บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6

พรชิตาตื่นขึ้นมาตอนรุ่งสางของอีกวัน เธอลุกแทบไม่ขึ้น ปวดระบมไปทั้งตัว ตลอดทั้งคืนต้องคอยเช็ดเหงื่อให้คนหน้าเหี้ยมที่เอาแต่นั่งทำสมาธิทั้งไม่ขยับเขยื้อน จนเธอต้องคอยตื่นขึ้นมาดูด้วยความเป็นห่วงเพราะใบหน้าหล่อนั่นเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงมีเหงื่อไหลออกมาตลอดเวลาแต่ตัวกลับเย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็ง

“เจ้าเจ็บมากหรือไม่” ใบหน้าสวยซีดเซียวแทบไม่มีสีเลือดพรชิตาพยักหน้าตอบ คลานไปหยิบเป้มาเปิดหายาให้เขาและตัวเอง ก่อนจะยกหลังมือไปแตะที่หน้าผากเขา เมื่อเห็นว่าอุณหภูมิบนตัวเขาเป็นปกติเธอจึงค่อยวางใจ แต่แผลที่ท้องอาจจะยังเจ็บอยู่ คงต้องอาศัยทานยาแก้ปวดไปอีกสักระยะ

“เจ้าตัวร้อน” เขาสัมผัสได้จากมือของนางที่มาแตะหน้าผากเขา หญิงสาวไม่ตอบอะไร นางเพียงแค่ยื่นยาใส่ปากให้เขา เมื่อเห็นว่าเขาทานยาเป็นที่เรียบร้อย นางก็จับยาเข้าปากตัวเองแล้วล้มตัวลงนอนเช่นเดิม อันที่จริงเขาไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว แผลแค่นี้ทำอะไรคนที่อยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบมานานหลายปีอย่างเขาไม่ได้หรอก แต่ที่นอนซมเมื่อวานเป็นเพราะพิษที่ถูกอาบอยู่บนดาบเล่มนั้นต่างหาก แต่หลังจากเดินลมปราณขับพิษทั้งคืนตอนนี้เขาจึงมีพละกำลังกลับคืนมาบ้าง

“เจ้าเดินไหวหรือไม่”

พรชิตาหันไปพยักหน้าตอบเขา ไม่ไหวก็ต้องไหวเพราะอยากจะออกจากตรงนี้เต็มทน สับสนงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งอยากจะกลับไปตามหาอากง แต่อีกใจก็ไม่อยากไปจากผู้ชายตรงหน้า กว่าจะได้มาเจอกันมันช่างลำบากเหลือแสน ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้พบเจอแค่รูปเงาเพียงในฝันเท่านั้นเอง  

ชินอ๋องหยวนจางหมิงใจกระตุกวูบเพราะน้ำตาที่ไหลอาบแก้มจากดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้น สายตานางที่มองเขานั้นมีแต่ความอาลัยอาวรณ์ เศร้าจนเขารับรู้ได้

“เจ้าคิดถึงบ้านรึ” นางพยักหน้าตอบ

“ข้าจะช่วยหาวิธีพาเจ้ากลับบ้านเอง”

ยิ่งพูดนางก็ยิ่งน้ำตาไหลนอง จนเขาเริ่มทำตัวไม่ถูก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพูดปลอบใครสักคน แต่กับนาง เขากลับอยากจะเข้าไปปลอบโยนเช็ดน้ำตาให้

เพียงแค่เห็นนางร้องไห้ใจเขาก็รูสึกเจ็บปวด ได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าหัวใจเย็นชาไร้ความรู้สึกของเขาหายไปไหน ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้กับหญิงสาวนิรนามที่เพิ่งพบเจอ

“เจ้าลุกขึ้นนั่งไหวหรือไม่”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยื่นมือมาช่วยพยุงตัวเธอลุกขึ้นนั่ง แล้ววางฝ่ามือลงบนแผ่นหลังพลังสายหนึ่งอุ่นวาบวิ่งจากฝ่ามือเขาผ่านสู่แผ่นหลังนางไหลเวียนไปตามร่าง

เธอได้แต่นั่งนิ่งไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร และทำได้อย่างไร รู้เพียงแค่ว่าอาการเจ็บปวดตามร่างก่อนหน้านี้หายไปและทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก ไม่มีอาการหนาวสั่นอีกแล้ว

“คุณทำได้ยังไง”

เธอหันไปถามอย่างลืมตัวว่าเขาฟังไม่รู้เรื่อง ผู้ชายหน้าตายมองหน้าเธอนิ่งก่อนจะหยิบกระบี่แล้วลุกขึ้น จนเธออยากจะเอามือหยิกแก้มเขา  แรง ๆ ทดสอบว่าใบหน้าหล่อเหลาปานสวรรค์ปั้นแต่ง แต่กลับเรียบเฉยแข็งกระด้างไร้ความรู้สึกยิ่งกว่าก้อนหินนั่น ยังมีความรู้สึกหลงเหลืออยู่ไหม พูดจาแต่ละทีก็แค่ประโยคสั้น ๆ เหมือนกับกลัวว่าดอกพิกุลจะร่วง ทุกอย่างที่เขาพูดออกมา ฟังคล้ายเหมือนจะออกคำสั่งเสียด้วยซ้ำไป

“ลุกขึ้น ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่”

ดวงตาคมนั้นกวาดมองไปรอบ ๆ อยู่ที่นี่นานไม่ดีแน่ ป่าหนาทึบแถบนี้เต็มไปด้วยสัตว์อันตรายมากมาย อีกไม่นานก็คงมารวมตัวกันแถวนี้เพราะได้กลิ่นคาวเลือด

พรชิตารีบลุกขึ้นเก็บข้าวของ จากนั้นก็เดินตามหลังเขาไปเงียบ ๆ  ป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ขนาดสิบคนยืนล้อมรอบก็ยังไม่มิด กับ พืชพันธุ์หน้าตาแปลกประหลาดแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เธอเริ่มขบคิดจนเริ่มมั่นใจว่าตัวเองได้หลงเข้ามาในสถานที่ลึกลับเข้าแล้ว

“เมืองลับแลหรือไงนะ” พรชิตาพูดพึมพำกับตัวเอง

ชินอ๋องหยวนจางหมิงหันไปมองหญิงสาวเพราะครู่หนึ่งเหมือนเขาจะเข้าใจที่นางพูด

“เจ้าว่าอะไรนะ” ดวงตาคมกริบหรี่ลงมองปากอวบอิ่มได้รูปอย่างตั้งใจฟัง

“ฉันอยากรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่ ใช่เมืองลับแลไหม ทำไมต้นไม้ใบหญ้าพวกนี้ ถึงไม่เหมือนที่ที่ฉันเคยอยู่” พรชิตารีบเก็บเสียงพูดเมื่อเห็นเขามองเธอนิ่ง ลืมตัวอีกแล้วว่าเขาฟังไม่เข้าใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel