บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด

จ้านเป่ยหานดึงบังเหียน พร้อมหันกลับไปมองตามทิศทางของเสียง

เขาเห็นอ๋องเซียง ขี่ม้าสีแดงอำพันอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนัก เขาสวมใส่ชุดผ้าแพรมงกุฎทอง คื้วยาวดกเข้มกำลังเคลื่อนม้ามาทางนี้อย่างช้าๆ

อาณาประชาราษฎร์กับรถม้าที่กำลังขับเคลื่อนถูกผู้คุ้มกันแหวกให้หลีกทาง ส่วนอีกด้านก็เป็นอ๋องเฉิง

“น้องสาม ”ไท่จื่อเปิดม่านรถม้าขึ้น ใบหน้าละมุนราวกับหยกยิ้มทักทาย

“พี่สาม”อ๋องเฉิงก็ทักทายด้วยความเคารพ

ท่านอ๋องหลายคนมาเจอกันบนท้องถนน เหตุการณ์นี้เจอได้ไม่บ่อย ถึงแม้ผู้คุ้มกันจะขับไล่ แต่ก็มีอาณาประชาราษฎร์หลายคนหยุดดู

ตอนนี้ จักรพรรดิจาวหมิงครองราชย์มาได้ยี่สิบกว่าปีแล้ว พระองค์มีองค์ชายองค์หญิงไม่น้อย

หนึ่งในนั้น คือไท่จื่อกับอ๋องอี้มีแม่คนเดียวกัน ทั้งสองคนเป็นลูกของฮองเฮาองค์ก่อน บรรดาศักดิ์สูงส่ง

น่าเสียดายที่ตอนฮองเฮาองค์ก่อนคลอดอ๋องอี้ ถูกนางสนมวังหลังลอบทำร้ายจนคลอดยากเสียชีวิต เหลือไว้เพียงทารกในผ้าอ้อม จักรพรรดิจาวหมิงละอายใจ จึงทะนุถนอมอ๋องอี้มาก

อ๋องอี้เองก็เป็นคนใจสู้ เขาไม่ชอบอยู่ในราชสำนัก จะชอบทางด้านการต่อสู้มากกว่า อายุยังน้อยก็ฝึกฝนวรยุทธ์ ออกรบต่อสู้ทำสงคราม ไม่พ่ายแพ้ องค์จักรพรรดิจึงถือโอกาสเลยแต่งตั้งเขาเป็นชินอ๋อง และมอบสมญานามให้เขาว่า“อี้”ที่แปลว่าช่วยปกครอง ดูแล

เขาเป็นน้องชายแท้ๆของไท่จื่อ ตำหนักบูรพา ผู้ซึ่งจะเป็นหัวหน้าของชินอ๋องในอนาคต พอไท่จื่อได้ขึ้นครองราชย์ เขาจะต้องได้เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถของไท่จื่อแน่นอน

จนถึงตอนนี้ อ๋องอี้ยังเป็นองค์ชายเพียงคนเดียวที่กุมอำนาจทางการทหาร และเป็นชินอ๋องที่จักรพรรดิจาวหมิงเชื่อใจด้วย

ส่วนอ๋องเซียงเป็นโอรสของชูกุ้ยเฟย ในบรรดาองค์ชายจะอยู่ลำดับที่สอง

อ๋องเฉิงเป็นโอรสของเต๋อกุ้ยเฟย จัดอันดับอยู่ที่ห้า

แต่ละคนฐานะไม่ธรรมดา

จ้านเป่ยหานหน้าเคร่งขรึม คารวะไท่จื่อ แล้วพูดว่า“พี่ใหญ่”

เขาไม่ได้สนใจอ๋องเซียงกับอ๋องเฉิงเลย

ทั้งสองคนมองหน้าสบตากันแล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ จ้านเป่ยหานไม่เคยชายตามองพวกเขาอยู่แล้ว จึงขี้เกียจจะไปโมโหใส่

ไท่จื่อยิ้มพูดว่า“ทำไมทำหน้าตาเช่นนั้นล่ะ? ยังหาหานหานไม่เจอหรือ?”

“หาเจอแล้ว!”จ้านเป่ยหานกัดฟันกรอด

วิ่งเผ่นไปกับผู้หญิงแปลกหน้าแล้ว เขากำลังจะไปตามอยู่

“หาเจอก็ดีแล้ว เจ้านี่นะ! เป็นพ่อคนคนแรกในบรรดาพี่น้อง ทำไมมักจะมีเรื่องกับลูกชายอยู่บ่อยๆล่ะ?”ไท่จื่อที่เป็นพี่ชายแท้ๆของจ้านเป่ยหานก็เป็นห่วงหลานชายที่หนีออกจากเรือนเหมือนกัน อ๋องอี้สีหน้าหงุดหงิด ไท่จื่อเลยนึกว่าน้องชายยังโกรธหลานชายอยู่

ด้วยเหตุนี้เลยพูดเกลี้ยกล่อมว่า“หานหานยังเล็ก เขาไม่มีแม่ดูแลตั้งแต่เด็ก เจ้ายอมเขาหน่อยละกัน พอเจ้ายอมเขา เขาก็ไม่ออกไปตามหาแม่เขาแล้ว”

จ้านเป่ยหานชำเลืองมองไท่จื่อแวบหนึ่งและขี้เกียจจะอธิบาย

เด็กแสบนั่นไม่ใช่แค่หนีออกไป เขายังไปเรียกผู้หญิงแปลกหน้าข้างถนนที่ไหนก็ไม่รู้ว่าแม่

เรื่องนี้ยังทำได้ลง แล้วจะมีอะไรทำไม่ได้อีก!

ตามตัวเจอนะ เขาจะจับตีเสียให้เข็ด!

อ๋องเซียงแสยะยิ้มที่มุมปาก “ในเมื่อหาซื่อจื่อน้อยเจอแล้ว ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย ที่นี่ไม่เหมาะที่จะคุยกันแล้ว”

ไท่จื่อตอบรับเบาๆ จากนั้นก็หันมายิ้มและพูดกับจ้านเป่ยหานว่า“วันนี้เป็นวันเกิดครบหกสิบปีของท่านโหวอาวุโส เสด็จพ่อสั่งให้พวกเราไปอวยพร ในเมื่อเจอกันที่นี่แล้ว น้องสามก็มีเวลาว่างพอดี เช่นนั้นพวกเราไปด้วยกันเถอะ”

“ท่านโหวอาวุโส?”จ้านเป่ยหานขมวดคิ้วเป็นปม

สั่งให้ไท่จื่อกับท่านอ๋องจำนวนหนึ่งไปอวยพรวันเกิด เสด็จพ่อช่างให้เกียรติจริงๆ

ไท่จื่อยิ้มพูดว่า“ท่านโหวอาวุโสชื่อเสียงเลื่องลือ สร้างคุณงามความดีให้แคว้น ได้ยินว่าช่วงนี้บาดแผลเก่ากำเริบ ท่านพ่อเป็นห่วง เลย…..”

จ้านเป่ยหานเข้าใจแล้ว

ที่แท้ก็คิดว่าท่านโหวอาวุโสจะมีชีวิตได้อีกไม่นานแล้ว ถึงได้ไปอวยพรวันเกิดครั้งสุดท้ายกัน

ถึงยังไงเขาก็เป็นแม่ทัพอาวุโสของราชสำนัก สู้เพื่อแคว้นเป่ยฉินมาไม่น้อย ก็ต้องให้เกียรติเขาเป็นธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นคิดว่าฝ่าบาทไม่ยุติธรรมกับขุนนาง

“ข้ากำลังจะไปที่จวนโหวหนานหยางอยู่พอดีเลย พวกเราไปพร้อมกันเถอะ!”จ้านเป่ยหานพูดขึ้น

“เตรียมของขวัญวันเกิดพร้อมหรือยัง?”ไท่จื่อคิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบตกลงไป เขาทั้งดีใจและถามด้วยความห่วงใย

“ให้คนไปเอาที่จวนมาก็จบ”จ้านเป่ยหานกระดิกนิ้วเรียกผู้คุ้มกัน จากนั้นก็สั่งการ

ผู้พิทักษ์รับคำสั่งเรียบร้อยแล้วก็รีบกลับไปที่จวนอ๋องอี้

ไปเอาของขวัญวันเกิดก็จะต้องใช้เวลา จะมายืนขวางทางอยู่ก็กะไรอยู่ ท่านอ๋องจึงพากันไปรอที่ร้านอาหารใกล้ๆ

อ๋องอี้เตี้ยนเซี่ยยืนอยู่เพียงลำพังด้วยสีหน้าเย็นชา

ไท่จื่อส่ายหน้าไปมา เขาไม่อยากไปคิดเล็กคิดน้อยกับน้องชาย จึงนี่งอยู่อีกด้าน

องครักษ์เอาน้ำชามาให้ ไท่จื่อจึงมองไปทางอ๋องเซียงแล้วพูดว่า“ครั้งนี้ที่ไปจวนโหวหนานหยาง นอกจากเอาของขวัญไปให้แล้ว ก็มีเรื่องงานแต่งงานของเจ้าด้วย”

“พู่ว์……”อ๋องเซียงรูปหล่อถึงกับสำลักน้ำชาเลยทีเดียว

เขาสำลักจนไอออกมา“ท่านพี่ ทำไมพูดเช่นนี้?”

อยู่ดีไม่ว่าดีจะมาพูดเรื่องแต่งงานของเขาทำไม?

“ข้าแต่งงานนานแล้ว ถึงจะยังไม่มีลูกชาย แต่ก็เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว! ส่วนเป่ยหานไม่ต้องพูดถึง เขาอายุน้อยกว่าเจ้า ลูกชายเขาห้าขวบแล้ว ด้านในจวนก็มีพระชายารอง ดูแลอย่างดี”ไท่จื่อจะยิ้มก็ไม่ยิ้มมองเขา

“มีแค่เจ้า!สำราญไปวันๆ ไม่ยอมเอาเมีย!” เรื่องนี้ทำให้เสด็จพ่อกลัดกลุ้มอยู่นานแล้ว”

อ๋องเซียงแอบกลัดกลุ้มใจ“เสด็จพ่อยุ่งอยู่กับเรื่องราชสำนักแล้ว ทำไมแม้แต่เรื่องการแต่งงานของข้าก็ต้องจัดการด้วย พระองค์ไม่เหนื่อยบ้างหรือในแต่ละวัน?”

“หืม?”ไท่จื่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ไอ๋หยา พี่ใหญ่ ท่านก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้ ข้าเป็นคนชอบความสำราญ ข้าแต่งงานมีพระชายาเป็นตัวเป็นตนแบบนี้มันก็หมดสนุก?”

อ๋องเซียงยิ้มๆพูดว่า“ถ้าข้าจะต้องแต่ง ข้าก็อยากแต่งกับสาวงามอันดับหนึ่ง! ผู้หญิงทั่วไปเล่นสนุกด้วยกันยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนไหนจะคู่ควรมาเป็นพระชายาเซียงกัน?”

ไท่จื่อรู้นานแล้วว่าเขาเป็นคนรักสนุก เป็นคนเจ้าชู้ ไม่มีทางหยุดอยู่ที่ผู้หญิงธรรมดาแน่นอน

ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องกัน ไท่จื่อขี้เกียจไปยุ่งกับเรื่องอารมณ์รักของอ๋องเซียง จึงพูดอย่างราบเรียบว่า“เช่นนั้นเจ้าก็หาคนที่ไม่ยุ่งวุ่นวายกับเจ้าก็จบแล้วไหม?”

“ท่านพี่พูดง่าย ผู้หญิงที่ซื่อบื้อไม่ตามตื้อแบบนี้จะไปหาที่ไหน?”อ๋องเซียงถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม

ไท่จื่อ“…….”

คนที่จะมาใส่ใจดูแลเจ้า เจ้าก็ไม่ชอบ

ไม่สนใจเจ้า เจ้าก็บอกว่านางซื่อบื้อ

ข้าว่าเจ้านี่คันยิกๆ อยากจะโดนเฆี่ยนเข้าแล้ว!

ไท่จื่อแววตาอึมครึม

จู่ๆอ๋องเซียงก็มองไปทางจ้านเป่ยหาน และทอดถอนหายใจพูดว่า“เป็นน้องสามนี่มีความสุขจริงๆ!”

ไท่จื่อชะงักงัน พูดว่า“หมายความว่ายังไง?”

“เขาแต่งงานรับพระชายา แต่เหมือนไม่ได้แต่งอย่างไรอย่างนั้น แถมยังเก็บลูกชายมาได้คนหนึ่ง สืบทอดสายตระกูลของเสด็จพ่อได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว แล้วยังไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน แบบนี้มีความสุขแค่ไหนล่ะ! ทำไมข้าไม่เจอเรื่องดีๆแบบนี้บ้าง?”

อ๋องเซียงหมอบบนโต๊ะ ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ของเขากดอยู่ที่โต๊ะ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกังวลใจ

ไท่จื่อสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย“น้องสาม หุบปาก!”

เขาช่างพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดจริงๆ! ใครไม่รู้เรื่องของพระชายาอี้เมื่อสมัยนั้นบ้าง เรื่องนี้เป็นแผลในใจของจ้านเป่ยหานมาตลอด

ใครพูดคนนั้นก็โชคร้าย

อ๋องเซียงเลินเล่อไปชั่วขณะ เวลานี้ได้สติกลับมา ก็ต้องเอียงตัวหลบไปอีกด้านแล้ว

ถ้วยน้ำชาลอยมาตรงหน้าเขา แต่โชคดีที่เขาหลบทัน

จ้านเป่ยหานสีหน้าเคร่งขรึม พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“พี่รอง พวกเรามาฝึกกันดีไหม?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel