พลีกายเพื่อชายที่รัก

22.0K · จบแล้ว
กาสะลอง
15
บท
9.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“เธอรู้จักคำว่าตอบแทนไหม… ฉันช่วยเหลือเธอทุกอย่าง… ทั้งเรื่องลูกเรื่องผัวโดยไม่เอาเงินสักบาท… ฉันขอแค่ได้เอาเธอสักครั้ง ได้จัดหนักเธอสักครั้ง… เธอจะใจร้ายไม่ยอมให้ฉันเชียวหรือพิกุล” คำพูดที่หลุดออกมาจากปากทนายเอกพล ทำให้อานนท์รู้ว่าอะไรเป็นอะไร “อย่า... ซี้ด... อูย... อ๊อย... มะ... ไม่... ซี้ด” นางพิกุลร้องครางอย่างสับสน เมื่อโดนร่างกำยำใหญ่จู่โจมกอดจูบ แบบนี้คงไม่ใช่ขืนใจแล้วกระมัง เพราะว่าท่าทางโอนอ่อนของแม่ ทำให้คนเป็นลูกชายซึ่งกำลังอยู่ในวัย ‘ใจแตก’ โตพอและเคยเรียนรู้เรื่องเพศว่าอะไรเป็นอะไร ต้องยกมือขึ้นปิดปากของตัวเอง สะกดกลั้นเสียงอุทานให้กลืนหายลงในลำคอ ด้วยกลัวว่าคนในห้องจะได้ยิน “อย่า... เดี๋ยวลูกชายฉันลงมาเห็น… อย่าทำบ้าๆ นะ” พิกุลดิ้นรนน้อยๆ อานนท์รู้ว่ามารดาของตนไม่ได้ขัดขืนอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่ก็พยายามทุบตีทนายเอกพลรัวๆ ที่อก หัวไหล่ แต่ก็ไม่ได้รุนแรง อีกทั้งสีหน้าก็ยังออกอาการหวามไหวมีอารมณ์ กำลังจะแพ้พ่ายต่อความต้องการทางเพศที่ซุกซ่อนเอาไว้

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันนอกใจนางเอกเก่งดราม่ารักวัยรุ่นรักแรกพบโรงแรม/มหาลัย

ตอนที่ 1

ณ เรือนจำของประเทศแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้

ภายในห้องเล็กๆ ที่จัดไว้ให้ญาติกับผู้ต้องหาได้คุยกันผ่านช่องเล็กๆ ของบานกระจก

“พี่นพ… พี่ต้องสู้นะคะ ฉันกับทนายจะหาทางช่วยทุกทาง”

พิกุลกล่าวกับ ‘มานพ’ สามีของหล่อนที่ตอนนี้กำลังต้องโทษคุมขังอยู่ในคุก มือเรียวเอื้อมมาสัมผัสผ่านบานกระจกที่มีเพียงช่องน้อยๆ ให้เสียงสนทนาได้ลอดผ่าน

“โถ… ก็พี่โดนโทษหนักถึงขนาดนี้… เอ็งเลิกพยายามเพื่อพี่เถอะพิกุล”

มานพผู้เป็นสามี กล่าวอย่างสิ้นหวังกับอนาคต แววตาปลดปลงต่อโชคชะตา ด้วยตระหนักดีว่าโทษสำหรับผู้ค้ายาเสพติดนั้นหนักกว่าโทษของการเป็นผู้เสพ

“ทนายเอกพลสัญญาว่าจะช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่… พี่นพอย่าเพิ่งหมดหวังนะ”

พิกุลเอ่ยถึงทนายชื่อ ‘เอกพล’ ที่อาสายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องคดี โดยการแนะนำของเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่สงสารครอบครัวของหล่อน

“เชื่อพี่… เอ็งอย่าดิ้นรนให้มันเสียเงินเสียทองไปเลย… คดีพี่สิ้นสุดแล้ว… โทษของพี่คือจำคุกตลอดชีวิต มันชัดเจนแล้ว… พี่ทำใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องแก่ตายในคุก”

คนที่รู้ตัวดีว่าจากนี้ไปจะต้องใช้เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก กล่าวเสียงเศร้ากับภรรยา

แม้ว่ามานพจะทำใจเอาไว้แล้ว ว่าจะยอมรับชะตากรรมในสิ่งที่ก่อ ครั้งนี้มันเหมือนเป็นการ ‘ชดใช้กรรม’ เพราะว่าการ ‘ขายยาบ้า’ ไม่ได้สร้างปัญหาเฉพาะตัวคนเสพเท่านั้น หากมันยังหมายถึงพิษภัยต่อชีวิตของผู้คนในสังคมรอบข้างที่โดนมอมเมา ไม่งั้นคงไม่มีข่าวคนเมายาคลั่ง คว้ามีดมาปาดคอประชาชนผู้บริสุทธิ์

“จะยังไงก็แล้วแต่… แม้จะอุทธรณ์ไม่ได้แต่เราก็จะไม่หมดหวัง”

พิกุลยังแอบหวังอยู่ลึกๆ ถึงการขอลดหย่อนโทษ ลดระยะเวลาที่สามีของหล่อนจะต้องติดอยู่ในคุก

“พี่นพต้องสู้นะ”

พิกุลให้กำลังใจสามี น้ำตาของหล่อนไหลพรากลงมาอาบแก้มนวล หลังจากรู้ว่าสามีถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต

วันต่อมา

ตอนบ่าย พิกุลแวะมาหาทนายเอกพลตามที่เขานัดหมายเอาไว้

“สวัสดีค่ะ… ”

พิกุลยกมือไหว้ทนายหนุ่มใหญ่ หน้าตาคมเข้มจัดว่าหล่อเหลา ผิวก็เข้ม รูปร่างสูงใหญ่เหมือนฝรั่ง ที่ริมฝีปากของเขามีแพหนวดสีดำหนาปรกเอาไว้ ดวงตาคมกริบ ใบหน้าเขาดูดุมากถ้าไม่ยิ้ม

“เชิญนั่งก่อนครับ”

ทนายที่ตอนนั้นกำลังนังเอนหลังพิงเก้าอี้อยู่ที่โต๊ะทำงาน ส่งยิ้มพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้พิกุลทรุดร่างลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่ยังว่างอยู่ตรงหน้า

“ขอบคุณค่ะ”

สะโพกกลมกลึงที่ทนายเอกพลจ้องมองตาเป็นมัน หย่อนลงนั่งบนเก้าอี้ มองสะโพกยังไม่พอ หากสายตาของเอกพลจับจ้องมองทรวงอกอวบใหญ่ของพิกุลไม่วางตา ด้วยหล่อนเป็นผู้หญิงสวยมาก

พิกุลนมใหญ่ ใบหน้ารูปไข่ ผิวพรรณขาวผ่องมีน้ำมีนวล ผมสีดำยาวสลวย เอวคอดรับกับสะโพกที่มองดูคล้ายรูปทรงของนาฬิกาทราย หล่อนมีทรวดทรงองค์เอวที่สะดุดตาชาย เชื่อว่าใครได้เห็นเป็นอันต้องมองเหลียวหลังกันทั้งนั้น

พิกุลกับทนายเอกพลไม่ใช่เพิ่งรู้จักกัน เพราะว่าเมื่อเดือนก่อนเขาก็เพิ่งช่วยเหลือ ‘อานนท์’ ลูกชายของหล่อนที่โดนตำรวจจับในข้อหาเล่น ‘แว๊น’ และแอบเล่นยากับแก๊งมอเตอร์ไซค์กลุ่มหนึ่งที่อยู่ในซอยเดียวกัน

ถ้าวันนั้นทนายเอกพลไม่ยื่นมือเข้าช่วย อานนท์ลูกชายหล่อนคงต้องโดนโทษถึงคุก ฐานขับรถด้วยความประมาท เอารถมอเตอร์ไซค์ออกไปแว๊นจนก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินรวมถึงความปลอดภัยของผู้อื่น

พิกุลย้อนระลึกไปถึงวันนั้น หล่อนยกมือไหว้ทนาย เส้นสายในทางมืดของเขาทำให้ลูกชายหล่อนไม่โดนสั่งริบรถของกลางที่ยังต้องผ่อนส่งกับไฟแนนซ์อีกหลายงวด

‘ขอบคุณค่ะคุณทนาย… สำหรับเรื่องลูกชายฉัน’

พิกุลย้อนระลึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันนั้น หล่อนยกมือไหว้ มองหน้าทนายรูปหล่อ ใบหน้าของเอกพลคมเข้มเพราะเป็นลูกครึ่งแขก

‘ไม่เป็นไรครับ’

เอกพลกล่าวยิ้มๆ

‘ถ้าวันนั้นคุณทนายไม่ช่วย… ลูกชายฉันต้องเดือดร้อนแน่ๆ’

‘ฉันช่วยเพราะสงสารเธอ… ฉันไม่ต้องการเงินทองอะไรจากเธอทั้งนั้น’

ทนายเอกพลกล่าวกับพิกุลราวกับว่าเขาเป็นพ่อพระผู้ใจบุญ พิกุลหารู้ไม่ว่าเบื้องหลัง ‘หน้ากากคนดี’ ยังมี ‘ซาตานร้าย’ แฝงตัวอยู่ในร่างเดียวกัน รอวันที่จะเผยความชั่วร้ายออกมา

วันนี้ทนายเอกพลนัดให้พิกุลมาพบที่สำนักงานกฎหมายของเขา เพื่อพูดคุยถึงแนวทางที่จะช่วยเหลือสามีของหล่อนให้ได้รับการลดหย่อนโทษ

ทว่าเมื่อหล่อนมาที่สำนักงานของเขา ด้วยความสะสวยของพิกุลที่เขาได้เห็นใกล้ๆ ชัดๆ ทำให้แผนชั่วผุดวาบเข้ามาในใจของทนายหื่น จึงออกอุบายว่าตอนนี้เขามีธุระด่วน แต่ค่ำๆ จะแวะไปคุยธุระกับหล่อนที่บ้าน

ในเวลาต่อมา

ตอนค่ำ ที่บ้านของพิกุล ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม ภายหลังเสร็จจากอาบน้ำ อานนท์ล้มกายลงนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงพักใหญ่ๆ

ทว่าไม่ทันที่จะข่มตาหลับ ในหูก็พลันได้ยินเสียงรถกระบะแล่นมาจอดที่หน้าบ้านของตน

ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากเตียง ก้าวมาที่หน้าต่าง ชะโงกใบหน้ามองลงมาที่หน้าบ้าน เห็นนางพิกุลมารดาของหล่อนที่นอนอยู่ชั้นล่าง เดินออกมาเปิดประตูรับผู้มาเยือนในยามวิกาล

แสงไฟดวงโคมที่เสาไฟฟ้าสว่างพอให้มองเห็นว่าคนที่มาหามารดาของตนในยามวิกาลนั้นก็คือทนายเอกพล ที่อานนท์จำหน้าได้ก็เพราะว่าเคยเจอกันเมื่อคราวที่โดนตำรวจจับเพราะออกไปแว๊น

“คุณทนาย”

ท่าทางพิกุลไม่ได้ตกใจนัก ที่เห็นร่างสูงใหญ่ของทนายหนุ่มใหญ่ลูกครึ่งแขกก้าวลงมาจากรถ ที่ไม่ตกใจก็เพราะหล่อนรู้ล่วงหน้าว่าเขาจะมาหา หากจะประหลาดใจก็ตรงที่เหตุใดเขาจึงมาดึกป่านนี้

“อยู่คนเดียวหรือจ๊ะพิกุล”

ทนายถามเสียงหวาน

“อยู่กับเจ้านนท์ลูกชายจ้ะ… เข้าห้องนอนไปนานแล้ว ป่านนี้คงหลับแล้ว”

“ไหนๆ ผมก็อุตส่าห์มาถึงบ้าน... ขอโทษที่มาดึกไปนิด จะเป็นไรไหมถ้าผมจะขอเข้าไปคุยกับคุณในบ้าน”

ทนายกล่าว พิกุลได้กลิ่นเหล้า หล่อนจ้องหน้าเขาด้วยอาการสองจิตสองใจ หากสุดท้ายพิกุลก็จำต้องเปิดประตูรับ ยอมให้เขาเข้ามาในบ้าน

อานนท์เคยนึกนึกสงสัยว่าทนายคนนี้น่าจะแอบชอบมารดาของตนซึ่งเป็นคนสวย

อานนท์ไม่อยากคาดเดาความสัมพันธ์ของมารดากับทนายเอกพลคนนี้ไปในทางร้าย เพราะเมื่อ