บทที่ 3 ต่อให้พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็ต้องหานางให้เจอ
“หยุด! อย่าหนีนะ!”
“เซียวลิ่งเยว่ เจ้าจะหนีไปไหน? ! ยอมให้จับซะดีๆ!”
เสียงตะคอกด้วยความเดือดดาลดังมาจากทางด้านหลังไม่ขาดสาย
ทหารหลายร้อยนายกระจายกำลังออกไปล้อมรอบจนตอนนี้กลายเป็นอวนตาข่ายแล้ว
“ข้ายอมให้จับก็โง่นะสิ ”เซียวลิ่งเยว่สบถด้วยความไม่พอใจ นางวิ่งหนีด้วยตั้งครรภ์เก้าเดือนอยู่ในป่า และหลังจากหลบหนีอยู่หลายครั้ง ตอนนี้นางสลัดเหล่าทหารได้อย่างช่ำชองแล้ว
ไม่นาน นางก็หลบเข้ามาในถ้ำแห่งหนึ่ง นางเอาเถาวัลย์มาปิดปากถ้ำไว้ ในที่สุดก็ได้พักแล้ว
เซียวลิ่งเยว่ยอมรับเลยว่านางประเมินศักดิ์ศรีของผู้ชายคนนี้ต่ำไป
จ้านเป่ยหานน่าจะเกลียดนางมาก เขาตามจับนางมาตลอดเก้าเดือนไม่เคยที่จะหยุดพักเลย
ตั้งแต่เมืองหลวงจนมาถึงเมืองโดยรอบ แม้กระทั่งในหมู่บ้าน ไม่ว่าที่ไหนก็มีแต่ภาพวาดของนาง เขาให้เงินรางวัลมหาศาล ทหารของขุนนางแต่ละจวนต่างมาค้นหา หากพบร่องรอยที่น่าสงสัย แม้จะต้องฆ่าก็ไม่ยอมปล่อยให้หนีไปได้
เซียวลิ่งเยว่เปลี่ยนโฉมและหลบซ่อนได้อยู่สองเดือนกว่า พอเห็นว่าสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ นางหมายจะหนีไปตั้งหลักให้ไกลจากเขา ทว่ากลับพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ซะก่อน
อีกทั้งนางยังตั้งครรภ์ลูกแฝด!
ตอนนี้สุขภาพร่างกายนางไม่ค่อยดี ภายในร่างกายมีพิษตกค้าง ทำให้ร่างกายนางทรุดโทรมอย่างมาก
ถ้าหากเดินทางต่อโดยไม่สนใจใยดี ภายใต้สภาพร่างกายที่เป็นแบบนี้ เด็กในท้องของนางสองคนต้องไม่รอดแน่นอน
เซียวลิ่งเยว่คิดอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายทนไม่ไหว จำใจต้องหาหมู่บ้านใกล้ๆเมืองหลวงหลบซ่อนตัวอยู่ นางปรับสมดุลดูแลร่างกายไปพร้อมๆกับแอบดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ
นางเป็นหมอเชี่ยวชาญด้านพิษ ถึงแม้จะเป็นหมอหลวงของราชวงศ์ก็ไม่อาจเทียบนางได้ การขจัดพิษและดูแลเด็กในครรภ์ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ปัญหาหลักคือยาสมุนไพรในมือของนางไม่พอ นางเลยต้องแปลงโฉมเข้าเมืองไปซื้อยาอยู่เป็นนิจ
ไม่เคยคาดคิดเลยว่า เก้าเดือนที่ผ่านมานางสามารถหลบซ่อนอันตรายมาได้ แต่ว่าช่วงใกล้ที่จะคลอดกลับเกิดเรื่องขึ้น
เวลานี้ บริเวณตีนเขามีทหารที่จะมาจับนางรวมตัวกันอยู่
วางกรอบดักนางขนาดนี้ นางเป็นผู้หญิงท้องโตใกล้คลอดคนหนึ่ง จะต้องติดปีกบินออกไปหรือ?
ลำบากจริงๆ!
เซียวลิ่งเยว่ทอดถอนหายใจ ขณะที่นางกำลังกลัดกลุ้มใจอยู่ จู่ๆนางก็รู้สึกปวดบิดขึ้นมาเป็นระยะๆ
นางสีหน้าเปลี่ยน และเอื้อมมือไปลูบท้องโดยสัญชาตญาณของคนเป็นแม่
วันกำหนดคลอดอีกตั้งครึ่งเดือนกว่า จู่ๆก็ปวดบิดขึ้นมา หรือจะคลอดก่อนกำหนดงั้นเหรอ? !
ไม่รอให้เซียวลิ่งเยว่คิดมากไปกว่านี้ ความรู้สึกปวดบิดๆถาโถมเข้ามาเป็นระยะ หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ
เด็กสองคนในท้องเหมือนรอไม่ไหวแล้ว
เซียวลิ่งเยว่กัดฟันแน่น นางเจ็บจนตาลาย นางพยายามเอื้อมมือไปคว้าผนังและสาวเท้าเดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ
บริเวณตีนเขาในเวลานี้
“ไป ——”
เสียงตะคอกดังมา พร้อมกับแส้ม้าที่ยกสูงขึ้น
ม้าดำขลับร้องคำราม พุ่งมาราวกับคันศรและหยุดนิ่งอยู่บริเวณตีนเขา
หัวหน้าองครักษ์เกล็ดมังกรมายืนอยู่ตรงหน้า ประสานมือคารวะ พูดว่า“อ๋องอี้เตี้ยนเซี่ย!”
จ้านเป่ยหานพลิกตัวลงจากม้า และโยนแส้ในมือให้กับทหารที่อยู่ด้านข้าง ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง นัยน์ตาคมกริบยากที่จะเทียบเทียน “คนอยู่ไหน?”
จ้านเป่ยหานถามหาใคร ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะแล้ว
หัวหน้าองครักษ์เกล็ดมังกรรีบพูดว่า“ถูกล้อมไว้ในภูเขาแล้ว ตอนนี้องครักษ์เกล็ดมังกรกำลังค้นหาพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าจะบอกว่ายังหาไม่เจออย่างนั้นหรือ?”จ้านเป่ยหานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ท่านอ๋องได้โปรดระงับโทสะพ่ะย่ะค่ะ!”
หัวหน้าองครักษ์เกล็ดมังกรคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เหงื่อไหลอาบตัว พูดว่า“เซียวลิ่งเยว่ใช้วิชาตัวเบาหลบได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งนางเหมือนรู้การเคลื่อนไหวขององครักษ์เกล็ดมังกร จึงหลบหนีได้หลายครา! กระหม่อมกำลังส่งคนไปค้นหานางอย่างถี่ถ้วน และจะต้องจับเป็นนางได้แน่นอน!”
“เจ้าบอกว่านางมีวรยุทธ์หรือ?”จ้านเป่ยหานหรี่ตามองด้วยความสงสัย
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นไปไม่ได้! “จ้านเป่ยหานสีหน้าอึมครึม”ถึงแม้เซียวลิ่งเยว่จะอยู่จวนแม่ทัพ แต่นางเป็นคนไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ แม้แต่กระต่ายยังไม่กล้าฆ่า นางจะมีวรยุทธ์ได้ยังไง?”
“แต่ทหารหลายคนเห็นกับตาตัวเอง กระหม่อมไม่กล้าพูดปดพ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าองครักษ์เกล็ดมังกรพูดด้วยความลังเลใจว่า“อีกอย่าง ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่กระหม่อมเพิ่งทราบพ่ะย่ะค่ะ และกระหม่อมไม่กล้าปิดบังท่านอ๋อง…..”
“พูดมา”จ้านเป่ยหานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ทหารรายงานว่าตอนที่เซียวลิ่งเยว่หลบหนี นางท้องโตด้วยพ่ะย่ะค่ะ เหมือนว่า….นางกำลังตั้งครรภ์อยู่!”
“……..”จ้านเป่ยหานตัวแข็งทื่อ เขาเงียบอยู่เป็นเวลานาน ถึงได้กัดฟันกรอดพูดว่า“ดี! ดีจริงๆ! มิน่าล่ะนางถึงได้หนี!”
“กระจายคำสั่งลงไป คิดหาทุกวิธีตามหาเซียวลิ่งเยว่ให้เจอ ต่อให้พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ก็ต้องเอาตัวนางมาให้ข้าให้ได้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
การกระจายกำลังค้นหาเป็นไปอย่างเข้มข้น
ทหารทั่วไปหนึ่งพันนาย และทหารองครักษ์เกล็ดมังกรกว่าหนึ่งร้อยนายกระจายกำลังทำกับดัก พวกเขาปูพรมค้นหาแทบจะพลิกภูเขาทั้งลูกแล้ว
เวลาสองชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฟ้าค่อยๆมืดสลัวลง
เสียงรายงานบริเวณตีนเขาดังมาไม่ขาดสาย
“ทิศตะวันออกไม่มี!”
“ทิศตะวันตกไม่มี!”
“ทิศเหนือไม่มี!”
“รายงาน ——ทางทิศใต้มีความผิดปกติ!”
จ้านเป่ยหานลุกขึ้นยืน พูดว่า“ตรงไหน?”
ทหารพูดว่า“บริเวณป่าลึกทางทิศใต้ มีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง บริเวณปากถ้ำพบว่ามีร่องรอยของคนพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก”จ้านเป่ยหานนัยน์ตาเย็นชา“ข้าจะไปด้วยตัวเอง ไป!”
เวลานี้ เซียวลิ่งเยว่ยังไม่รู้ว่าที่หลบซ่อนของตัวเองถูกพบเห็นแล้ว
นางปวดมาเป็นระยะๆอยู่สองชั่วยาม ในที่สุดนางก็คลอดลูกแฝดออกมาอย่างปลอดภัย
ลูกของนางเป็นเด็กชายทั้งสองคน พี่ชายตัวโต เสียงร้องไห้ดังลั่น
ส่วนน้องชายคลอดยากนิดหน่อย ออกมาค่อนข้างช้า เสียงร้องไห้เบาๆเหมือนแมวร้อง ร่างกายดูไม่แข็งแรง
น่าจะเป็นเพราะก่อนนางท้อง ร่างกายยังมีพิษที่สะสมอยู่ เลยทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง
เซียวลิ่งเยว่ลุกขึ้นนั่ง นางโอบกอดเด็กสองคน และหอมทั้งสองด้วย ใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เพราะนางคลอดก่อนกำหนด อีกทั้งยังมีทหารล้อมจับ นางเลยไม่ทันได้กลับไปหมู่บ้าน สิ่งของที่เตรียมไว้สำหรับการคลอดจึงไม่ได้อยู่กับตัว
โชคดีที่ไม่เป็นอันตรายอะไร ลูกทั้งสองคนคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย
นางยังไม่ทันได้ดีใจอะไรมากไปกว่านี้ จู่ๆ บริเวณปากถ้ำก็มีการเคลื่อนไหวดังมา
เซียวลิ่งเยว่แฉลบมอง
นางรู้ จากลักษณะนิสัยของจ้านเป่ยหาน พอเจอร่องรอยนาง เขาจะต้องตามสุดความสามารถ ถ้าตายก็ต้องได้เจอศพ
ก่อนหน้านี้เพราะนางท้อง นางจึงทำได้แค่หลบไม่สามารถต่อกรได้
แต่ตอนนี้นางคลอดแล้ว นางจะเอาลูกสองคนมาหลบๆซ่อนๆอยู่อย่างนี้ไม่ได้
นางจะต้องคิดหาวิธีทำให้จ้านเป่ยหานล้มเลิกตามหานางสักที
ปากถ้ำ
ทหารกลุ่มใหญ่ถือคบไฟยืนรายล้อมอยู่บริเวณปากทางเข้าถ้ำ
“ท่านอ๋อง ด้านในถ้ำมีเลือด ดูจากร่องรอยแล้ว เซียวลิ่งเยว่น่าจะคลอดก่อนกำหนดพ่ะย่ะค่ะ!”องครักษ์เกล็ดมังกรรีบรายงาน
“เด็กล่ะ?”จ้านเป่ยหานรีบสาวเท้าเดินมา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่เจอพ่ะย่ะค่ะ นางน่าจะเอาไปแล้ว”
จ้านเป่ยหานเปิดเถาวัลย์บริเวณปากถ้ำออก และสาวเท้าก้าวเข้าไปด้านใน
ด้านในถ้ำตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
แสงไฟระยิบระยับ ร่างแน่งน้อยเดินโซเซอุ้มเด็กทารกแรกเกิดไว้ในอ้อมกอดหนี!
จ้านเป่ยหานรีบตามไป พร้อมตะโกนเสียงดังว่า“เซียวลิ่งเยว่ หยุดเดี๋ยวนี้!”