ตอนที่ 2
“ท่านเจ้าขา… ท่านรู้หรือไม่ว่าสามีของข้าอยู่ที่ไหน… ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่… ท่านรู้หรือไม่?”
รจนาพนมมือไหว้ ละล่ำละลักถามรุกขเทวดาด้วยความอยากรู้
“ข้ารู้… ตอนนี้สามีของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่เขาติดอยู่ในเมืองลับแล”
รุกขเทวดาชราตอบด้วยเสียงเอคโค่กังวานราวกับใช้เอฟเฟคของไมโครโฟน เสียงนั้นสะท้อนกึกก้องอยู่ในหูของรจนา
“อะไรนะ!… เขาติดอยู่ในเมืองลับแล”
รจนาทั้งดีใจและตกใจในเวลาเดียวกัน
“ใช่… เมืองลับแล เมืองที่เต็มไปด้วยอำนาจแห่งมนต์ดำ ใช่ว่าใครจะเข้าไปได้ง่ายๆ”
“แล้วเมืองลับแลที่ว่านี้… อยู่ที่ไหนหรือจ๊ะท่านรุกขเทวดา”
รจนารีบถาม หล่อนดีใจที่รู้ว่าสามียังมีชีวิตอยู่
“เมืองลับแลที่ว่า… อยู่หลังกำแพงตรงหน้าเจ้านี่แหละ”
รุกขเทวดาตอบ
“อะไรนะ… ”
รจนาจ้องมองกำแพงตรงหน้า ซึ่งก็เป็นเพียงแค่กำแพงเก่าคร่ำธรรมดา ไม่ได้มีความพิเศษแตกต่างไปจากบริเวณอื่นๆ ที่เต็มไปด้วยตะไคร่สีเขียวเลื้อยปกคลุมขึ้นมาจากพื้น
“ข้าจะไปช่วยสามีของข้า… ได้โปรดช่วยข้าด้วยเถอะ… ข้าจะไปที่นั่นได้อย่างไร ได้โปรดชี้แนะหนทางให้ข้าด้วยเถอะท่านรุกขเทวดา”
รจนาพนมมือไหว้วิงวอน
“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าจะเข้าไป… แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้มีความพยายามและมีใจเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นอยากช่วยสามี”
รุกขเทวดาเฒ่ากล่าวให้คิด
“ยังไงจ๊ะท่านรุกขเทวดา… ”
สิ่งที่ได้ยิน ยิ่งทำให้หญิงสาวอยากรู้
“การที่จะเข้าไปถึงเมืองลับแลที่สามีของเจ้าถูกคุมขัง… เจ้าจะต้องผ่านประตูถึงสามด่าน เป็นประตูที่มีอมนุษย์กระหายกามเฝ้าอยู่หน้าประตู คอยระวังไม่ให้ผู้ใดผ่านเข้าไปในเมืองลับแล”
รุกขเทวดากล่าว
“ข้าจะวิงวอนขอความเห็นใจจากพวกเขา”
เสียงของหล่อนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอยากช่วยสามี
“พวกมันไม่สนใจคำวิงวอนของเจ้าหรอก”
“แล้วข้าจะผ่านเข้าไปได้ยังไง… ได้โปรดบอกข้าด้วยเถิด”
“มันมีหนทาง… แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะรับได้ไหม”
“ยังไงจ๊ะ… ”
“พวกมันต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน… และผู้หญิงสวยอย่างเจ้าก็มีสิ่งที่พวกมันต้องการ เจ้าต้องถอดสลักกุญแจให้ได้ มันเป็นกุญแจที่สลักไว้ด้วยเวทมนตร์… และเวทมนตร์จะถูกทำลายก็ต่อเมื่อ… ”
จากนั้นรุกขเทวดาก็บอกถึงวิธีที่จะทำลายเวทมนตร์ สิ่งที่ได้ยินทำเอารจนาตกใจแทบช็อก
รุกขเทวดาบอกให้รจนากลับมาที่ต้นไทรนี้อีกครั้ง ในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วัน
“เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนตรง ให้เจ้ามายืนหันหน้าเข้าหาต้นไทร ยกมือพนม ตั้งจิตอธิษฐานพร้อมธูปหนึ่งดอก นึกถึงสามีที่สูญหาย ถ้ากระแสจิตของเจ้ามั่นคงแน่วแน่และแรงอธิษฐานรุนแรงพอ… ประตูมิติจะเปิดรับเจ้าสู่เมืองลับแลที่สามีของเจ้าถูกคุมขัง”
“ได้จ้ะ… ข้าจะทำตามที่ท่านบอกทุกประการ”
และในทันทีที่รจนาพูดจบก็มีกระแสลมกรรโชกเข้ามาที่ต้นไทร ก้านกิ่งขย่มขยับอยู่ครู่สั้นๆ ใบร่วงพลิ้วไปตามแรงลมและมีกลุ่มหมอกควันสีขาวพวยพุ่งกำจายขึ้นมาจากโคนลำต้น
รากไทรย้อยไหวโยนอยู่ชั่วอึดใจ จากนั้นร่างของรุกขเทวดาก็อันตรธานสลายไปพร้อมกับกลุ่มควันหนาแน่น ค่อยๆ จางลงกลายเป็นสายหมอกบางเบาแผ่วหายไปในที่สุด
“คุณพระ… ”
รจนาสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงอุทาน
“เราฝันไปหรือนี่”
มือเรียวเอื้อมเปิดโคมไฟหัวเตียง และเมื่อแสงไฟสว่างวาบ หล่อนก็มีอันต้องตกใจยิ่งกว่าในความฝัน เมื่อเหลือบไปเห็นใบของต้นไทรหลายใบ ร่วงหล่นอยู่บนเตียง
อีกสัปดาห์ต่อมา
คืนพระจันทร์เต็มดวงที่รจนารอคอยมาถึงแล้ว หล่อนกลับมายังต้นไทร รอจนกระทั่งเข็มสั้นและยาวของนาฬิกาหมุนมาบรรจบทับกันเป็นเส้นตรงที่เลขสิบสอง จากนั้นก็หลับตาพนมมือพร้อมด้วยธูปดอกเดียวในมือ ตั้งจิตกล่าวคำอธิษฐานในใจ
เพียงอึดใจสั้นๆ ต่อมา…
ก็เกิดกลุ่มหมอกควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาจากโคนต้นไทรแล้วแผ่คลุมโอบอุ้มร่างของหล่อนจนปลายเท้าลอยขึ้นจากพื้น