บทที่ 10 งานวันเกิดจวนโหว
อ๋องเซียงตกตะลึงพรึงเพริด พูดว่า“ไม่ๆๆ…..”
ในบรรดาพี่น้อง อ๋องอี้เป็นคนที่ฝีมือเหี้ยมโหด ต่อสู้เก่งที่สุด
ถ้าคนไหนถูกเขาจับจ้องแล้ว สุดท้ายก็ต้องถูกเขากดและต่อยอยู่บนพื้นอย่างเหี้ยมโหด ไม่ตีจนแม่ผู้ให้กำเนิดจำไม่ได้ เขาจะไม่มีทางล้มเลิก!
อ๋องเซียงวิ่งเผ่นทันที
“กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”จ้านเป่ยหานคว้าคอเสื้อของเขา แล้วลากกลับมาทันที
“พี่ใหญ่! พี่ใหญ่ช่วยด้วย!”อ๋องเซียงตกใจจนหน้าซีดเผือด
ไท่จื่อจิบชาอย่างไม่ยี่หระ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า“ช่วยไม่ได้หรอก รอความตายเถอะ”
อ๋องเซียง“……..”
อ๋องเซียง“น้องห้า! ช่วยด้วย!”
อ๋องเฉิงก้มหน้าจิบชา ทำเป็นไม่ได้ยิน
เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านพี่สาม ท่านพี่รองสร้างบุญกุศลให้มากเถอะ……
“อย่านะ! ท่านพี่….ท่านพี่ช่วยข้าด้วย อย่าตีที่หน้านะ! ข้ารับปากทุกอย่าง ท่านพี่!”อ๋องเซียงเห็นจ้านเป่ยหานยกหมัดขึ้น และหันมาทางใบหน้าที่เขาหวงแหน เขาตกใจจนพูดออกมาโดยไม่ลังเล
ไท่จื่อยิ้มด้วยความพึงพอใจ พูดว่า“เจ้าบอกว่ารับปากข้าทุกอย่างเลยหรือ”
จ้านเป่ยหานหยุดมือ มองอ๋องเซียงที่หวาดกลัวด้วยสายตาเหยียดหยาม จากนั้นโยนเขาทิ้งลงเก้าอี้ และตัวเขาจึงหมุนตัวนั่งลง
การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทำให้อ๋องเซียงตกตะลึง
ถ้าตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าพี่น้องร่วมมือกันทำกับเขาแบบนี้ เขาก็เป็นองค์ชายที่ทึ่มมากแล้ว
“คุณหนูรองของจวนโหวหนานหยางเสิ่นยู่ถิงได้ยินว่าสนิทชิดเชื้อกับเจ้ามาก วันนี้ที่ไปอวยพรวันเกิดจวนโหว ข้าจะถือโอกาสดูตัวแทนเสด็จพ่อด้วย ถ้าไม่เลว ข้าจะไปรายงานเสด็จพ่อให้พระราชทานงานแต่งให้เจ้า”ไท่จื่อยิ้มเล็กน้อยพูดจุดมุ่งหมายที่แท้จริงออกมา
แบบนี้ไม่ใช่บังคับแต่งงานหรือ!
อ๋องเซียงกลัดกลุ้มเหมือนมีก้อนติดอยู่ที่คอ“ข้าไม่……”ยอม!
ไท่จื่อยิ้มจางๆพูดตัดบทว่า“พระราชทานงานแต่ง หรือจะไปคู่ฝึกให้เป่ยหาน เจ้าเลือกเอาเอง”
แปลได้ง่ายๆคือถ้าไม่แต่งงาน
ก็ถูกตีหมดสภาพเหมือนหมู
เจ้าเลือกเลย
อ๋องเซียง“…….”
วันนี้เขาไม่ควรออกมาข้างนอกเลย!
ที่ตั้งของจวนโหวหนานหยางอยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวง สองข้างทางยาวเหยียดต่างเป็นตำหนักจวนระดับสูง ภายในสง่ากว้างขวาง
ลักษณะเมืองหลวงของแคว้นเป่ยฉิน“ทางใต้น่าเคารพทางเหนือสูงศักดิ์”
ทางใต้เป็นที่อยู่อาศัยของชินอ๋อง และจวิ้นอ๋อง ส่วนทางเหนือเป็นที่อยู่อาศัยของขุนนางผู้สูงศักดิ์จำนวนมากมารวมตัวกัน ใครก็ตามที่มีสถานะด้อย จะไม่สามารถแม้แต่จะเบียดเสียดผ่านธรณีประตูของถนนทิศใต้และทิศเหนือได้เลย และจะได้อยู่รวมกับคนธรรมดาทางทิศตะวันออกเท่านั้น
วันนี้ถนนทางตอนเหนือปูด้วยพรมแดง และเสียงปะทัดดังขึ้น ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความคึกคัก
งานวันเกิดครบรอบหกสิบปีของท่านโหวอาวุโส ฝ่าบาทถามไถ่ด้วยตัวเอง ได้ยินว่าส่งไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยกับท่านอ๋องจำนวนหนึ่งมาอวยพรวันเกิดด้วย
เหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์มีหูมีตาที่เฉียบแหลมตั้งแต่ไหนแต่ไรมา พอได้ยินข่าวนี้ ถึงแม้ในใจจะไม่ได้สนใจจวนโหวหนานหยางที่ค่อยๆตกอับมานานแล้ว แต่ก็ยังถือของขวัญวันเกิดมาอวยพรด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
รอม้าจอดเต็มหน้าจวนโหวหนานหยาง พ่อบ้านจำนวนหนึ่งที่มีหน้าที่รับแขกยิ้มจนหน้าแข็ง ไม่กล้าเกียจคร้าน
ห้องโถงจวนโหว ผู้คนนั่งเต็มไปหมด
ท่านโหวอาวุโสสวมใส่ชุดมงคล ถือไม้เท้า และยิ้มไปนั่งลงบนเก้าอี้ตำแหน่งของตัวเอง
แขกเหรื่อมากมายมาแสดงความเคารพและมอบของขวัญวันเกิดให้เขา แต่ละคำอวยพร วิธีพูดตลกๆต่างทำให้ทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“เอ่อ ทำไมไม่เห็นท่านโหวล่ะ?”มีคนยิ้มถามขึ้น
ด้านนอกมีเสียงหัวเราะดังขึ้น
“ท่านโหวได้พาฮูหยินและเหล่าคุณหนูมาให้ข้าอวยพรวันเกิดแล้ว!”
หลังจากพูดจบ โหวหนานหยางหน้าแดงระเรื่อเดินมากับฮัวอี๋เหนียงสาวสวยข้างกาย และมีแม่นางสามคนเดินมาด้วยกัน
ทุกคนยิ้มหน้าตาระรื่น
จวนโหวหนานหยางผู้หญิงจะแกร่งกว่าผู้ชาย
ไม่รู้ว่าไปโดนสิ่งชั่วร้ายสำนักไหน โหวหนานหยางมีอนุภรรยาเยอะมาก แต่ก็มีแต่ลูกสาวทั้งนั้น
ผู้หญิงเรือนหลังกำเนิดลูกสาวให้โหวหนานหยางถึงเจ็ดคน นอกจากเสิ่นหว่านคุณหนูสามที่เป็นลูกภรรยาเอก คนอื่นล้วนเป็นลูกอนุภรรยา ทั้งหมดล้วนเป็น“นางฟ้าทั้งเจ็ด” ไม่มีผู้ชายเลยสักคน
ตอนนี้ลูกสาวคนโตแต่งงานออกเรือนไปแล้ว ลูกสาวคนเล็กสุดยังไม่ครบสิบปีเลย
คนที่มางานวันเกิดในครั้งนี้ด้วยคือคุณหนูรอง คุณหนูสี่ คุณหนูห้า อายุพวกนางพอประมาณแล้ว ที่จะแต่งงานออกเรือน
เดิมทีเรื่องกราบอวยพรวันเกิดผู้ใหญ่จะต้องให้ผู้ชายทำ แต่จวนโหวหนานหยางไม่มี จึงต้องให้ลูกสาวที่เป็นผู้หญิง ออกหน้าเอง
“ลูกขออวยพรให้ท่านพ่อมีโชคลาภวาสนามากๆ อายุยืนยาว!”โหวหนานหยางคุกเข่าคำนับสามครั้งให้ท่านโหวอาวุโส
“ขอให้ท่านผู้อาวุโสสุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาวเจ้าค่ะ”ฮัวอี๋เหนียงพาลูกสาวมาอวยพรวันเกิด
ท่านโหวผู้อาวุโสอารมณ์ดี“ข้ารับรู้ความกตัญญูของพวกเจ้าแล้ว ลุกขึ้นเถอะ”
พวกนางถูกประคองลุกขึ้น
ท่านโหวอาวุโสเหลือบมองหลานสาว แล้วถามว่า“ทำไมไม่เห็นเสิ่นหว่าน?ส่งคนไปรับนางแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมยังไม่ถึง?”
ถึงอย่างไรคุณหนูสามเสิ่นหว่านก็เป็นลูกภรรยาเอกเพียงคนเดียว มีการหมั้นหมายกันกับจวนเจิ้นเป่ยโหว ถึงแม้ดวงชะตาจะไม่ดีตั้งแต่เด็ก ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูในจวน แต่เห็นว่ามีการหมั้นหมาย ท่านโหวอาวุโสเลยให้ความสำคัญ ก่อนงานวันเกิด เขาจึงได้สั่งให้โหวหนานหยางไปรับนางมาจากชนบท
ถ้าผู้อาวุโสไม่ได้พูดถึง โหวหนานหยางที่เป็นพ่อแท้ๆคนนี้ลืมไปตั้งนานแล้วว่ามีลูกสาวของภรรยาเอกอยู่ชนบท ตอนนี้สิบกว่าปีแล้ว
ฮัวอี๋เหนียงยิ้มเจื่อนๆแอบหยิกโหวหนานหยางลับๆ
โหวหนานหยางรีบอธิบายว่า“ท่านพ่อ ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ลูกได้ส่งคนไปรับนางแล้ว อาจจะล่าช้า ตอนนี้นางจึงยังมาไม่ถึงเมืองหลวงขอรับ”
“ล่าช้านานขนาดนี้เชียวหรือ?”ผู้อาวุโสขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
ฮัวอี๋เหนียงรีบพูดผสมโรงว่า“ผู้อาวุโสได้โปรดให้อภัย เสิ่นหว่านถูกเลี้ยงดูอยู่ในชนบทตั้งแต่เด็ก นิสัยเลยดื้อรั้นอยู่บ้าง นางไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งกับจวนโหวของพวกเรา จู่ๆไปรับนางกลับมา นางก็ไม่อยากมา! ข้าน้อยได้ยินคนรับใช้พูดมาว่า เสิ่นหว่านคุ้นชินกับการมีอิสระ ไม่อยากถูกผูกมัดไว้ที่จวนโหว ท่านพี่ส่งคนไปรับนาง นางก็แอบหนี ใช้เวลาตั้งนานถึงตามหาเจอ เพราะฉะนั้นเลยล่าช้า……”
ผู้อาวุโสได้ยินก็หน้าอึมครึม“มีแบบนี้จริงๆหรือ? ใช้ไม่ได้จริงๆ!”
แม่นางที่ยังไม่ได้ออกเรือน ดวงชะตาไม่ดีถูกส่งไปเลี้ยงที่ชนบท ไม่ออกประตูใหญ่ ไม่ล่วงประตูสอง ว่านอนสอนง่ายถึงจะถูก
ส่งคนในจวนไปรับนาง คิดไม่ถึงว่านางจะหนี ที่ชนบทเลี้ยงออกมาได้หยาบคายจริงๆ!คุณหนูรองเสิ่นยู่ถิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดว่า“ท่านปู่อย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ น้องสาวนางไม่เชื่อฟัง รับกลับมาก็สั่งสอนนางก็จบ ท่านยังมีข้า หลานสาวคนนี้เคารพและเชื่อฟังท่าน ข้าแค่หวังว่าท่านจะสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว มีความสุขในงานวันเกิดเจ้าค่ะ”
คำพูดอ่อนหวาน บวกกับท่าทางว่านอนสอนง่าย
ทำให้ผู้อาวุโสยิ้มหน้าระรื่น พยักหน้าด้วยความพึงพอใจว่า“คุณหนูตระกูลเสิ่นต้องมีคุณสมบัติแบบนี้ล่ะ”
ทันทีหลังจากนั้น ผู้อาวุโสได้กำชับว่า“รอเสิ่นหว่านกลับมา พวกเจ้าก็ช่วยสั่งสอนนางด้วย! อย่าให้เอานิสัยหยาบคายมาใช้ในจวน ทำให้คุณหนูคนอื่นเลียนแบบ”
“ลูกเข้าใจแล้วขอรับ!”โหวหนานหยางโล่งอกขึ้นมาทันที
ฮัวอี๋เหนียงตอบรับด้วยรอยยิ้ม ทว่าในใจกลับยิ้มร้ายและลำพองใจ นังเด็กเสิ่นหว่านนั่นคงตายไม่สมประกอบแล้วกระมัง?
สั่งสอนดูแลหรือ? รอนางไปเจอยมบาล แล้วให้แม่อายุสั้นของนางสั่งสอนเอาเถอะ!
“แย่แล้วท่านผู้อาวุโส!”คนรับใช้ลุกลี้ลุกลนวิ่งมา
โหวหนานหยางหน้าอึมครึม พูดว่า“ลุกลี้ลุกลนอะไรหรือ?”
“คุณหนูสาม….นางลากคนตายเข้ามาขอรับ!”คนรับใช้หมอบอยู่พื้น ร้องเสียงหลงออกมา