บทที่๓...ใกล้ชิดจนเผลอไผล (๒)
นอกจากลูกชายก็ไม่เคยเช็ดตัวให้ใครเลย...
“ฉันไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ” มือเล็กถูกคว้าเอาไว้ก่อนที่เขาจะถามขึ้น ดวงตาคมจ้องมาที่หล่อนทำเอาเริ่มทำตัวไม่ถูก
“คุณรัณเป็นเจ้านายที่น่ารักค่ะ” จากการทำงานมาด้วยกันกว่าหนึ่งเดือน เขาเป็นเจ้านายที่ใส่ใจลูกน้อง ไม่เคยเอารัดเอาเปรียบสักครั้ง แถมชอบทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกด้วย
อย่างเช่นตอนนี้ที่ร่างสูงลุกขึ้นนั่งพลางจ้องหน้าของเธอนิ่ง
“แล้วทำไม ถึงบอกว่าฉันไม่ดี” ประโยคนี้คนที่เขาควรถามน่าจะไม่ใช่หล่อน อาจเป็นคุณนุ่นที่เพิ่งเจอกันเมื่อช่วงเช้า
เหมือนเหตุการณ์ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน ที่เธอกลายเป็นตัวแทนของใครอีกคนเสียแล้ว
“ฉันไม่รู้ค่ะ ถ้าคุณสร่างแล้วฉันขอตัวนะคะ” ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนชายหนุ่มก็ดึงเธอให้นั่งลงบนเตียง ก่อนจะกอดเอาไว้จากทางด้านหลัง กอดแน่นจนรวิสุดาหายใจติดขัด หัวใจเต้นแรงเหมือนกำลังจะหลุดออกมา
“คะ คุณรัณ” มือหนาเลื่อนมาที่ทรวงอกก่อนจะกอบกุมมันทั้งสองข้าง ไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นพลางเม้มเบาๆ แต่ทำเอาคนโดนกระทำสะดุ้ง ภาพเมื่อสี่ปีก่อนย้อนกลับมาอีกครั้งจนต้องดิ้นออกแล้วพูดเตือนสติเขา
“ปล่อยค่ะ ดรีมไม่ใช่คุณนุ่นนะคะ”
“เธอไม่ใช่นุ่น ฉันรู้ ฉันรู้” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ก็ไม่ยอมปล่อยหล่อนเป็นอิสระ เหมือนน้ำเมาควบคุมทุกการกระทำของรองประธานเสียแล้ว ความรู้สึกต้องการของส่วนลึกผุดขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้น ก็ อึก ปล่อยค่ะ อ่ะ” ขนาดจะบอกให้เขาปล่อยเธอเองยังเผลอไปกับสัมผัสของชายหนุ่ม ลมหายใจร้อนเป่ารดต้นคอจนสมองขาวโพลน อารมณ์ที่เคยหายไปนานตั้งแต่สี่ปีก่อนกลับมาอีกครั้ง เหมือนคืนนั้นที่เขาและเธอได้ใช้เวลาร่วมกัน
เสื้อเชิ้ตสีชมพูถูกปลดกระดุมออก ก่อนที่เขาจะช้อนดอกบัวงามออกมาจากเสื้อชั้นใน แล้วจัดการขยี้ปลายถันสีสวยจนมันแข็งเป็นไต
“ไม่เอา อย่าค่ะ” เหมือนเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ เพราะขนาดบอกให้เขาพอแต่ปฏิกิริยาของเธอก็สู้มือเสียเหลือเกิน กายบางเอนพิงร่างหนาเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง ยิ่งเขาขบเม้มติ่งหูก็เสียวไปถึงกระดูกสันหลัง เผลอขดตัวเล็กน้อย
“อือ หอมชะมัด” กลิ่นดอกลิลลี่ที่เขาชอบออกมาจากกายของเธอ เผลอสูดดมด้วยความหลงใหล ขณะที่มือสองข้างก็ขยี้ปทุมถันทั้งเคล้นคลึงสลับกันไป รวิสุดาแทบหลงลืมทุกสิ่งอย่างเมื่อถูกชักจูงด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ ซึ่งหล่อนเองก็ห่างหายไปนานพอสมควร
มือหนาเลื่อนมาที่เอวบางก่อนจะปลดกระดุมและซิบของกางเกงแสลคที่หญิงสาวสวมออก “ยกสะโพกขึ้นสิ” กล่อมด้วยเสียงแหบพร่า และตอนนี้เธอก็มัวเมากับกิจกรรมเกินกว่าจะได้สติ ยอมทำตามคำสั่งของเขาอย่างง่ายดาย ทำให้กางเกงร่นไปกองที่หน้าขา ก่อนใช้เท้าช่วยถอดออกจนเหลือเพียงกางเกงชั้นใน
ดวงตาคมมองเรียวขาสวยแล้วเลื่อนมือไปบีบนวด ได้ยินเสียงครางจากหล่อนก่อนจะเปลี่ยนเป็นล้วงเข้าไปในกายสาว ลูบเบาๆ แล้วเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นหลังจากนั้นจึงใช้นิ้วสอดเข้าไป จากสองก็เพิ่มเป็นสามเล่นเอาคนโดนร้องเสียงหลง
“คุณรัณ อือ” ครางไม่เป็นศัพท์ก่อนที่ร่างสูงจะทนไม่ไหว เขาเปลี่ยนให้เธอนอนลงบนเตียงก่อนตนเองจะขึ้นทาบทับ ฉีกเสื้อเชิ้ตออกจนกระดุมขาดกระเด็น ก่อนจะจัดการกางเกงตัวหนาอย่างเร็วแทบไม่ถึงหนึ่งนาที
ดวงตากลมโตปรือหวานฉ่ำจากไฟที่เขาจุดติด ไม่มีการปฏิเสธหลงเหลือเพียงความต้องการที่พุ่งสูงพอกัน ชายหนุ่มตัดสินใจถอดกางเกงชั้นในของเธอออก หลังจากนั้นจึงผละมาปลดตะขอชั้นในทำให้ตอนนี้ร่างกายเปลือยเปล่าปรากฏแก่สายตา
มันงดงามจนเผลอมองด้วยแววตาชื่นชม ไม่พูดพร่ำทำเพลงชายหนุ่มนำแก่นกายที่ตั้งชันเข้าไปทักทายกายสาว รับรู้ได้ถึงโพรงอุ่นที่ตอดรัดตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าไป มันแน่นเสียจนต้องใช้เวลาสักพักถึงจะเข้าไปได้หมด
“หยะ อย่าเพิ่งค่ะ” หล่อนบอกเขาพลางจับเอวสอบเอาไว้ ทว่าไม่นานก็กัดปากแน่นเมื่อร่างสูงเริ่มเคลื่อนกาย จากที่เนิบช้าก็แรงขึ้นตามอารมณ์ตอนนี้
“แน่นชะมัด” บอกพลางแยกขาของหล่อนออกให้กว้างอีก เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง เขากระแทกโดยที่ไม่สนใจว่าร่างบางจะหัวสั่นคลอนมากแค่ไหน ค่อนโน้มกายลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มอย่างดูดดื่ม
คนไม่สันทัดเรื่องนี้ได้แต่ยอมให้เขากระทำโดยไม่สามารถเอ่ยปากห้ามได้ เพราะตนเองก็หลงมัวเมาเข้าไปในอารมณ์ที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น ทำได้เพียงร้องครางเพื่อระบายอาการมวนท้องที่เกิดขึ้นตอนนี้ เขาหยัดกายขึ้นแล้วเลื่อนมือมากอบกุมทรวงอก บีบจนพึงพอใจแล้วขยี้ปลายยอด
หล่อนครางไม่เป็นศัพท์ไม่เบาเสียงสักนิดเพราะทั้งชั้นเป็นของศรัณอย่างไรก็ไม่มีใครขึ้นมาอยู่แล้ว ในเมื่อมันเป็นช่วงเลิกงาน มือหนาจับเอวคอดเอาไว้เพิ่มความเร็วมากขึ้น ก่อนจะปล่อยน้ำสีขุ่นออกมาโดยไม่ยอมสวมถุงยางอนามัยป้องกัน
แปลกเหมือนกันที่เขาทำแบบนี้เป็นครั้งที่สอง ปกติชายหนุ่มมักจะสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งยามมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น ทว่าเมื่อสี่ปีก่อนที่ตนเมาจนไปคว้าหญิงที่ไหนมานอนด้วยก็ไม่รู้ จนไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยกับครั้งนี้ซึ่งขี้เกียจควานหา
สงสัยคงต้องให้หล่อนกินยาคุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง...
แต่เอาไว้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้กำลังมีความสุขกับเรือนกายสาวที่ไม่ว่าจะแตะไปตรงไหนก็เร้าอารมณ์เสียเหลือเกิน ดูเหมือนว่าคงไม่ได้หยุดแค่ครั้งเดียวเสียแล้ว
ไวน์ไม่ได้ทำให้เขาเมาจนไร้เรี่ยวแรง แต่มันกลับสร้างความปรารถนาให้รองประธานหนุ่มหล่อจนคนที่ต้องรับกรรมนอนแทบลุกไม่ขึ้น
คนเมาวาดแขนหวังโอบร่างบางที่กกกอดเอาไว้ทั้งคืน แต่กลับรับรู้ถึงความว่างเปล่าและเย็นชืด นั้นหมายความว่าหล่อนลุกไปนานแล้ว ดวงตาคมลืมขึ้นมาหันซ้ายแลขวาไม่พบใคร ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูเวลา พบว่าตอนนี้แปดโมงแล้ว
ลุกนั่งพลางนวดขมับ ภาพเมื่อคืนฉายชัดมาอีกครั้ง รู้ว่าตัวเองได้กระทำสิ่งที่ไม่สมควรกับหญิงสาว ทว่าไม่อาจหักห้ามใจได้ ถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มไม่รู้จะเผชิญหน้าอย่างไร เธอจะเรียกร้องให้เขารับผิดชอบหรือเปล่า...
“บ้าเอ๊ย” คิดแล้วก็ย้อนนึกถึงสี่ปีก่อนที่เขาตื่นขึ้นมาพร้อมความว่างเปล่าทั้งที่คืนก่อนหน้ายังสนุกสุดเหวี่ยงกับสาวที่เพิ่งเจอกันในคลับของตนเอง เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอยหลงเหลือไว้เพียงสร้อยจันทร์เสี้ยวเท่านั้น
ทั้งที่เคยปฏิญาณกับตัวเองจะไม่ดื่มจนเมาหนักขนาดนี้ สุดท้ายก็ทำไม่ได้แถมยังลากคนที่ทำงานร่วมกันมาเกี่ยวพันทางกาย
สมภารที่เคยเมินไก่วัดตอนนี้ได้กินเข้าไปทั้งตัวแล้ว...
“แย่แน่ไอ้รัณ” คิดไมได้นานก็ต้องลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ช่วงเช้าเขายังมีเอกสารต้องเซ็นไหนจะประชุมเกี่ยวกับผลกำไรส่งออกของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีก
ร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตคลุมด้วยสูทเนื้อดี และกางเกงแสลค เลือกนาฬิกาเรือนหรูสวมที่ข้อมือก่อนจะส่องกระจกอีกครั้งหลังทาครีมและจัดผมเรียบร้อยแล้ว คนในกระจกยังหล่อเหลาไม่เปลี่ยนเพียงแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
เป็นไงเป็นกัน เจอหน้าเลขาตัวเองคงไม่เป็นอะไรหรอก หล่อนก็อยู่อีกแค่สองเดือนก็ต้องออกแล้ว อย่าคิดมาก...
เปิดประตูออกจากห้องนอนของชั้นทำงาน เขาหยุดมองหญิงสาวที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะเลขานุการหน้าห้อง การแต่งกายต่างจากเมื่อวาน ผมที่เคยรวบถูกปล่อยลงมาคงเพื่อปิดรอยที่คอซึ่งเขาเป็นคนทำเอาไว้
ชายหนุ่มเดินผ่านหน้าร่างบางเข้าไปในห้องทันที ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเธอในขณะที่รวิสุดาทำเป็นเหมือนไม่สนใจแต่ข้างในนั้นสั่นกลัวไปหมด และเมื่อเขาผ่านไปก็ค่อยผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก เหลือบมองประตูที่ปิดสนิท
เมื่อคืนกว่าเขาจะปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระก็เที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ตัดสินใจไปอาบน้ำชำระกายแล้วกลับบ้านด้วยรถแท็กซี่เพราะรถไฟฟ้าปิดทำการ ลัลนาเฝ้าลูกชายให้เธอไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรกับความแสนดีของเด็กคนนี้
และเมื่ออาบน้ำเปลี่ยนกลับมาใส่ชุดนอนอีกครั้งก็กอดลูกพลางร้องไห้ เธอใจง่ายกับชายคนเดิมอีกแล้ว เพียงแค่เขากอดหรือแตะนิดหน่อยก็ยินยอมพร้อมใจ ช่างน่าไม่อายเสียเหลือเกิน
น่าไม่อายที่ตกหลุมรักเขาภายในเวลาเพียงเดือนเดียวและยอมทอดกายให้ศรัณได้เชยชม...
คนแบบนั้นจะจริงใจได้อย่างไร เขาไล่ผู้หญิงออกจากชีวิตด้วยซ้ำ แล้วเธอจะเหลือเหรอ ต่อจากนี้หากหมดช่วงสามเดือนก็คงไม่อยู่ที่เมืองหลวง
“กาแฟค่ะ วันนี้ช่วงเช้าคุณรัณมีเซ็นเอกสาร บ่ายประชุมกับบอร์ดบริหารค่ะ” วางกาแฟไว้ให้ก่อนจะขนแฟ้มทั้งหมดไว้บนโต๊ะ ใบหน้าหวานเรียบนิ่งไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืน
ทำให้รองประธานมองเธอนิ่งอย่างใช้ความคิด เขาไม่รู้ว่ารวิสุดาจะมาไม้ไหน ปกติถ้าเป็นคนอื่นก็คงตีโพยตีพายให้รับผิดชอบแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้มาแปลกจนอ่านความคิดไม่ออก เหมือนจะอ่อนนอกแต่ข้างในกลับเข้มแข็ง
“แค่นี้ใช่ไหม” เธอเงยหน้ามาสบตาเขา
“ค่ะ ฉันขอตัว..” กำลังจะหันหลังกลับไปทำงานที่เหลือก็โดนขัดขึ้นก่อน
“ไม่ต้อง รอฉันเซ็นอยู่นี่แหละ” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที ปกติเวลาเซ็นเอกสารเธอไม่เห็นต้องยืนรอเลย
“แต่ว่า” กำลังจะปฏิเสธทว่าเขาขัดอย่างรวดเร็ว
“งานที่เหลือไม่รีบไม่ใช่หรือไง นั่งลงแล้วอ่านเอกสารให้ฉันฟัง” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้น ไม่เข้าใจในการกระทำของศรัณสักเท่าไหร่ ในเมื่อหล่อนเขียนสรุปให้แล้วด้วยซ้ำทำไมต้องอ่านอีกรอบ
“ฉันเขียนสรุปไว้ให้แล้วนะคะ” บอกด้วยน้ำเสียงอ่อย ไม่อยากอยู่ในห้องกับชายหนุ่มเพียงสองคน แค่นี้ก็อึดอัดจะแย่แล้ว
“มันไม่ชัดเจน รีบนั่งลงสิจะได้เสร็จเร็วๆ” สุดท้ายก็จำต้องทำตามคำสั่งของหัวหน้าโดยตรง เธอเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามเขาแล้วนั่งลง เปิดเอกสารแล้วอ่านให้เขาฟังก่อนจะยื่นไปตรงหน้าชายหนุ่มที่จ้องตนเองตลอดเวลา
แล้วแววตาเขาก็ทำเอาใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ...
“เรื่องเมื่อคืน” ปลายปากกาจรดเซ็นลงไปก่อนที่จะเอ่ยขึ้น รวิสุดาแทบกลั้นหายใจเมื่อเขาเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน หล่อนยังไม่ทันฟังประโยคต่อมาก็พูดเพื่อตัดบทอย่างรวดเร็ว
“ช่างมันเถอะค่ะ คุณก็เมาด้วยฉันไม่ถือหรอก เรื่องแค่นี้เอง อีกอย่างฉันกินยาคุมฉุกเฉินแล้วคุณไม่ต้องห่วงนะคะ” พูดลิ้นแทบพันกันเพื่อให้เขาคลายกังวลแล้วหยุดเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนสักที ชายหนุ่มเงียบไปสักพักก่อนจะบอกด้วยเสียงทุ้มคุกรุ่น
“ก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องกังวลว่าคุณจะมาจับหรือหาผลประโยชน์หรือเปล่า งานที่เหลือเดี๋ยวผมทำเองคุณออกไปเถอะ” สิ้นคำสั่งหล่อนก็รีบลุกเดินออกไปข้างนอกทันที โดยชายหนุ่มไม่ทันเห็นว่าดวงหน้าหวานเปื้อนน้ำตาที่ไหลลงมาด้วยความเจ็บปวดกับคำพูดของเขา