บทที่ 6 ท่านแม่ของข้าหนีตามผู้ชายไปแล้ว
เป่ยเป่ยตอบว่า“อ้อ”
เด็กน้อยผู้ชายรีบตอบว่า”ข้าชื่อเสี่ยวหานหาน”
เซียวลิ่งเยว่“……”
เสี่ยวหานหาน? หานที่มาจากจ้านเป่ยหานหรือ?
ทำไมเขาตั้งชื่อให้ลูกแบบนี้? ไม่รู้สึกว่าไม่เพราะหรือ?
หานหานเดินเข้ามาหาด้วยความแปลกใจและถามว่า“เจ้าชื่อเป่ยเป่ยหรือ? เป่ยที่ย่อมาจากทิศหรือไม่?”
เป่ยเป่ยมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย“อืม”
“นางคือแม่ของเจ้าหรือ?”
“อืม”
“พวกเจ้าก็เป็นคนเมืองหลวงหรือ?”
“ไม่ใช่”เป่ยเป่ยขมวดคิ้วเป็นปมเล็กน้อย
ทำไมเขาพูดมากขนาดนี้?เสียงดังเอะอะจริงๆ
“เช่นนั้นเจ้าจะไปที่เมืองหลวงหรือ? ข้าเป็นคนเมืองหลวง พอไปถึงเมืองหลวง ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวดีไหม?”หานหานยิ้มตาหยีให้เป่ยเป่ย โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนน่ารำคาญเลยสักนิดหนึ่ง
“เจ้าบอกว่าจะหนีออกจากเรือนไม่ใช่หรือ?”เซียวลิ่งเยว่พูดหยอกเขา
“ไม่ไปแล้ว ถึงยังไงก็หาไม่เจอ”หานหานเบ้ปากพูดขึ้น
“เจ้าจะหาอะไรหรือ?”
“ข้าตามหาท่านแม่ของข้า ท่านพ่อบอกว่านางทิ้งข้า หนีตามผู้ชายไปแล้ว ข้าอยากจะตามหานางแล้วถามนางว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่”
เซียวลิ่งเยว่“……..”
นางแทบจะกัดลิ้นตัวเอง ริมฝีปากที่อยู่ใต้ผ้าคลุมแสยะยิ้มขึ้น
จ้าน!เป่ย!หาน!
สารเลว เขาใส่ร้ายป้ายสีนางแบบนี้กับลูกหรือ? !
“เป่ยเป่ย เจ้ามีพ่อหรือไม่?”หานหานถามด้วยความแปลกใจ
เป่ยเป่ยเม้มริมฝีปากพูดว่า“ไม่มี”
“ทำไมล่ะ?”หานหานถามด้วยความแปลกใจ
“ท่านแม่บอกว่าเขาเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมเยี่ยงหมาป่า แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ตอนนี้เนินดินบนหลุมศพสูงกว่าข้าแล้ว”
หานหาน“เอ่อ…..”
หานหานหน้าหงายอยู่สักพักหนึ่ง ไม่นานหานหานก็กำหมัดน้อยๆพูดขึ้นด้วยความเดือดดาลว่า“พ่อของเจ้าไม่ใช่คนจริงๆ ตายไปก็ดีแล้ว!”
เป่ยเป่ยยิ้มมุมปาก พูดว่า“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
ในเมืองหลวง ผู้ชายคนหนึ่งกำลังเฆี่ยนม้าทะยานวิ่งออกจากเมืองหลวงอย่างเร่งรีบ
เซียวลิ่งเยว่ทนฟังไม่ไหวแล้ว นางจึงพูดว่า“พอแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องเหล่านี้แล้ว ขึ้นรถก่อนค่อยคุยกัน”
ด้านในรถมีเตาถ่าน อบอุ่นเป็นอย่างมาก
เซียวลิ่งเยว่อุ้มเป่ยเป่ยนั่งลงบนเก้าอี้นุ่ม และสั่งให้คนขับรถม้าออกเดินทางได้ จากนั้นนางก็เอาอุปกรณ์แปลงโฉมแต่ละอย่างออกมาจากชั้นในรถม้า
หานหานขยับเข้ามาใกล้เป่ยเป่ย เขาจ้องเป่ยเป่ยอยู่นาน จากนั้นพูดว่า“ทำไมเจ้าต้องใส่หน้ากากด้วย?”
เป่ยเป่ยไม่สนใจเขา
หานหานเองก็ไม่ยอมลดละ พูดว่า“ถอดให้ข้าดูได้หรือไม่? ข้าอยากรู้ว่าเจ้าหน้าตาเป็นแบบไหน”
“ไม่ได้”เป่ยเป่ยพูดปฏิเสธ
“ทำไมล่ะ?”
“ท่านแม่ไม่อนุญาต”
“ทำไมถึงไม่อนุญาต?”หานหานกระพริบตาปริบๆ “หรือว่าเจ้าน่ารักเกินไป กลัวจะถูกคนล่อลวงไป?”
เป่ยเป่ย“…….”
พูดอะไรกัน? โง่จริงๆ ไม่อยากคุยกับเขาแล้ว
“เจ้าให้ข้าดูหน่อยระ ข้าอยากเห็นจริงๆ”หานหานวอแวเป่ยเป่ย และถือโอกาสตอนที่เป่ยเป่ยเผลอเอื้อมมือไปจิ้มใบหน้ารูปไข่ของเป่ยเป่ย
เป่ยเป่ยหน้าอึมครึม พูดว่า“เจ้าทำอะไร?”
หานหานตกตะลึง พูดว่า“ว้าว ใบหน้าเจ้านุ่มมาก! เหมือนเต้าหู้เลย!”
เป่ยเป่ยพูดว่า“……เจ้าอยู่ให้ห่างข้าเลย อย่าแตะต้องข้า”
“ข้าชอบเจ้า ข้าแค่เล่นกับเจ้าเอง”หานหานหัวเราะคิกคักเอื้อมมือมากอดเขา“ข้าเป็นพี่ชายให้เจ้าดีไหม?”
“ไม่เอา ปล่อยข้านะ!”เป่ยเป่ยดิ้นด้วยความโมโห ทว่าหานหานแรงเยอะ เขาดิ้นไม่หลุดจนโมโหเอาเท้าถีบเขา
เซียวลิ่งเยว่กำลังแปลงโฉมอยู่ได้ยินเสียงเด็กๆคนกัน จึงยิ้มพูดว่า“เล่นกันได้ แต่อย่าตกมากระแทกพื้นล่ะ”
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้……”
“วางใจเลยขอรับ ข้าจะดูแลเขาอย่างดี!”
หานหานอ้าวงแขนเล็กๆกอดเป่ยเป่ยทั้งเสื้อคลุมหนาๆ“แบบนี้เจ้าก็ไม่หล่นลงไปแล้ว”
ตอนนี้เป่ยเป่ยเหมือนไข่ม้วน ไม่สามารถขยับได้เลย เขาจึงใช้สายตาจ้องเขม็งใส่หานหาน
หานหานปล่อยให้เขาจ้องเขม็งใส่ เพราะถึงยังไงหานหานก็หน้าหนาอยู่แล้ว
เขาโอบกอดน้องชายที่น่ารักด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็หันไปมองเซียวลิ่งเยว่ด้วยความแปลกใจ
นางแปลงโฉมได้อย่างรวดเร็ว จนใกล้จะเสร็จแล้ว ตอนนี้นางกำลังตกแต่งปานปลอมที่ใบหน้าของตัวเอง
“ทำไมท่านต้องแต่งให้ตัวเองขี้เหร่ด้วยล่ะขอรับ?”หานหานพูดอย่างไม่เข้าใจ“แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ขี้เหร่มากเลย!”
“เจ้าอย่ามาว่าท่านแม่ข้าขี้เหร่นะ!”เป่ยเป่ยยกขาถีบเขา
“ข้าไม่ได้บอกว่านางขี้เหร่ ข้าแค่บอกว่าตอนนี้แต่งแบบนี้ขี้เหร่เฉยๆ”
“เจ้ายังจะพูดอีก?”
“ได้ๆๆ ข้าไม่พูดแล้ว เจ้าอย่าโกรธเลยนะ~”
เป่ยเป่ยโมโหมาก รู้สึกว่าเขาน่าเกลียดมากจริงๆ
เซียวลิ่งเยว่ทำปานเสร็จ ก็หันกลับมาเจอเด็กทั้งสองคนกำลังกอดกัน จึงอดขำไม่ได้
เป่ยเป่ยสุขภาพไม่ดีตั้งแต่เด็ก มีพิษเย็นติดตัวมาและยากที่จะขจัดทิ้ง นิสัยของเขาก็ค่อนข้างเงียบสุขุม นอกจากเซียวลิ่งเยว่แล้ว เขาก็ไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่น
ปกตินางก็เอาใจเขา และนางหวังแค่ว่าเขาจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว
แต่หานหานแตกต่างออกไป
พวกเขาเป็นแฝดกัน ถึงแม้ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ไม่สามารถตัดขาดกันได้
นางมองทั้งสองคนอย่างมีความสุข และทำเป็นไม่เห็นสายตาต่อต้านของเป่ยเป่ย
“หานหาน ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า”
“เรื่องอะไรหรือขอรับ?”หานหานเงยหน้ามองนาง
เป่ยเป่ยหยุดดิ้นรนขัดขืน ใบหน้ารูปไข่ชมพูระเรื่อมองไปทางท่านแม่
เซียวลิ่งเยว่ชี้มาที่หน้าของตัวเอง พูดว่า“เจ้าสัญญากับข้าได้ไหม ว่าจะไม่บอกคนอื่นว่านี่คือปานปลอม?”
“ได้ขอรับ”หานหานนึกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยจึงตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรมาก
“โดยเฉพาะท่านพ่อของเจ้า”เซียวลิ่งเยว่กลัวเขาไม่เข้าใจ“อย่าพูดกับเขาเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”
หานหานพยักหน้า“ได้ขอรับ ข้าจะไม่บอกเขา พวกเรามาเกี่ยวก้อยสัญญากัน”
เกี่ยวก้อยสัญญาแบบนี้ก็เหมือนกันกับเป่ยเป่ย
เซียวลิ่งเยว่เอื้อมมือไปเกี่ยวก้อยกับเขาแล้วแกว่งไปมา“สัญญาเกี่ยวก้อย หนึ่งร้อยปีไม่เปลี่ยนแปลง คนไหนเปลี่ยนคนนั้นเป็นหมา”
“คนไหนเปลี่ยนคนนั้นเป็นหมา!”หานหานพยักหน้าอย่างหนักแน่น
เป่ยเป่ยเห็นพวกเขาสองคนเกี่ยวก้อยกันก็เบ้ปากด้วยความน้อยใจ
เมื่อก่อนท่านแม่เกี่ยวก้อยแค่กับเขา
หลังจากเกี่ยวก้อยสัญญากันแล้ว เซี่ยวลิ่งเยว่ก็ทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอก เป่ยเป่ยถือโอกาสนี้ดิ้นหลุดจากพันธนาการของหาน จากนั้นก็เอื้อมมือไปหานาง“ท่านแม่ กอดๆ…..”
เขายังพูดไม่ทันจบ จู่ๆรถม้าก็สั่นคลอน จนเป่ยเป่ยเกือบล้มลงพื้น
ด้านนอกมีเสียงม้าร้องด้วยความเจ็บปวด
เซียวลิ่งเยว่เอื้อมมือไปกอดเป่ยเป่ยไว้ จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างปกป้องหานหาน นางขมวดคิ้วเป็นปมถามว่า“ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น?”
“เสิ่นหว่าน เจ้าคิดจะหนีไปไหนอีก? โผล่หัวออกมายอมรับชะตากรรมสักที!”
คนขับรถม้ายังไม่ทันได้ตอบ เสียงหยาบโลนของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังมา
เสิ่นหว่านเป็นชื่อของคุณหนูสามตระกูลโหวหยางกนาน เป็นคนที่เซียวลิ่งเยว่มาแทนนั่นเอง
มาหาไวขนาดนี้เชียวหรือ?
นางหรี่ตามอง จากนั้นเอาเป่ยเป่ยวางไว้ด้านข้าง พูดว่า“เป่ยเป่ย เจ้ารออยู่ในรถม้า อย่าดื้อนะ เดี๋ยวแม่จะออกไปดู เสร็จแล้วจะกลับมา”
นางยังพูดไม่ทันจบ หานหานก็ลุกขึ้นด้วยความเดือดดาล“คนชั่วที่ไหนกล้ามาสามหาวต่อหน้าข้าเช่นนี้? เดี๋ยวข้าจะออกไปจัดการพวกเขาเอง!”
พูดจบ เด็กน้อยก็รีบกระโจนออกไปจากรถม้า
เซียวลิ่งเยว่ห้ามไม่ทัน จึงรีบตามไป