ทำไม
หันมาพอดีกับที่จางอี้หลงชะงักฝีเท้า ร่างเล็กเซถลาหงายหลังด้านหลังเป็นเตาไฟร้อนระอุจางอี้หลงกับอ้อมแขนแข็งแรงคว้าเอวบางดึงเข้าหาตัวออกห่างกองไฟเผลอสูดกลิ่นกายเข้าไปเต็มปอดความรู้บางอย่างแล่นเข้าสู่หัวใจ
ชินหยูเงยหน้าขึ้นมองแววตาตื่นตระหนกขืนตัวไว้เสียพยายามขยับตัวถอยห่าง
"จะดิ้นทำไมจะโดนไฟลวกหากข้าไม่คว้าไว้"
"ปล่อยเถอะเจ้าค่ะพี่เขย"
"ข้าบอกให้เรียกท่านแม่ทัพ"คำว่าพี่เขยตอกย้ำความจริง
สายตาจับจ้องตากลมแววตาตื่นกลัว ไล่มาที่ริมฝีปากอิ่มที่ขยับขึ้นลงยามเอื้อนเอ่ยวาจาจ้องมองจนเผลอขบเม้มริมฝีปาก กระหายที่จะลิ้มลองรสหวานจากริมฝีปากนั้น สะบัดหัวไล่ความคิดชั่วร้ายในใจ
"คุณหนูรองเจ้าขา มะเขือเทศลูกใหญ่น่ากินเสียจริง เสี่ยวจูยังนึกแปลกใจว่าคุณหนูไปพบเห็นมันได้อย่างไร"
ส่งเสียงก่อนจะเห็นตัวด้วยซ้ำไป จางอี้หลงปล่อยอ้อมแขนที่กอดรอบเอวบาง หันรีหันขวาง
"ท่านแม่ทัพ"เสี่ยวจูย่อกาย
"อืมเตรียมอาหารบำรุงให้ฮูหยินของข้าด้วย นางตื่นมาจะได้กินในทันที"
ก้าวขาออกจากห้องครัวไป เสี่ยวจูก้มมองใบหน้าแดงระเรื่อของชินหยู
"คุณหนูรองเจ้าขา…นายท่านแม่ทัพไม่ได้ล่วงเกินอะไรคุณหนูรองของเสี่ยวจูใช่ไหม"
ก้มมองใบหน้าเขินอายที่ปิดปากเงียบ
จางอี้หลง อมยิ้มเมื่อคิดถึงเรื่องเก่าก่อน อมยิ้มกับความทรงจำที่มี ชินหยูบัดนี้นางเปลี่ยนไปทำไมเขาจะไม่รู้สึกสายตาไม่ตื่นกลัวและเศร้าสร้อยเหมือนเก่ามีเพียงสายตาซุกซนและใคร่รู้ อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อวานหากเขาจุมพิตนางอย่างที่อยากทำ ไม่หักห้ามใจที่ยากเย็นแสนเข็ญนางจะมีท่าทีเช่นไร คงจวนแม่ทัพแทบแตกไปเสียกระมั้งในเมื่อชินหยูหาใช่คนเดิม
"ข้า จะเว้นระยะห่างจากนางเสียหน่อย ระยะนี้บางทีนางอาจต้องกลับไปแต่งงานที่ตระกูลลี่"
น้ำเสียงขาดหายในลำคอ ตงเฟิงมองท่าทีของอี้หลงด้วยความรู้สึกเห็นใจ จะไม่รู้ได้อย่างไรในเมื่อเขารับใช้ใกล้ชิดมาตลอดเบื้องลึกเบื้องหลังย่อมรู้ดี แต่งงานมาเกือบสองเดือนป่านนี้ นายท่านยังไม่ได้ร่วมหลับนอนกับนายหญิงสักครั้ง
“คุณหนูรองเจ้าขาเรื่องที่เราตกลงกัน”
“ข้าเข้าใจแล้วแต่ ตอนนี้ข้ายังต้องการความจริง”
“ความจริงใดกันคุณหนูรองอย่าบอกนะว่า…แม้แต่ท่านยังไม่รู้ว่าใครกันที่ เป็นพ่อของลูกในท้องของท่านเป็นใคร”
จะบอกอย่างไร ได้แต่สะดุ้งกับคำพูดของเสี่ยวจู หากเป็นสมัยนี้ก็คงพูดว่า มั่วจนไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก แต่จะว่าไปชินหยูก็ไม่ใช่ตัวเล็กนี่นางทอดกายให้ใครบ้างใครจะรู้ พี่เขยก็ทำใจสั่นหุ่นดีล่ำบึกกล้ามแน่นแล้วยังมีแรงดึงดูดทางเพศยิ่งนัก คนอะไร หล่อลากไส้แล้วยังชอบทำให้ใจสั่น แค่มืออุ่นที่โอบรอบเอวก็ทำใจสั่นแล้ว แล้วคนน้องที่แม้จะทีเล่นทีจริงแต่ก็หล่อไม่แพ้กัน อีกอย่างคำพูดบางคำแม้จะหยิกแกมหยอกแต่พร้อมจะทำตามสัญญาไม่เหมือนลุงข้างบ้านที่สัญญาไปวันๆ
“คุณหนูรองเจ้าขา ไหนว่าเราจะหนีไป หากคุณหนูยังอยู่ที่นี่ เสี่ยวจูกลัวเหลือเกินว่า อะไรอะไรจะเลวร้ายไปกว่านี้ นายท่านแม่ทัพเอง ก็เอาใจฮูหยินยิ่งนัก เสี่ยวจูจึงอยากจะเตือน”
“ไม่ต้องห่วงน่า555 เสี่ยวจู ข้าเป็นยูโดสายดำ หากคนพวกนั้นคิดรังแกข้า ไม่แคล้วจะต้องลงไปนอนนับดาว”
“ยูโดสายดำ”
“อ่อข้าหมายถึงการต่อสู้”
“คุณหนูไปฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เมื่อไหร่”เสี่ยวจูยกมือขึ้นแตะที่หน้าผาก คิดว่าเพอ้พกเพราะอาการป่วยไข้
“เชื่อเถอะน่าข้าไม่ได้โกหก รับรองได้ว่าไม่มีใครรังแกข้าได้ต่อจากนี้”
“แต่ความจริงหากมันทำให้เจ็บปวดคุณหนูท่านจะรื้อฟื้นมันทำไมกัน”
ตัวเล็กถอนหายใจ อยากจะบอกว่าเสี่ยวจู นายหญิงของเธอนะจากไปแล้วหากเธอรู้แบบนั้นยังอยากจะให้ตัวเล็กคนหาความจริงให้อีกไหม ในฐานะตำรวจหญิงเรื่องแบบนี้ ยอมไม่ได้…อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล จะต้องมีใครสักคนรับผิดสิ่งที่ก่อขึ้นมา
“ข้าสัญญาว่าจะไม่เจ็บปวดจะไม่ยอมเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวผูกพันกับคนร้ายพวกนั้นข้าแค่เพียงต้องการ หาตัวคนที่ทำให้…ลูกของข้าจากไป”
ความจริงไม่ได้มีอะไรในท้องไส้ของตัวเล็กไม่ได้รู้สึกอะไร นี่ยิ่งต้องการความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ตัวเล็กมาได้อย่างไรทั้งตัวแล้วร่างของชินหยูคนนั้นเล่าไปอยู่ที่ไหน
“คุณหนูต้องระวังตัวให้มาก”
ชินเหอก้าวขาเข้ามาในห้องพร้อมกับเสี่ยวตื้อ
“น้องพี่ คงตกใจไม่น้อย เรื่องที่ท่านพี่ปฏิบัติต่อเจ้าก่อนหน้านั้น”
ตัวเล็กก้มหน้าซ่อนยิ้ม ปลากำลังติดเบ็ดพอดีเลยมาให้ตัวเล็กจับโกหกพอดี
“ข้า นำกำไลหยกชิ้นนี้มาปลอบใจเจ้า”ตัวเล็กขมวดคิ้ว
“ปลอบใจ”