บทที่๓...ใกล้ชิดจนเผลอไผล (๑)
บทที่๓...ใกล้ชิดจนเผลอไผล
การทำงานกว่าหนึ่งเดือนผ่านไปโดยที่เธอกลับมาถึงบ้านด้วยอาการเหนื่อยล้าแทบทุกวัน ถอนหายใจพลางนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ทั้งที่พี่มีนาบอกช่วงนี้ไม่ค่อยมีงานแต่ไม่ได้บอกว่าเธอต้องเป็นตัวแทนท่านรองประธานไปประชุมกับฝ่ายต่างๆ แล้วนำวาระมาเสนอ
เรียกได้ว่าบางงานก็แทบจะทำแทนเลยด้วยซ้ำ อาจเพราะเมื่อก่อนเขามีเลขาสองคนที่สลับหน้าที่กัน ทว่าตอนนี้มีเพียงเธอทำงานตรงนี้แทน บางวันก็ต้องออกไปประชุมข้างนอกกับลูกค้าแถมเลิกเกือบเที่ยงคืนเพราะสังสรรค์กันต่อ
จะขอออกมาก่อนก็น่าเกลียด จึงได้แต่ฝากลูกชายไว้กับลัลนาที่แสนดีเหลือเกิน นอนเฝ้าน้องจนกระทั่งหล่อนกลับมา หญิงสาวจึงได้ให้เงินเป็นค่าตอบแทนที่มาช่วยดูแลต้นกล้า เงินเดือนออกครั้งแรกทำเอาตาโตไม่คิดว่าจะได้เยอะขนาดนี้
ไม่น่าเล่าทำไมถึงมีแต่คนอยากเข้าทำงานที่บริษัทแห่งนี้ ไม่แปลกใจสักนิด...
“น้ำคับ” ลูกชายก็แสนน่ารัก เห็นมารดาเหนื่อยรีบนำน้ำมาเสิร์ฟถึงที่ ร่างบางรับไปดื่มรวดเดียวหมดแก้วก่อนคว้าเด็กน้อยมากอดเอาไว้ด้วยความรัก
“คิดถึงแม่ไหม” ยังไม่มีคำตอบแต่ต้นกล้าก็ยืดตัวมาหอมแก้มของมารดาทั้งสองข้าง
“คิดถึงมากๆๆ ต้งกล้าคิดถึงแม่” ฟังแล้วชื่นใจยิ่งกว่าดื่มน้ำสิบแก้วเสียอีก อาจเพราะเธอกับลูกอยู่ด้วยกันทั้งวันมาตลอด พอห่างกันก็คิดถึงแม้ตอนกลางคืนจะนอนด้วยกันก็ตาม แต่ไม่ค่อยได้พูดคุยหรือถามไถ่สักเท่าไหร่
หล่อนทำงานกลับมาลูกก็เข้านอนแล้ว ตื่นเช้าก็ต้องรีบออกไป ไหนจะเตรียมเอกสารเสนอ เตรียมเครื่องดื่มไว้สำหรับเจ้านายอีก งานเลขาหนักจริงแต่เงินก็ได้เยอะจนความเหนื่อยทั้งหมดหายไป
“เป็นเด็กดีไม่งอแงกับพี่ลันใช่ไหมครับ” พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ต้งเป็งเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซง” ฟังแล้วก็อ่อนใจกับการพูดไม่ชัดของลูก เชื่อว่าถ้าเข้าโรงเรียนคงฝึกได้
“เก่งมากเลย ลูกใครทำไมเก่งจัง โตขึ้นต้องได้เป็นนักบินอวกาศแน่ๆ” ต้นกล้าตาโตด้วยความตื่นเต้น ใฝ่ฝันอยากเป็นนักบินอวกาศออกไปสำรวจนอกโลก อยากเห็นดวงจันทร์ อยากเห็นดาวอื่นๆ ที่เคยได้ดูในสารคดี
เธอเองก็อดทึ่งไม่ได้ที่เด็กอายุเพียงสามขวบจะสนใจเรื่องนี้ ทั้งยังบอกว่าอยากเป็นนักบินอวกาศโดยไม่ถามสักคำว่ามันคืออะไร เอ่ยขอให้พาไปซื้อหนังสือจำพวกดวงดาว แล้วเอามาวาดระบายสีตาม มีแววอัจฉริยะตั้งแต่อายุยังน้อยเลยลูกคนนี้
“ต้งจะตั้งใจ” ชูสองมือขึ้นก่อนจะกำแล้วทำท่าฮึดสู้จนคนมองขำออกเสียง หมั่นเขี้ยวจนต้องฟัดแก้มนุ่มทำเอาเด็กน้อยหัวเราะตัวโยน
สองแม่ลูกหยอกล้อกันสักพักรวิสุดาก็แยกไปเปลี่ยนชุดแล้วมาทำอาหารเย็น วันนี้จะทำข้าวห่อไข่ของโปรดเด็กน้อยที่กินเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ พร้อมต้มจืดหมูสับ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็นำขึ้นโต๊ะซึ่งมีลูกน้อยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“น่ากิง” ถือช้อนส้อมประจำของตนเองพลางเอ่ยชม
“น่ากินก็กินให้หมดนะครับ” หลังจากนั้นทั้งสองก็ลงมือรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย พอกินหมดหน้าที่ล้างจานก็เป็นของมารดาเช่นเดิม หล่อนให้ลูกไปนั่งวาดรูปรอ ก่อนจะหยิบถุงดำไปทิ้งขยะส่วนกลางของคอนโด
เปิดประตูออกพอดีกับที่ข้างห้องที่เปิดออกมาเช่นกัน หล่อนหันไปมองก็พบหนุ่มหล่อที่เจอกันหลายครั้ง ค้อมศีรษะเป็นการทักทายเห็นชุดก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะไปทำงาน
“สวัสดีครับคุณดรีม” เขาทักหล่อนก่อน
“สวัสดีค่ะคุณซีน จะไปทำงานเหรอคะ” ระหว่างทางเดินไปห้องทิ้งขยะส่วนกลางของคอนโดจึงได้ถามไถ่กัน
“ครับ วันนี้ออกเร็วหน่อยต้องแสตนด์บายก่อนเวลา” ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเรือนละแสนแล้วตอบกลับ ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มให้ก่อนขอตัวไปลิฟต์ เธอก็แยกไปทิ้งขยะค่อยกลับเข้าห้อง
ชีวานนท์ ไตรทศภูมิทำงานเป็นดีเจอยู่ที่คลับชื่อดัง รู้จักกันตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่คอนโดแห่งนี้เพราะลูกชายหล่อนเข้าห้องผิด ไปเผลอเข้าห้องอีกฝ่ายเนื่องจากเห็นประตูเปิดกว้างต้องขอโทษขอโพยกันอยู่นานพอสมควร
กลายมาเป็นเพื่อนบ้านที่บางครั้งก็ไปรับลูกชายที่โรงเรียนใกล้ๆ แทนเธอ พามาเล่นเกมอยู่ห้องวันที่ลัลนาไม่ว่าง เรียกได้ว่าต้นกล้ามีพี่เลี้ยงถึงสองคน
โดยที่รวิสุดาไม่รู้เลยว่าเพื่อนข้างห้องคิดไม่ซื่อกับตัวเอง...
การแต่งตัวไปทำงานของเธอเปลี่ยนตามตารางแต่ละวัน หากไม่ต้องออกไปข้างนอกก็ใส่กระโปรงที่พริ้วหน่อยสามารถเคลื่อนไหวสะดวก หรือต้องออกไปข้างนอกก็ใส่กางเกงทะมัดทะแมง วันไหนประชุมก็เลือกสวมเชิ้ตทับด้วยเบลเซอร์แล้วใส่กระโปรงทรงเอ
รู้จักปรับตามการทำงานที่เลขาต้องเป็นหน้าเป็นตาให้เจ้านายเช่นกัน ผมจากที่เคยมัดหางม้าก็เปลี่ยนทรงให้เข้ากับชุดบ้าง เธอถึงขนาดศึกษาผ่านยูทูปและนิตยสารแฟชั่นเพราะโดยปกติไม่ใช่คนแต่งตัวเก่งอยู่แล้ว
“วันนี้ฉันต้องไปไหนบ้าง” ชายหนุ่มเปลี่ยนสรรพนามเพราะรู้สึกสนิทกับเธอมากขึ้น
เห็นชุดทะมัดทะแมงของเลขานุการก็รู้ทันทีว่าต้องออกไปข้างนอก หล่อนแต่งตัวตามสถานการณ์จนเขาต้องสังเกตจากชุดของรวิสุดาแทน ซึ่งมันทำให้ศรัณค่อนข้างพึงพอใจจนอดชื่นชมไม่ได้
ทำงานมาด้วยกันกว่าหนึ่งเดือนเขาพึงพอใจเป็นอย่างมากกับเนื้องานของหญิงคนนี้ ถึงจะเพิ่งเคยเป็นเลขาแต่ทุกงานกลับเนี้ยบจนไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคยทำงานประเภทนี้มาก่อน ช่วยแบ่งเบาภาระเขาไปได้เยอะเหมือนกัน
“มีนัดคุยกับคุณปภพที่ร้านอาหารในWitton Hotelค่ะ” พยักหน้าเข้าใจ ก่อนลุกขึ้นสวมเสื้อ อย่างไรก็ต้องรีบไปอยู่แล้วเพราะบ่ายต้องเข้ามาเซ็นเอกสารหลังจากนั้นก็ว่าง
แค่คิดก็อมยิ้มมีความสุข หลายวันแล้วที่เขาไม่ค่อยมีเวลาให้ตัวเองเนื่องจากยุ่งกับการส่งออกเครื่องดื่มชนิดต่างๆ วางแผนการตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคสนใจ จนตอนนี้หลายคนเริ่มหันมาซื้อมากขึ้นเนื่องจากการใช้โซเชียลมีเดียช่วยสร้างสรรค์เครื่องดื่มให้น่าลิ้มลอง
ถึงร้านอาหารก็เข้าไปพูดคุยอีกฝ่ายทันที เขาต้องการใช้เรือบรรทุกข์สินค้าของบริษัทปภพแต่ค่าใช้จ่ายก็สูง จึงต้องมาตกลงกันและเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดมากเกินไปเลยเลือกร้านอาหารเป็นจุดนัดพบ
การเจรจาเป็นไปด้วยดีกระทั่งมีใครบางคนเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา และทำให้ท่านรองประธานคนเก่งถึงกับนิ่งค้าง
“อาภพสวัสดีค่ะ” สาวงามมีใบหน้าสะสวยส่งยิ้มให้คนรู้จักก่อนจะแผ่เผื่อมายังหล่อนและหยุดลงที่ศรัณ
“หนูนุ่นกลับมาจากลอนดอนแล้วเหรอ อานึกว่าแต่งงานแล้วจะไม่กลับไทยเสียอีก” จากที่บนโต๊ะเคยพูดคุยกันสนุกสนานก็เริ่มเงียบ แววตาของศรัณหม่นลงทั้งมือที่กำแน่นซึ่งไม่มีใครเห็นนอกรวิสุดาเพราะนั่งข้างเขา
ความผิดปกติของเจ้านายทำให้เริ่มสงสัย...
“กลับมาเยี่ยมคุณพ่อค่ะ อีกไม่นานก็กลับแล้ว” พูดคุยกับคุณปภพแล้วหันมาจ้องศรัณ
“ไม่เจอกันนานเลยนะรัณ สบายดีไหม” ลมหายใจร้อนถูกเป่าออกมา ดวงตาคมจ้องคนที่ส่งยิ้มหวานให้แต่เขากลับเกลียดรอยยิ้มนั้นเหลือเกิน
“สบายดี สบายดีกว่าที่คิดอีก” ได้ฟังอย่างนั้นหญิงที่ยิ้มหวานก็ค่อยหุบยิ้ม ไม่นานก็ขอตัวไปโต๊ะของตนเองโดยมีดวงตาคมมองตาม จนกระทั่งสามีของหล่อนเดินมาร่วมโต๊ะด้วยศรัณจึงได้เมินหน้าหนี
เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเลขาจำเป็น หล่อนเม้มปากแน่นเมื่อคิดได้ว่าชื่อของผู้หญิงคนนี้เหมือนกับใคร
แฟนเก่าของเขาอย่างไรเล่า...นุ่น
“ขอบคุณคุณปภพมากเลยนะครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยติดต่อผมได้ตลอดเลย” คุยงานเรียบร้อยและเป็นไปตามที่หวังก็แยกย้ายกันกลับ เขายิ้มการค้าให้คนแก่กว่าก่อนจะเดินมาขึ้นรถขับกลับบริษัทอย่างรวดเร็ว
ความเงียบแผ่ไปทั่วห้องโดยสาร เล่นเอารวิสุดาไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาสักคำ เธอนั่งกุมมือแน่นพลางเหลือบมองคนข้างกาย ไม่นานก็มาถึงบริษัทเขาเลือกใช้ลิฟต์ส่วนตัวขึ้นไปยังชั้นทำงานของตนเอง ทว่าห้องที่ถูกเลือกไม่ใช่ห้องทำงาน แต่เป็นห้องอาหารต่างหาก
“เพิ่งกินข้าวอิ่มมาไม่ใช่หรือไง” พึมพำเสียงเบาก่อนเดินมานั่งประจำเก้าอี้ของตนเอง ไม่นานก็มีเอกสารจากแผนกต่างๆ มาส่งเพื่อรอท่านรองอนุมัติ
หญิงสาวจัดการอ่านเนื้อหาแล้วจดย่อใส่โพสอิทติดไว้ให้เจ้านายได้อ่าน เธออ่านแต่ละแผ่นอย่างละเอียดใช้เวลาหลายชั่วโมงจนลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้ศรัณยังไม่ออกจากห้องอาหารด้วยซ้ำ และเวลาก็เคลื่อนคล้อยจนจะเลิกงานแล้ว
เงยหน้าขึ้นจากเอกสารมองนาฬิกาก่อนจะผินไปจ้องประตูบานใหญ่ ถอนหายใจแล้วตัดสินใจไปเคาะประตูเพื่อให้เขามาเซ็นเอกสาร เคาะอยู่นานไม่ได้รับการตอบกลับสุดท้ายจึงเปิดประตูเข้าไป
เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าห้องอาหารของเขา หรูหราพอสมควรถึงขนาดมีเคาน์เตอร์บาร์ มีโซนสำหรับทำอาหาร เคยได้ยินพี่มีนบอกว่าบางครั้งก็จ้างเชฟจากโรงแรมมาทำให้รับประทานที่นี่ ก่อนจะเลยไปยังโต๊ะอาหารหินอ่อนยาวขนาดนั่งได้ยี่สิบคน มีโคมไฟระย้าห้อยลงมาอีก
นี่มันถิ่นคนรวยชัดๆ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจสิ่งของเหล่านั้น เธอหันมามองร่างสูงที่กระดกไวน์เข้าปากไม่หยุด ใบหน้าคมแดงก่ำคาดว่ามาจากฤทธิ์น้ำผลไม้หมัก มองจากขวดไวน์เปล่ากว่าสี่ขวดจนต้องอ้าปากค้าง นี่เขาดื่มไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอ
“คุณรัณคะ พอได้แล้วค่ะ” เข้าไปแตะตัวซึ่งชายหนุ่มก็หันมามอง
“เธอกลับไปเถอะ ฉันจะนอนที่นี่” บอกเสียงอ้อแอ้แทบไม่ได้ศัพท์ หล่อนส่ายหัวนึกระอากับอีกฝ่าย ดื่มตั้งแต่ตะวันตรงศีรษะจนจะตกดินอยู่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปห้องนอนค่ะ” อย่างน้อยให้ออกห่างแอลกอฮอล์หน่อยก็ยังดี และชายหนุ่มก็เชื่อฟังลุกเดินออกจากห้องรับประทานอาหารแต่เดินแทบไม่ตรงจนต้องเข้าไปช่วยประคอง
จะเสียใจอะไรขนาดนั้น ยังรักแฟนเก่าอยู่หรือไงทั้งที่มันผ่านมากว่าสี่ปีแล้ว พอๆ กับที่เธอเลี้ยงลูกต้นกล้ามานั่นแหละ...
ห้องนอนของเขาต่างจากที่คิดพอสมควร นึกว่าจะหรูหรากว่านี้เสียอีกแต่เป็นแค่เตียงกว้างตั้งไว้กลางห้อง มีโซฟายาวหันหน้าออกนอกผนังที่กรุด้วยกระจกทำให้เห็นวิวยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ช่างสวยงามจับตาจนอดชื่นชมไม่ได้
“เธอกลับไปเถอะ” บอกเสียงอ้อแอ้แต่คนมองกลับไม่พูดอะไร เธอตัดสินใจวางเขาบนเตียงก่อนเดินไปยังประตูบานเลื่อนที่คาดว่าเป็นห้องน้ำ แต่พอเปิดออกเป็นห้องแต่งตัวแบบบิวท์อิน รวิสุดาเปิดแต่ละตู้เพื่อหาผ้าผืนเล็ก แล้วหยิบไปชุบน้ำบิดพอหมาด
จากนั้นจึงนำมาเช็ดใบหน้าของคนเมาที่ตอนนี้นอนอยู่บนเตียง หล่อนเม้มปากแน่นคิดไม่ตกว่าจะปล่อยเขาเอาไว้แบบนี้ดีหรือไม่
สุดท้ายก็ไม่อาจทำได้ เธอถอนหายใจก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกเผยให้เห็นแผงอกหนาและหน้าท้องเป็นลอนสวยงาม เสหลบก่อนจะหยิบผ้ามาเช็ดให้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบลุกขึ้นเพราะรู้สึกว่าตอนนี้หน้าตนเองร้อนผ่าวแทบจะสุกอยู่แล้ว