ตอนที่ 8 องค์รัชทายาท
บิดาของคังเสวีมี่ แตกต่างจากพวกขุนนางหัวล้านพุงพลุ้ยเสียลิบลับ
ท่านอ๋องคังผู้นี้มีเครื่องหน้าทั้งห้าที่รับกับ ใบหน้าอันหล่อเหลา เหนือริมฝีปากมีหนวดประดับอยู่ ใบหน้าดูมีอายุแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ เป็นลุงวัยกลางคนที่รูปงาม
ในบทที่ชายารองติงตะโกนเสียงดัง สายตาของเขาก็จ้องเขม็งมาที่เหยาเซิง ใบหน้านิ่ว ก่อนที่จะมองไปยังศพที่อยู่ในทะเลสาบ
เช่นเดียวกับชายารองติง ที่ไม่ได้สนใจเลือดบนหัวเหยาเซิงแม้แต่น้อย และยังหันกลับไปยืนข้างชายหนุ่มแทน “องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ ข้าไม่ได้มารับรองพระองค์ให้ทันเวลา จนทำให้พระองค์กังวลพระทัย จนองค์รัชทายาททุกข์พระทัย
บุตรสาวของข้าคนนี้ไม่ได้เป็นอันตราย นางอาจดื้อรั้น และกระทำสิ่งที่ไม่สมควร โปรดองค์รัชทายาทประธานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ชายหนุ่มโบกมือไปมาด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ “คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลคังก่อเหตุอันใดกัน เหตุใดถึงลงมือฆ่าคนกัน เรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้ เปิ่นกงต้องนำไปกราบทูลเสด็จพ่อให้รับ ทราบ”
องค์รัชทายาท?
นี่คือเหตุผลที่ชายารองติงไม่ต้องการให้คังเสว่มี่มีชีวิตอยู่ นางรู้สึกว่าหากไม่มีคังเสว่มี่ ผู้ที่จะรับราชโองการสมรสพระราชทานกับองค์รัชทายาท ย่อมต้องเป็นคังเสี้ยเหอลูกสาวของนางเป็นแน่
เหยาเชิงมองไปยังชายหนุ่มผู้นั้น เธอต้องคอยลอบสังเกตองค์รัชทายาท ว่าแท้จริงวีรบุรุษผู้นี้กำลังแสดงเป็นตัวละครตัวใดกันเพราะโศกนาฏกรรมเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะองค์รัชทายาท
เสื้อคลุมสีเหลืองคือสิ่งที่สะดุดตาเป็นอย่างแรก ส่องประกายไปกับแสงแดด ช่างเป็นสีที่มีเกียรติและไร้ซึ่งที่เปรียบ ทำให้ผู้ที่พบเห็น รับรู้ถึงตัวตนและเกิดความเกรงกลัวภายใน จิตใจ
การมาเข้าร่วมงานคล้ายวันเกิดของขุนนาง ถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ หากไม่ใช่เคารพนับถือท่านอ๋องคัง ก็อาจเป็นการมาแสวงหาความแข็งแกร่งและแสดงอำนาจส่วนตน
เห็นได้ชัดจากท่าทางที่ท่านอ๋องคังมองไปยังองค์รัชทายาท แสดงว่าไม่ใช่อย่างแรกเป็นแน่เมื่อมองรูปลักษณ์ของคนผู้นี้ ร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมชัดใต้คิ้วกระบี่คือดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยร่องรอยแห่งความสูงส่ง ที่ส่องประกายราวกับดาวนำทาง ผสมไปด้วยความเย็นชาและหยิ่งทะนง
ทันใดนั้นสายตาก็สบประสานดวงตาหรี่แคบ สายตาที่มองเหยาเซิงนั้นเต็มไปด้วยความดูถูก ท่าทางเช่นนั้น มีความโอ้อวดและภาคภูมิใจที่ได้อยู่เหนือกว่าผู้คนทั่วไป สรรพร่างท่วมท้นไปด้วยความเย่อหยิ่งของเชื้อพระวงศ์
ราวกับมังกรหยิ่งยโสที่กำลังโผบินบนนภา การที่อายุเพียงยี่สิบปีแต่กลับได้ตำแหน่งสูงมาครอบครอง ย่อมมีบรรยากาศที่แตกต่างจนทำให้หญิงสาวต่างหลงใหล
องค์รัชทายาทผู้นี้ เป็นพระโอรสของฮ่องเต้และหยวนฮองเฮามีพระนามว่าไป๋หลี่รุ่ย ฮ่องเต้และหยวนฮองเฮาดูใจกันตั้งแต่ทรงพระเยาว์วัย และสมรสกันในวัยหนุ่มสาว ความสัมพันธ์จึงลึกซึ้งสุดหยั่ง
นับตั้งแต่ที่ไป๋หลี่รุ่ยประสูติ พระองค์ได้ขึ้นเป็นรัชทายาทโดยตรง โดยที่ไม่มีการต่อต้านจากขุนนางฝ่ายใดเลย เติบโตในทุ่งดอกไม้ ชีวิตหรูหรามั่งคั่ง มีราชครูที่เก่งที่สุดคอยอบรม เรียนรู้หน้าที่ขององค์ชายที่เป็นของพระองค์ แต่เพียงผู้เดียว
คอยบ่มเพาะร่างกายที่พิเศษและทรงเกียรตินี้ ยี่สิบปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังไร้คู่แข่ง กลายเป็นหนึ่งในสามอันดับบุคคลสำคัญของประเทศฉีเทียนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับ การเป็นสามีที่สุดโดยปริยาย
หญิงสาวในเมืองหลวงต่างใจเต้นให้กับองค์ รัชทายาทผู้นี้โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรมาก
เพียงแต่เหยาเซิงมองเห็นความ กระวนกระวายและความดูถูกอยู่ในแววตา ของเขา ที่ไม่ได้มีการปกปิดแม้แต่น้อยหากใช้ใจไม่ว่าใครก็มองออก ว่าในคำพูดของเขาเมื่อครู่นั้นมีการดูถูกซ่อนเร้นอยู่ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ชายตาแล แต่กลับตัดสินให้เธอมีความผิดไปทั้งอย่างนั้น
เธอยิ้มเย็นอยู่ในใจ
ข้อสงสัยว่าอาจเป็นชายารองติงที่สั่งให้คนมาฆ่าคังเสว่มี่ไม่มีแม้แต่เสี้ยว เมื่อนึกได้องค์รัชทายาทเองก็คงอยากให้คังเสว่มี่หายไปเร็วเช่นกัน เพื่อไม่ให้หญิงสาวปัญญาอ่อนได้ขึ้นเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท
ได้รับคำอนุญาตจากเขาแล้ว ชายารองติงยังพยายามลากเขาเข้ามาร่วมด้วยอย่างไร้ยางอาย เพื่อให้มาตรวจสอบศพของเธอด้วยกัน ว่าภาระอย่างคังเสว่มี่นั้นตายไปแล้วจริงๆ