ข้าผิดเอง
ชินหยูย่อกายจากไป จางอี้หลงหันกลับมา กอดรวบร่างบางของชินเหอไว้ในอ้อมแขนด้วยความรัก กดจมูกโด่งลงที่แก้มนุ่ม
“อย่าเพิ่งไป ข้าคิดถึงเจ้าจริง”
ดึงมือชินเหอยังแท่นนอนชินเหอที่เอาแต่ก้มหน้าแกะมือใหญ่ออกห่าง
“ท่านพี่ ยังไม่มืดค่ำอีกอย่างข้าไม่ได้ไปไหนแค่เพียงแวะไปช่วยชินหยูนางจัดข้าวของ”
โกหกทั้งๆ ที่ไม่เคยหยิบจับอะไร
“รอมืดค่ำข้าคงใจจะขาดเสียให้ได้ ก่อนจะได้ใกล้เจ้าเหมือนเมื่อคืน เมื่อคืนเรามีความสุขเพียงไหนเจ้าทำให้ข้ามีความสุขเพียงไหนจำไม่ได้หรือไร”
ชินเหอยิ้มบางๆ เบี่ยงตัวหลบก้มหน้าเขินอาย
“วันนี้รอบเดือนของชินเหอมา ท่านพี่คงต้องอดใจรออีกหลายวัน” จางอี้หลง ถอนหายใจยาว
“ฮูหยินข้า ข้าคงจะต้องอดทนดังเจ้าพูดจริงไหม”
ชินเหอยิ้ม ยกมือขึ้นลูบแก้มอุ่นของจางอี้หลงเบาๆจุมพิตที่แก้ม
“รอก่อน อีกไม่นานท่านพี่ท่านก็รู้ว่าข้า อย่างไรก็หนีท่านไม่พ้น”
จางอี้หลงยิ้มกลืนน้ำลายลงคออย่างแสนเสียดายทั้งๆ ที่รสรักเมื่อคืนถึงอกถึงใจเสียงครางกระเส่าหวานแววเมื่อคืนที่ผ่านมา ยังติดอยู่ที่หูของเขานางสุขเขาสุขนับว่าโชคดีที่เรื่องบนแท่นอนของเขากับนางเข้ากันได้ดีเกือบจะเรียกว่าดีเกินคาดในเมื่อชินเหอนางกิริยาอ่นปวานทว่าเรื่องบรนแท่นอนนางกับตั้งรับเขาที่แกร่งกล้าได้ดีไม่น้อย เขาที่เต็มที่กับทุกเรื่องรวมทั้งเรื่องบนแท่นนอน
“ข้ายินดีรอ”
จางอี้หลาง เดินเอามือไพล่หลังชมนกชมไม้เหมือนที่เคยทำในทุกวัน
ร่างเล็กของชินหยูกำลังสารวนกับการกวาดลานบ้าน เสี่ยวจูหอบผ้าไปซักยังลำธารใสที่ไหลผ่านจวนแม่ทัพ เสียงกวาดใบไม้ดังสม่ำเสมอ อี้หลางยืนเอามือไพล่หลังมองร่างเล็กที่มีใบหน้างดงามอย่างเพลิดเพลิน
“อุ๊ย”มือเรียวเล็กจับมือของชินหยูไม่ให้ล้มลงไป
“เจ้าเป็นใคร”ชินหยูยังไม่ทันจะตอบคำถาม
“อ๋อข้านึกออกแล้ว น้องสาวฮูหยินท่านพี่ แม่นางลี่ชินหยู”ยิ้มสดใส
ชินหยูยิ้มด้วยใบหน้าสว่างใสเฟหมือนกันท่าทีเป็นมิตรรอยยิ้มเปิดเผยยิ่งกว่าแม่ทัพจางอี้หลงที่แม้จะคมเข้มกว่าแต่ดวงตากลับคมกริบดังมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในดวงตา บางครังคิ้วคมยังขมวดเข้าหากันแต่จางอี้หลางคนนี้กลับทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
“ท่านเล่า คือใครกัน”
“ข้าจางอี้หลาง”ยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ยินดีที่ได้พบเจ้า แม่นางชินชิน”
น้ำเสียงสดใส ชินหยูยิ้มกว้างตอบกลับไป
ห้องนอนของแม่ทัพอี้หลงกับชินเหอ
“ท่านพี่ ข้าวันนี้ยังไม่พร้อม”
“เจ้าอิดออดข้ามาหลายวันแล้ว”
“ท่านพี่หลายปีมานี้ข้าป่วยไข้จึงต้องอยุ่แต่เพียงในจวนเสนาบดี ท่านคงต้องอดทนอีกหน่อยให้ข้าแข็งแรงกว่านี้อาจจะสนองความต้องการของท่านได้วันนี้แค่เพียงข้ากล่อมท่านปหลับไหลไปพร้อมกันดีไหม”ด้วยรักจึงยินดีกับสิงที่ชินเหอทำด้วยรักจึงพอใจแค่นั้นก็พอ
ยามไฮ่ไม่อาจข่มตาหลับไหลเอามือไพล่หลังยืนเหม่อไปข้างหน้าชินเหอนางหลับไปแล้ว เบื้องหน้าตรงกันข้ามกับห้องนอนท่านแม่ทัพชินหยูนั่งบนแท่นหินอ่อนหันข้างมือเรียวซีดคัดเมล็ดผักในถาดใหญ่ยิ้มสวยเมื่อจางอี้หลางเดินมาทรุตัวข้างหน้ายาวสลวยที่กลางแผ่นหลัง ไม่ได้มัดรวบเพียงเสี้ยวหน้ายิ่งน่ามองเขากลืนน้ำลายลงคอช้าๆๆสะบัดศีรษะไปมา รอยยิ้มที่ส่งให้จางอี้หลางช่างเปิดเผยจริงใจ
นางอายุเท่าไหร่กันนะหากเขาจะส่งเสริมนางกับอี้หลางก็คงจะดีในเมื่อทั้งสองคนเข้ากันได้ดีเพียงนี้
หนึ่งเดือนผ่านไป
“คุณหนูรองเจ้าขา ทำไมถึงใบหน้าซีดเซียวเพียงนั้น”
เสี่ยวจูเอ่ยปากถามเบาๆ ราวกระซิบเมื่อเห็นว่าชินหยูไม่ยอมกินอะไรเอาแต่ โก่งคอโอ๊กอ๊ากแทบจะทุกเวลาอาหารอาหารไม่ถุกปากหรือว่าอย่างไร
“เจ้าอย่านำเรื่องนี้ไปบอกใคร ถือว่าข้าขอร้อง”
เสี่ยวจูพยุงร่างเล็กไปนั่งบนแท่นนอน อาการวิงเวียนที่มีแทบทุกเวลาทำเอาชินหยูไม่อาจช่วยงานเสี่ยวจูได้เท่าที่ควร
“นายหญิง เสี่ยวจูหมายถึงคุณหนูใหญ่ คงจะทราบเรื่องนี้แล้วเพราะสาวใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่ เสี่ยวตื้อนางเห็นคุณหนูรองอาเจียนเมื่อวันก่อน”
“ข้ากลับไปที่ตระกูลลี่จะดีไหม”
“คุณหนูแบกรับเรื่องนี้เพียงลำพังไหวหรือไรหากมีคนถามถึงเรื่องพ่อของเด็กในท้อง”ชินหยูหลับตาลงช้าๆ
“เจ้าก็รู้หรือว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา”
“เจ้าค่ะคุณหนูเสี่ยวจูมองแค่หางตาก็รู้ได้ ว่าคุณหนูกำลังตั้งครรภ์เราไปตรวจกับท่านหมอที่ตลาดดีไหมเจ้าค่ะเอาให้แน่ใจไป เสี่ยวจูไม่ถามคุณหนูว่าใครคือพ่อเด็ในท้องแต่ คุณหนูเจ้าขาคนคนนั้นจะต้องรับผิดชอบเจ้าค่ะ”
“ไม่มีใครเป็นพ่อเด็ก มีเพียงข้าที่เป็นมารดาเท่านั้น”
“เก็บข้าวของที่สำคัญให้ข้าข้าจะหนีไปเสียไปจากที่นี่แต่ไม่ใช่ตระกูลลี่ ส่วนเจ้า”ดึงถุงเงินออกมาจากอกเสื้อ
“เงินนี่คงพอช่วยเจ้าเริ่มต้นชีวิตใหม่”
"ไม่ คุณหนูเสี่ยวจูจะไปกับท่านไปไหนไปกันเสี่ยวจูจะดูแลคุณหนูเอง เสี่ยวจุไม่มีทางทิ้งคุณหนูให้ลำบากเพียงลำพัง”
โอบกอดร่างเล็กของชินหยูไว้แน่น