บทย่อ
“อ๊ะ… อื้อ… ไม่นะ” ทั้งที่พยายามจะไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมากับการกระทำอันน่าอาย แต่สุดท้ายความเงี่ยนก็ไม่เคยปรานีใคร รจนาร้องครางออกมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้ “อู้ว… กลิ่นคาวหอยของเจ้าช่างหอมเหลือเกิน” ทวารบาลสายเบิร์น ปาดลิ้นเลียเสยเข้าใส่ซอกเสียวอย่างเร่าร้อนดุดัน เอามือแบะบีบจนกลีบหอยปลิ้นอ้า เม็ดติ่งเบ่งบวมออกมารับปลายลิ้นกดขยี้ เรียกน้ำคาวสวาทของหล่อนแตกซ่านพรั่งพรูออกมาอย่างน่าอาย
ตอนที่ 1
พลีกามเมืองลับแล
นิยายเรื่องนี้อยู่ใน Set เรื่องสั้นสุดมันส์
ผู้เขียนกาสะลอง
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
ชายผู้มีเขาเหมือนกระทิง ขยับเข้ามาตรงแท่นหินศิลาแลงที่มีความสูงพอดีกับเอวของมัน ได้ระดับองศาที่จะสอดใส่อวัยวะเพศได้พอดี
“โอ๊ย… ไม่ไหวแน่ๆ ของเจ้ามีสองดุ้นแบบนี้ข้ารับไม่ไหวแน่ๆ”
รจนาส่ายหน้าด้วยความหวาดกลัว ในชีวิตของหล่อนยังไม่เคยเจออะไรสุดพิสดารแบบนี้
“ลืมหรือยังไงว่าเจ้าก็มีสองรูเช่นกัน… ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ… ”
อสุรกายหัวเราะหึๆ ยกมือขึ้นลูบน้ำลายที่แผ่นลิ้นสีแดงซึ่งมีความลื่นเป็นพิเศษ เอามาถูที่ร่องสวาทและรูทวารของรจนา ก่อนจะโก่งเอวกดลำเอ็นเข้าใส่พร้อมกันทั้งสองดุ้นในสองรูที่อยู่ห่างกันเพียงเซนติเมตร
“อ๊ะ… อ๊ายยยยย… ”
รจนาสะดุ้งคราง อวัยวะเพศของมันไชชอนเข้าหาเป้าหมายราวกับมีตา เพียงแค่จ่อเข้ามาใกล้ช่องทาง ส่วนปลายสีม่วงถอกทู่ ก็เคลื่อนตัวแหวกกลีบเข้ามาในโพรงสวาทและรูทวารของหล่อนได้อย่างเหลือเชื่อ ก้อนไข่หดเกร็งเสียคาอยู่กับปากรูเบ่งบวม
พลีกามเมืองลับแล
กลางดึกของคืนหนึ่ง
รจนาสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกในสภาพเหงื่อกาฬแตกซ่านเต็มใบหน้า ภาพในความฝันเมื่อครู่ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำของหล่อน
ในความฝันเมื่อครู่… หล่อนเห็นศักดาผู้เป็นสามีที่ตอนนี้กลายเป็นบุคคลสูญหายไปนานปีกว่า ในภาพนิมิตเมื่อครู่หล่อนเห็นเขาถูกขังอยู่ในคุก ทุกด้านล้อมไว้ด้วยต้นไผ่สูงตระหง่านแข็งแรงโอบล้อมเป็นวง ที่ข้อเท้ามีโซ่ตรวนเส้นเขื่องพันธนาการเอาไว้ เขานั่งอยู่ในสภาพร่างกายผ่ายผอม ใบหน้าซูบซีด ผมยาว หนวดเครารุงรังนัยน์ตาเศร้าน่าเวทนา
“ทำไมเราฝันซ้ำๆ แบบนี้นะ… ”
รจนาพึมพำด้วยความสงสัย
ด้วยหล่อนฝันในลักษณะนี้ติดต่อกันมาตลอดหนึ่งปี หลังจากวันที่สามีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“หรือว่าเขายังมีชีวิตอยู่… ?”
รจนารำพึงกับตัวเองอย่างมีความหวัง ความฝันทำให้หล่อนเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ยอมรับว่าจนปัญญาที่จะติดตามหา เพราะไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน แต่ที่หล่อนเชื่อว่าเขายังไม่ตายก็เพราะว่าไม่มีใครเคยพบศพของศักดา
วันต่อมา
ตอนหัวค่ำ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้รจนานำอาหารคาวหวานมาเส้นไหว้รุกขเทวดาที่ต้นไทรสูงใหญ่ ยืนต้นตระหง่านอยู่ติดกำแพงอิฐสีแดงเก่าคร่ำหลังหมู่บ้านจัดสรรที่หล่อนอยู่อาศัยมานานเกือบสิบปี
เคยมีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมา ว่าไทรใหญ่ต้นนี้น่าจะมีอายุมากกว่าร้อยปี
บางคนบอกว่ามีผี!
บ้างก็เชื่อว่าเป็นผีเจ้าที่ เป็นรุกขเทวดาที่สิงสถิตอยู่ในต้นไทร มันรอดพ้นจากการโดนตัดโค่นมาได้จนป่านนี้ก็เพราะความเฮี้ยน บ้างก็ว่าเจ้าที่แรงจัด ใครคิดตัดจะมีอันต้องตายโหงตายห่า
รจนาตั้งจิตอธิษฐานกับต้นไทร ขอให้สามีของหล่อนกลับมา หรือถ้าเขาตายก็ขอให้มีคนพบศพของเขา
และในกลางดึกของคืนเดียวกันนั้น
รจนาก็เกิดนิมิตขึ้นอีกครั้ง หากเรื่องราวในความฝันแตกต่างไปจากคืนก่อนๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการนำเครื่องเส้นไหว้มากราบต้นไทร
ในความฝันครั้งนี้…
รจนาได้เจอกับชายชราคนหนึ่ง หลังจากกลุ่มควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมาจากต้นไทรจางลง ก็เห็นร่างของเขายืนตระหง่านอยู่ใต้ต้นไทร ผมยาวขาวโพลนไปทั้งศีรษะ นุ่งขาวห่มขาว มีแสงเรืองๆ รายล้อมอยู่รอบกาย