บทที่ 5 แม่ลูกเจอกันอีกครั้ง
หญิงสาวเม้มริมฝีปาก นางรีบเอายาให้ฝ่ายชายกิน จากนั้นก็เอาเขาไปอิงแอบไว้ด้านข้าง
นางคุกเข่าลง พร้อมกับก้มหน้าให้เซียวลิ่งเยว่ จากนั้นพูดว่า“เมื่อกี้ข้าพูดโกหก เขาไม่ใช่ผู้พิทักษ์ข้างกายข้า แต่เป็นว่าที่สามีของข้าเจ้าค่ะ!”
เซียวลิ่งเยว่ไม่ได้แปลกใจ
เห็นนางใส่ใจผู้ชายคนนั้นขนาดนี้ ก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา
“ถึงแม้ข้าจะเป็นลูกภรรยาเอกของจวนโหวหนานหยาง แต่ข้าก็ไม่ได้รับความเอ็นดูมาตั้งแต่เด็ก มีชื่อเสียงที่ไม่ดี ถูกท่านพ่อทิ้งให้มาเติบโตอยู่ในชนบท โชคดีที่พี่ฟู่ดูแลข้า ข้าถึงได้เติบโตมาอย่างปลอดภัย ข้าอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับเขาไปชั่วชีวิต ทว่าข้ากลับคิดไม่ถึงว่าข้าจะถูกท่านพ่อเรียกกลับเมืองหลวง และข้าก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคนมีคู่หมายแล้ว…..”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลพราก
“ข้าไม่อยากแต่งงานกับคนอื่น ข้าเลยพาเขากลับไปเมืองหลวงด้วย เพราะหวังว่าท่านพ่อจะยอมรับ แต่คิดไม่ถึงว่าอี๋เหนียงในเรือนจะโหดเหี้ยม ไม่ยอมให้ข้าแต่งเข้าตระกูลบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ซ้ำยังส่งคนมาฆ่าพวกข้าระหว่างทางจนทำให้พี่ฟู่ได้รับบาดเจ็บแบบนี้”
เซียวลิ่งเยว่ขมวดคิ้วเป็นปม“เจ้ามาพูดเรื่องนี้กับข้าทำไม?”
“ข้าอยากขอให้แม่นางปล่อยพวกข้าไป และไม่พูดเรื่องของพวกข้ากับใครเจ้าค่ะ”
“เจ้าอยากหนีไปให้ไกลกับเขาหรือ?”เซียวลิ่งเยว่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“การหนีตามผู้ชายจะทำให้เจ้าเสียชื่อเสียงนะ”
“แต่หากข้าไม่หนีไปให้ไกล เกรงว่าข้ากับพี่ฟู่ก็คงต้องตายเจ้าค่ะ!”
หญิงสาวยิ้มอย่างน่าเวทนา“ท่านพ่อของข้าหลงใหลอนุจนละเลยภรรยาเอก อี๋เหนียงก็จิตใจเหี้ยมโหด ในเรือนยังมีลูกอนุภรรยาจ้องตาเป็นมัน ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนาง และข้าก็ไม่อยากแย่งชิงกับพวกนางด้วย ข้าแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับพี่ฟู่ไปจนแก่เฒ่า”
เซียวลิ่งเยว่ได้ฟัง ก็ใจสั่นหวั่นไหว
นางกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ ก็เพื่อจะหายารักษาโรคให้เป่ยเป่ย และตามหาลูกชายอีกคนของนางด้วย
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง นางไม่เจอกันมาห้าปีแล้ว ในใจก็เฝ้าคนึงหาอยู่ตลอด
แต่เมืองหลวงอยู่ใต้ฝ่าพระบาทของฝ่าบาท อีกทั้งเป็นถิ่นของจ้านเป่ยหานด้วย
“เซียวลิ่งเยว่”ตายไปแล้ว นางไม่สามารถใช้ฐานะนี้เข้าไปในเมืองหลวงได้ เพราะจะทำให้เป็นอันตรายแก่ตัวเองและเป่ยเป่ย
เพราะฉะนั้น นางยังขาดฐานะที่สง่าผ่าเผยอยู่
“เจ้ายินดีที่จะทิ้งสถานะนี้จริงๆหรือ เจ้าจะเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้แล้วหนีตามคนรักไปจริงๆนะหรือ?”เซียวลิ่งเยว่ชี้ไปทางชายที่นอนอยู่บนพื้น
“เจ้าค่ะ ข้ายินดี!”หญิงสาวพยักหน้าตอบโดยไม่ลังเลใจ
เซียวลิ่งเยว่เห็นสายตาของนางแน่วแน่ จู่ๆก็ยิ้มพูดว่า“ได้ ข้าจะช่วยเจ้า แต่มีเงื่อนไขหนึ่งนะ”
หญิงสาวมองนางด้วยความประหลาดใจ
“ข้ากลับไปที่จวนโหวหนานหยางแทนเจ้าได้ ข้าจะรับมือกับคนเหล่านั้นให้เจ้า แต่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะไม่ใช่คุณหนูของตระกูลเสิ่นอีกแล้ว เจ้าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง เจ้ายินดีที่จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่?”
หญิงสาวหน้าซีดเผือดเล็กน้อย จากนั้นกัดฟันพูดว่า“ข้ายินดี!”
จวนโหวหนานหยางทอดทิ้งนางตั้งแต่วัยเยาว์ คนที่รักนางมีเพียงแม่ของนางที่เสียไปแล้ว นางไม่เห็นว่าที่นั่นคือบ้านของนางตั้งนานแล้ว
“แต่พวกเราสองคนหน้าตาไม่เหมือนกัน ท่านจะไปแทนข้ายังไงหรือเจ้าคะ?”หญิงสาวเสยผมขึ้น ทำให้เห็นรอยปานตำหนิตั้งแต่เกิดของนาง
เพราะตำหนินี้ จึงทำให้นางกลายเป็นคนข่มพ่อข่มแม่
“ข้าแปลงโฉมได้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
เซียวลิ่งเยว่มองใบหน้าของนางอย่างละเอียด และไม่ได้สนใจอะไรปานของนางเลย
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพียงแค่เจ้าไม่แสดงตัวตนของตัวเอง ข้ารับรองว่าคนของตระกูลเสิ่นจะไม่มีทางไปหาเรื่องเจ้าแน่นอน เจ้าสามารถใช้ชีวิตอิสระอย่างที่เจ้าอยากจะใช้ได้เลย”
คำว่าชีวิตอิสระ ทำให้นางตื้นตันใจ
นางไม่เพียงน้ำตาไหลริน นางพยักหน้าตอบว่า“ขอบคุณแม่นางมากเจ้าค่ะ!”
“เจ้ากับข้ามีความจำเป็นคนละอย่าง ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก”เซียวลิ่งเยว่ห้ามนางไว้
หลังจากนั้น หญิงสาวก็รีบเอาหยกและเอกสารที่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับนางมอบให้เซียวลิ่งเยว่ นางประคองผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นและยิ้มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เซียวลิ่งเยว่มองพวกเขาทั้งสองคนที่เดินออกไปไกลแล้ว ก็ชำเลืองสายตามองไปทางพงหญ้า และพูดว่า“ดูพอหรือยัง?”
พงหญ้าไม่มีการไหวติง“……”
“ถ้ายังไม่ออกมา งูพิษในพงหญ้าจะกัดเจ้าแล้ว”เซียวลิ่งเยว่พูดขึ้น
“อ้าก! มีงู……”
เสียงเด็กผู้ชายตกใจร้องขึ้น บนศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเศษหญ้า เนื้อตัวเปื้อนสกปรก
“พรู่ว์”เซียวลิ่งเยว่อดขำไม่ได้
“ท่านขู่ขวัญข้า?”เด็กน้อยลมจับหันมามองนาง
เซียวลิ่งเยว่ชะงักงันทันที
เด็กผู้ชายสวมใส่ชุดราคาแพงทว่ากลับเปื้อนสกปรก มองดูแล้วเขาอายุราวๆสี่ห้าขวบ ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตากลมโต เขาเม้มริมฝีปาก เหมือนจะโกรธก็ไม่ปาน ดูน่ารักเป็นอย่างมาก
ใบหน้านี้ ถอดแบบมาจากจ้านเป่ยหานชัดๆ!
หน้าตาเหมือนเป่ยเป่ยเลย
เซียวลิ่งเยว่รู้ว่าเขาเป็นใคร ถึงกับใจอ่อนยวบทันที
เด็กคนนี้คือลูกของนางอีกคนที่นางจำเป็นต้องทิ้งไว้กับจ้านเป่ยหาน เขาเป็นแฝดของเป่ยเป่ย
เขาโตแล้ว…..
นางยังไม่ได้ออกตามหาเขาเลย วันนี้คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกันเข้าแล้ว
เหมือนสวรรค์กำลังเมตตานาง
“ท่านมองข้าทำไมหรือ?”
เด็กผู้ชายมองนางด้วยความสงสัย เขาลูบหน้าตัวเอง พูดด้วยความลำพองใจว่า“หรือว่าข้าหล่อ ทำให้ท่านถึงกับเคลิ้มเลยหรือ?”
“พู่ว์”ความรู้สึกจิตใจอ่อนยวบเมื่อสักครู่นี้พลันหายไปจนหมด
นางโค้งตัวลง จิ้มใบหน้ารูปไข่ของเขาอย่างอดไม่ได้“ใครสอนเจ้าพูดอย่างนี้กัน? อายุยังน้อยๆอยู่ รู้จักทำให้ผู้หญิงเคลิ้มแล้วหรือ?”
“ข้าพูดความจริง หรือว่าข้าไม่หล่อ ไม่ดูดีหรือ?”เด็กน้อยเงยหน้าพูดขึ้น กระพริบตาปริบๆมองนาง
ดูไม่ออกหรอกว่าหล่อไหม แต่ถ้าน่ารักนี่คะแนนเต็มเลย
เซียวลิ่งเยว่ยิ้มจนคิ้วโก่งเป็นคันศร พูดว่า“ได้ๆ คุณชายน้อยสุดหล่อ เจ้ามาทำอะไรในป่ารกร้างแห่งนี้? ทำไมไม่มีคนติดตามมากับเจ้า?”
“เพราะข้าหนีออกจากเรือนแล้ว!”เด็กผู้ชายอกผายไหล่ผึ่งพูดขึ้น
“ทำไมหรือ? ท่านพ่อของเจ้าไม่ดีกับเจ้าหรือ?”เซียวลิ่งเยว่ขมวดคิ้วเป็นปมถามออกมา
“ท่านรู้จักท่านพ่อข้าได้ยังไง?”เด็กน้อยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ และมองนางด้วยความไม่เข้าใจ
“ข้าเดา”เซียวลิ่งเยว่กระพริบตาปริบๆพูดขึ้น
“โกหก”เด็กน้อยพูดออกมาอย่างโผงผาง
เซียวลิ่งเยว่“……”
เด็กน้อยคนนี้เอาใจยากเสียจริง
เวลานี้ เสียงอ่อนโยนก็ดังมาจากอีกฟากหนึ่งว่า“ท่านแม่ ท่านคุยกับใครอยู่ขอรับ? แค็กๆๆ…..”
เซียวลิ่งเยว่กับเด็กผู้ชายหันไปมอง ก็เห็นเด็กผู้ชายสวมชุดสีขาว มีเสื้อคลุมกันลมหนาๆโผล่มาจากรถม้า คิ้วน้อยๆขมวดเป็นปมมองมาทางด้านนี้
เด็กผู้ชายสวมใส่หน้ากาก ปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งซีก อายุของเขาประมาณสี่ห้าขวบ
“เป่ยเป่ย เจ้าลงมาทำไม?”เซียวลิ่งเยว่เป็นห่วง เดินไปทางเขา จากนั้นก็นึกถึงเด็กอีกคนที่ยืนอยู่ที่เดิม นางเลยหยุดกวักมือเรียก
เด็กน้อยคิดอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นก็เดินตามนางไป ดวงตากลมโตของเขาสังเกตเป่ยเป่ยอยู่เป็นระยะๆ
“ท่านแม่ อุ้ม”เป่ยเป่ยยืนมือไปทางเซียวลิ่งเยว่
เซียวลิ่งเยว่ยื่นมือไปอุ้มเขา นางลูบใบหน้าเล็ก ถามว่า“หนาวหรือไม่?”
“ไม่หนาวขอรับ”เป่ยเป่ยส่ายหน้า สายตาจ้องมองเด็กผู้ชายอีกคน“ท่านแม่ เขาคือใครขอรับ?”
เด็กผู้ชายถูกเขากวาดสายตามอง จิตใต้สำนึกสั่งให้ยืนตรง ขนลุกซู่ทันที
ฮือ น่ากลัว เกิดอะไรขึ้นกันนะ…..
มองดูแล้วเขาก็ดูอ่อนแอ
เซียวลิ่งเยว่ไม่รู้จะอธิบายยังไง นางจึงต้องพูดแบบคลุมเครือไปว่า“เขาเป็นเด็กที่แม่บังเอิญเจอ ไม่รู้เหมือนกันว่าชื่ออะไร”