วมชมความครึกครื้นรื่นเริงกับบรรยากาศร่ำสุราเคล้าเสียงเพลงถึงโถงเรือนแห่งนี้

หญิงสาวจึงปรากฏกายด้วยใบหน้ามอมแมม เรือนร่างอาบเหงื่อต่างน้ำ

เมื่อมาถึงจึงได้เห็นบุรุษหนุ่มหล่อเหลานั่งงามสง่าอยู่ตรงตำแหน่งประธานโถง มีสาวงามร่างระหงอรชรเคียงข้างซ้ายขวา แต่ละนางสวมอาภรณ์ยั่วยวนบางเบาแย้มยิ้มยั่วเย้าเคล้าอารมณ์ เนื้อตัวของพวกเขาแนบชิดสนิทสนม คนหนึ่งป้อนเหล้า คนหนึ่งป้อนอาหาร ท่าทางของทุกคนเบิกบานสุขสำราญอย่างมาก

บุรุษหนุ่มผู้สำราญคือเจิ้งเซียวเล่อ บนวงหน้าหล่อเหลาระบายรอยยิ้มยียวนตลอดเวลา

เขาปรายตามองเฟิงลี่อย่างไม่ใส่ใจ พลางดึงสาวงามเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น อ้าปากสีแดงสดรับเหล้าฝั่งหนึ่ง หันมารับอาหารอีกฝั่งหนึ่ง ดื่มกินอย่างเสเพล ทำตัวเหลวไหลอย่างยิ่ง

เฟิงลี่ยืนมองภาพนั้นนิ่งๆ กะพริบตากลมโตอยู่เงียบๆ

โดยไม่รอให้ใครเชื้อเชิญ นางเดินไปนั่งยังทิศทางหนึ่งซึ่งมีโต๊ะอาหารตั้งอยู่ บนโต๊ะมีกับข้าววางเรียงรายหลายอย่าง

เมื่อนั่งลงนางก็ก้มหน้าก้มตากิน คีบตะเกียบไม่หยุด ไม่เงยหน้าขึ้นมองอ๋องหนุ่มผู้เหลวไหลอีกเลย

เจิ้งเซียวเล่อให้รู้สึกโกรธายิ่ง จึงผลักสาวงามออกไปไกล แล้วตบโต๊ะดังปัง ส่งผลให้เฟิงลี่สะดุ้งเฮือกหนึ่ง ถึงกับเงยหน้าขึ้นจากชามข้าว มองบุรุษเจ้าสำราญด้วยสองตาไร้เดียงสา

เมื่อประสานสายตากับดวงตากลมโตสุกใสของนางแล้ว อ๋องหนุ่มก็สบถในใจ

ไยนางไม่หึงหวง ไฉนไม่อาละวาด

ว่าที่สามีกำลังนอกใจอยู่นะ!

เจิ้งเซียวเล่อให้รู้สึกหมดสิ้นเรี่ยวแรง

การกลั่นแกล้งว่าที่ภรรยาสามวันทำเขาเหน็ดเหนื่อยนัก

เรียวคิ้วเข้มยิ่งนานยิ่งขมวดพันกันแน่นโดยไม่รู้ตัว

หรือแท้จริงแล้วเป็นเพราะเขากับนางยังมิได้เข้าหอนางยังไม่เป็นของเขาโดยสมบูรณ์จึงไม่รู้สึกอะไรเลย ใช่หรือไม่?

ความคิดฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นเช่นนี้ แรกเริ่มบ้าคลั่งหลังๆ ค่อยๆ สงบลง ริมฝีปากบางของอ๋องหนุ่มจึงเริ่มยกยิ้มเยียบเย็น

เจิ้งเซียวเล่อสรุปให้ตนเองได้ในใจ รอให้นางเป็นของเขาโดยสมบูรณ์ก่อนค่อยแก้แค้นต่อก็ยังไม่สาย...

รุ่งเช้าวันต่อมา ก่อนแต่งงานสามวัน จางฉวนจึงถูกเรียกตัวเข้าพบเป็นการด่วน

เจิ้งเซียวเล่อสั่งการเสียงเย็น “เอาตัวนางกลับไปส่งที่เดิม คอยเฝ้าดูอย่าให้ผิดพลาด งานมงคลต้องเกิดขึ้นเท่านั้น”

ลูกน้องใต้อาณัติ หากนายเหนือหัวให้ไปทิศเหนือย่อมไปทางเหนือ หากให้ลงใต้ย่อมลงใต้ หากให้ไปตายพวกเขาย่อมตายโดยไม่ลังเล

สิ่งที่ต้องยึดปฏิบัติเท่าชีวิตคือคำสั่ง ฟังให้มากพูดให้น้อย หากไม่ถูกไต่ถามยิ่งไม่อาจพูดได้เลย

จางฉวนจึงทำเพียงรับคำและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เขาพาเฟิงลี่กลับไปยังเรือนริมทะเลสาบที่คุมขังนางดุจเดิม

เจิ้งเซียวเล่อจึงนั่งนับวันรอด้วยใจจดจ่อ ความคิดลึกล้ำ แท้จริงเขากำลังพบว่าตนเองมิได้รังเกียจสตรีนางนี้เลยสักนิด

ต่อให้นางทำผิดศีลธรรมคิดร่วมมือกับพี่สาวอย่างไรเขาก็ยังไม่อาจปล่อยนางไป

รอจนผ่านงานมงคลก่อน นางย่อมเป็นคนของเขาตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ยามนั้นจะจัดการอย่างไรก็ย่อมได้

ครั้นเห็นสีหน้านิ่งสงบกับแววตากระจ่างใสของนางแล้ว บางทีสตรีร้ายกาจที่ชมชอบการล่อหลอกบุรุษอาจจะขัดเกลาให้กลายเป็นสตรีดีพร้อมได้กระมัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel