บทที่ 2 ข้าจะฆ่าเจ้า!
จ้านเป่ยหานนึกว่าตัวเองหูฝาดฟังผิด เขาตะคอกด้วยความเดือดดาลขึ้นทันที
“เซียวลิ่งเยว่!”
“อย่าตะโกนเสียงดัง หม่อมฉันแค่ถามเป็นมารยาทเพคะ”เซียวลิ่งเยว่รู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหมดแรงแล้ว แขนอ่อนแรง หมอบอยู่บนแผงอกของเขา และเงยหน้าขึ้นมาพูด
“ขอถามให้แน่ใจก่อน นอนมาด้วยแล้วกี่คนเพคะ? หม่อมฉันเป็นคนรักสะอาด ไม่ชอบของสกปรกที่คนอื่นเคยใช้มาก่อน”
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”จ้านเป่ยหานโมโหควันออกหู
“จะโมโหทำไมเพคะ ถ้าไม่ใช่เพราะหม่อมฉันโดนวางยา หม่อมฉันจะเอาเปรียบท่านอ๋องหรือ? ถึงยังไงงานแต่งงานก็จัดขึ้นแล้ว คืนวันแต่งงาน หม่อมฉันนอนกับท่านอ๋องก็ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผลเพคะ”
ขณะที่เซียวลิ่งเยว่พูด นางก็พยายามลุก พูดพึมพำว่า“จะว่าไป หม่อมฉันยังดูไม่ชัดเลยว่าท่านอ๋องมีรูปร่างหน้าตาแบบไหน…..”
จ้านเป่ยหานจ้องเขม็งมองนาง
ถึงแม้ท่าทางเขาจะทมึงทึง แต่มันก็ไม่สามารถปิดบังใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้
คิ้วเรียวยาว ดวงตาดำขลับราวกับหมึก จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาเรียวยาวราวกับนกฟินิกซ์ดูอ่อนโยนและเย็นชาในเวลาเดียวกัน ท่าทางหยิ่งยโส มองดูแล้วเหมือนคนที่แข็งแกร่งและบ้าอำนาจ
โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขาโกรธราวกับเปลวไฟแผดเผา ทว่ากลับดูนิ่งสุขุม มองดูแล้วช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
“หล่อใช้ได้”เซียวลิ่งเยว่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
ทันใดนั้น นางได้เอื้อมมือไปปลดชุดของเขา แล้วสะบัดออก
จ้านเป่ยหานตะคอกด้วยความเดือดดาลว่า“เจ้าอยากตายหรือ? ไสหัวไป!”
“โมโหร้ายเสียเหลือเกิน หม่อมฉันบอกแล้วไงว่าหม่อมฉันโดนวางยา ท่านอ๋องเป็นผู้ชายไม่เสียเปรียบหรอกเพคะ”
“เจ้ากล้าแตะต้องตัวข้าก็ลองดู!”จ้านเป่ยหานโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา
นางโดนวางยา แล้วนางเอาเขามาเป็นเครื่องมือในการถอนพิษ อีกทั้งเป็นคืนวันแต่งงานด้วย……
มีอย่างที่ไหนกัน!
เซียวลิ่งเยว่พยายามถอดชุดของเขา จะยิ้มก็ไม่ยิ้มพูดว่า“หม่อมฉันแตะต้องท่านอ๋องแล้วจะยังไงเพคะ? ท่านตะโกนเสียงดังกว่านี้หน่อย ให้คนในจวนอ๋องของพวกท่านมาดูมาชมด้วยเป็นยังไง?”
จ้านเป่ยหาน“…..”นางหน้าไม่อายจริงๆ!
วินาทีต่อมา ร่างกายก็เกิดความร้อนรุ่มขึ้นมา
เขาพยายามปฏิเสธอย่างเห็นได้ชัด ทว่าร่างกายกลับไม่สามารถควบคุมได้
ค่ำคืนอันเร่าร้อน สุขล้นตราตรึงใจ
……
รุ่งอรุณ แสงอาทิตย์สาดส่องเข้าห้องหอ
เทียนสีแดงลายมังกรคู่กับหงส์ถูกเผาไหม้จนสุด และดับไปช้าๆ
บนเตียงในห้องหอ ชายหนุ่มลืมตาขึ้น ใบหน้าหล่อเหลามีความฉุนเฉียวแฉลบผ่าน
เมื่อคืนนี้ ภาพเหตุการณ์แต่ละอย่างในค่ำคืนวันเข้าหอยังคงติดตาเขา ทุกภาพมันชัดเจนตราตรึงใจจนน่ากลัว
จ้านเป่ยหานกัดฟันกรอด
จุดที่เขาถูกสะกดไว้ถูกปลดคลายออกแล้ว เขาเลิกผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นจากเตียงที่ยับยู่ยี่ ผ้าคลุมหน้าเปื้อนเลือดลอยลมมา ดอกเหมยแดงบานสะพรั่งสะดุดตา
จ้านเป่ยหานหน้าอึมครึม กวาดสายตามองรอบห้อง
ด้านในห้องหอว่างเปล่า ผู้หญิงใจกล้าคนนั้นหายไปแล้ว
กล้าซุ่มโจมตีเขา ทั้งยังเอาเขามาเป็นเครื่องมือในการถอนพิษยาอีก กล้าดีจริงๆ!
ถ้าเขาไม่ได้สั่งสอนนาง อย่ามาเรียกเขาว่าจ้านเป่ยหาน!
จ้านเป่ยหานเดือดดาล กระชากชุดคลุมมาคลุมกาย จากนั้นหมายจะเดินออกไปข้างนอก ทว่าสายตากลับพลันเห็นโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ด้านข้าง มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ใต้มงกุฎที่เซียวลิ่งเยว่สวมใส่เมื่อคืน
เขาขมวดคิ้วเป็นปมแล้วเดินไปดึงมาดู หัวกระดาษเขียนอักษรตัวใหญ่มาก
“หนังสือหย่า!”
เส้นเลือดที่หน้าผากของจ้านเป่ยหานปูดนูนขึ้น เขายังคงอ่านต่อ
“ข้าเซียวลิ่งเยว่ สามีจ้านเป่ยหาน เพราะสองคนมีความรู้สึกต่างกัน เข้ากันไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงขอหย่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะแยกจากกัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก เอาสิ่งนี้ไว้เป็นพยาน!”
ด้านล่างสุดมีการลงนามไว้ โดยการประทับลายนิ้วมือด้วยสีแดง
จ้านเป่ยหานสีหน้าเหี้ยมโหด
“เซียว!ลิ่ง!เยว่ ——!!!”
ความเดือดดาลของเขาเพิ่มทวีคูณขึ้น เขาฉีกหนังสือหย่าขาดสะบั้น ตบโต๊ะเครื่องแป้งดังสนั่น
ครืน!
โต๊ะเครื่องแป้งที่ทำด้วยไม้แตกละเอียด
มงกุฎอันสวยงาม ประดับประดาไปด้วยไข่มุกมากมายสาดกระเซ็นหล่นลงพื้น
“ทางที่ดีเจ้าอธิษฐานขออย่าให้มาตกอยู่ในกำมือข้าจะดีกว่า!”
……
หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง ทั้งเมืองหลวงตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
ทหารสวมชุดเกาะจำนวนมากเคลื่อนกองกำลังออกมา พวกเขาปิดประตูเมืองทุกจุด ค้นทุกซอกทุกมุม ชุลมุนจ้าละหวั่น อยู่ไม่เป็นสุขกันถ้วนหน้า
“เกิดอะไรขึ้น? องครักษ์เกล็ดมังกรออกมาเคลื่อนไหวหมดแล้ว!”
“เฮ้อ เจ้ายังไม่รู้หรือ? เกิดเรื่องใหญ่กับอ๋องอี้ที่เพิ่งแต่งงานเมื่อวานนี้!”
“ได้ยินมาว่าพระชายาอี้ที่เพิ่งจะแต่งงานเข้าไปเมื่อวาน จู่ๆวันนี้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย! แถมยังทิ้งหนังสือหย่าไว้ด้วย เห็นบอกว่าจะหย่าสามี!”
“โอ้โห จริงหรือนี่? !”
“จะเป็นเรื่องโกหกอยู่หรือ เรื่องแบบนี้? อ๋องอี้เตี้ยนเซี่ยโมโหแทบคลั่ง เขาเคลื่อนองครักษ์เกล็ดมังกรออกมาแบบนี้ หมายจะจับตัวเซียวลิ่งเยว่กลับไปให้ได้”
“เมื่อวานเซียวลิ่งเยว่กรีดข้อมือฆ่าตัวตายในเกี้ยว ยอมตายดีกว่าจะต้องแต่งงานกับอ๋องอี้เตี้ยนเซี่ย หรือว่าอ๋องอี้เตี้ยนเซี่ย….ไม่มีน้ำยา?”
“ชู่วว์!อย่าไปพูดซี้ซั้วเชียว…..”
ข่าวลือแพร่สะพัดออกไป เหล่าอาณาประชาราษฎร์พูดคุยกันสนุกปากคึกคักราวกับฉลองเทศกาลอย่างไรอย่างนั้น
แต่เวลาแค่ช่วงเช้า ข่าวลือที่ไม่มีการกรองแพร่สะพัดไปทั่ว
มีบางคนบอกว่าอ๋องอี้เตี้ยนเซี่ยไม่มีน้ำยา พระชายาอี้ไม่ยอมอยู่อย่างระทม จึงทิ้งหนังสือหย่าไว้แล้วหนีไป
มีบางคนบอกว่าเซียวลิ่งเยว่มีคนในใจอยู่แล้ว นางแอบหนีไปกับคนคนนั้นในคืนนั้นเลย อ๋องอี้เตี้ยนเซี่ยถูกสวมเขา
และมีบางคนบอกว่าเซียวลิ่งเยว่ตายแล้ว นางถูกอ๋องอี้ฆ่าตายบนเตียงในห้องหอ นางตายตาไม่หลับ เพื่อที่จะปิดข่าวลือ อ๋องอี้ถึงได้จงใจพูดว่านางหนีไปแล้ว……
ข่าวลือแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว
ด้านในหอสุราส่วนตัว
เซียวลิ่งเยว่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง นางมองท้องถนนที่เต็มไปด้วยองครักษ์เกล็ดมังกร จึงแสยะยิ้มมุมปาก
“แค่มีอะไรกันครั้งเดียว ต้องทำขนาดนี้เลยหรือ? เขาก็ไม่อยากจะแต่งงานกับตน ตนยังเขียนหนังสือหย่าให้เพื่อตัดความสัมพันธ์ คิดไม่ถึงว่าเขาจะปิดล้อมทุกจุดของเมืองหลวง เพื่อให้องครักษ์เกล็ดมังกรมาจับตน…….”
เซียวลิ่งเยว่หงุดหงิดใจ“ผู้ชายสารเลว กินเสร็จแล้วก็ไม่ยอมรับเลยนะ!”
นางหันหน้ากลับไป และใบหน้าอ่อนเยาว์ของชายหนุ่มก็สะท้อนอยู่ในกระจกแต่งตัวฝั่งตรงข้ามนาง
รูปลักษณ์ต่างกันกับนางลิบลับ
“โชคดีที่ข้าเตรียมการไว้ล่วงหน้า อยากจะจับข้าหรือ? ชาติหน้าเถอะ”เซียวลิ่งเยว่ลูบใบหน้า พูดขึ้นด้วยความลำพองใจ
นางเป็นถึงผู้สืบทอดตระกูลด้านยาพิษ เรื่องความเป็นความตายการฟื้นคืนชีพไม่ต้องพูดถึงเลย แค่การแปลงโฉมจะนับว่าอะไรกัน?
ในสายตาของจ้านเป่ยหาน นางเป็นแค่คุณหนูที่ไร้สาระของจวนแม่ทัพเซียว ทั้งโง่เขลาทั้งนิสัยไม่ดี ขาดความรู้ นางหลงใหลความหล่อเหลาของเขาจนสติหลุดลอย จงใจวางแผนทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของเขา
ฝ่าบาทเห็นแก่หน้าของพ่อนาง เลยฝืนใจพระราชทานงานแต่งให้ นางถึงได้มีโอกาสแต่งเข้ามาในจวนอ๋องอี้
แต่ความเป็นจริง เขากลับไม่รู้เลยว่า“เซียวลิ่งเยว่”ก็ถูกคนอื่นมาดร้าย ตายอยู่ในเกี้ยวโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
ส่วนนางคือเซียวลิ่งเยว่ที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลทางด้านการแพทย์และรู้ทักษะด้านยาพิษในยุคปัจจุบัน และยังเป็นแม่ทัพน้อยเว่ยเส้าหรงของแคว้นหนานเยี่ยน ชื่อเสียงเลื่องลือ ทว่าเพราะการเชื่อใจคนผิด ถึงได้ตายด้วยมือของไท่จื่อหนานเยี่ยน
นางมีชีวิตรอดมาถึงสองชาติ ได้มีโอกาสเกิดใหม่ คิดไม่ถึงว่าชาตินี้นางจะได้เกิดมาเป็นพระชายาอี้ของแคว้นเป่ยฉิน
อ๋องอี้จ้านเป่ยหานหลักแหลม ฝีมือเหี้ยมโหด ถือเป็นคู่ต่อสู้ชั้นหนึ่งเลยทีเดียว
ถ้าหากนางอยู่ข้างกายเขา ไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องถูกเขาจับได้ เพราะฉะนั้นนางจึงเลือกที่จะเขียนหนังสือหย่าแล้วหนีในเวลาต่อมา นางแค่อยากจะตัดสัมพันธ์กับเขา คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะบานปลายแบบนี้……
เซียวลิ่งเยว่ทอดถอนหายใจ ช่างเถอะ หลบซ่อนก่อนดีกว่า
รอผ่านไปสักพักหนึ่ง น่าจะไม่มีอะไรแล้ว
เก้าเดือนต่อมา
เซียวลิ่งเยว่ที่ตั้งครรภ์ถูกไล่ล่าอย่างไม่หยุ่ด“นี่ยังไม่เลิกจับข้าอีกเหรอ!”