จิกกัด
ตอนที่ 6
~ครืด ครืด ครืด~
เสียงโทรศัพท์มือถือของเฟื่องฟ้าดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังเก็บของ วันนี้วันพุธเฟื่องฟ้าเตรียมตัวไปทำงานที่ผับดังของคีตภัทร และเพชรกล้าให้เธอเลิกงานได้ตั้งแต่สองทุ่มเพื่อจะพาเธอไปส่งที่ผับของชายหนุ่มมาเฟียคนนั้น เฟื่องฟ้าเอื้อมมือไปล้วงเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กออกมา ก่อนจะทำหน้างงๆว่าเบอร์แปลกๆที่โทรมาตอนนี้คือเบอร์ของใครกัน ก่อนเธอจะกดรับสายทันที
เฟื่องฟ้า : [สวัสดีค่ะ]
คีตะ : [อย่าลืมมาทำงานของเธอล่ะ ยัยปีศาจ]
เฟื่องฟ้า : [นี่คุณ! คุณรู้เบอร์ของฉันได้ยังไง]
คีตะ : [มันก็ไม่ได้ยากหนิ สำหรับคนอย่างฉัน]
เฟื่องฟ้า : [ที่โทรมา มีแค่นี้ใช่ไหมที่จะพูด]
คีตะ: [ฉันก็แค่โทรมาเตือนเพราะกลัวเธอจะลืม]
เฟื่องฟ้า : [ฉันไม่ได้สมองเสื่อมเหมือนคุณที่จะลืมอะไรง่ายๆ]
คีตะ : [งั้นก็ดี แล้วฉันจะรอ]
พูดจบชายหนุ่มก็กดวางสายทันที โดยที่อีกคนยังไม่ได้พูดอะไรต่อ เฟื่องฟ้าได้แต่ทำหน้ายุ่งๆก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าตามเดิม
“ใครโทรมาหรอครับ” เพชรกล้าถามขึ้น
“เอ่อ ก็อีตาบ้านั่นแหละพี่เพชร เขาโทรมาย้ำกลัวว่าฟ้าจะลืมว่าวันนี้ต้องไปทำความสะอาดให้กับเขา”
“ทำไมมันไม่จ้างคนอื่นนะ ถ้าฟ้าไม่ไปมันก็น่าจะจ้างคนอื่นไปทำแทนได้”
“เพราะว่าเขามีความลับเยอะไงคะพี่เพชร เขาเคยพูดเปรยๆให้ฟ้าฟังนะคะ ว่าถ้าไม่ใช่ป้าแมวหรือฟ้าที่เป็นญาติของป้าแมว เขาก็ไม่จ้างใครค่ะ เขากลัวว่าความลับเรื่องเทาๆของเขาจะถูกเปิดเผยมั้งฟ้าว่า”
“หึ มันน่าจะหาเรื่องใกล้ชิดฟ้ามากกว่า พี่พอจะมองออกนะ ว่าไอ้มาเฟียนั่นสนใจฟ้าอยู่เหมือนกัน”
เพชรกล้าพูดขึ้นในสิ่งที่เขาคิด เขาเป็นผู้ชายเหมือนกันเขาย่อมมองออก
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ไอ้คุณคีย์นั่นน่ะแค่ต้องการอยากจะแกล้งฟ้ามากกว่า เพราะฟ้าทำให้เขาต้องเสียเงินสองแสน”
“เรื่องรถมอเตอร์ไซด์น่ะหรอ?”
“ใช่ค่ะ สงสัยคงหมั่นไส้ฟ้า..แต่ก็ช่างเถอะค่ะ เราไปกันเลยดีกว่า เดี๋ยวไปช้าไอ้บ้านั่นจะหาเรื่องไม่จ่ายเงินฟ้า คราวนี้แย่เลย” เฟื่องฟ้าพูดขึ้นติดตลก ก่อนทั้งสองขึ้นไปนั่งบนรถยนต์คันหรูและขับรถมุ่งตรงไปที่ผับของคีตภัทรทันที
ณ ผับดัง xx
เพชรกล้าขับรถเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถภายในบริเวณผับ ทั้งสองคนก้าวขาลงมาจากรถก่อนจะมุ่งตรงไปที่ประตูทางเข้า แต่ก็ต้องชะงักไปทันทีเมื่อคนของคีตภัทรยืนอยู่ตรงด้านหน้าของทางเข้า เหมือนกับว่ากำลังรอพวกเธออยู่
“คุณเฟื่องฟ้าเข้าไปได้แค่คนเดียว!”
แรมโบ้ลูกน้องของคีตภัทรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง และไม่ยอมให้เพชรกล้าที่มากับหญิงสาวได้เข้าไปด้านใน
“ทำไมจะเข้าไปด้วยไม่ได้ ผมมากับฟ้าผมก็ต้องเข้าไปกับฟ้า ผมไม่ยอมให้ฟ้าเข้าไปข้างในคนเดียวแน่ๆ” เพชรกล้าพูดขึ้นเสียงแข็งเช่นเดียวกัน
“นายสั่งให้คุณเฟื่องฟ้าเข้าไปได้แค่คนเดียว คนอื่นห้ามเข้า และถ้าใครจะดันทุรังเข้ามาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต มีแค่ตายเท่านั้น!!” แรมโบ้พูดขึ้นก่อนชายชุดดำอีกสองคนจะถลกชายเสื้อขึ้นเพื่อให้เห็นด้ามปืนที่เหน็บอยู่บริเวณเอว
“ไอ้พวกคนป่าเถื่อน กลับกันเถอะฟ้า พี่ไม่ให้ฟ้าเข้าไปข้างในคนเดียวเด็ดขาด”
“ฟ้าจะเข้าไปข้างในค่ะพี่เพชร ฟ้าตัดสินใจที่จะทำงานนี้แทนป้าแมวแล้ว พี่เพชรไม่ต้องห่วงนะคะ ฟ้าจะดูแลตัวเองให้ดีค่ะ”
”ฟ้าอยากได้เงินค่าจ้างพี่จ่ายให้ฟ้าได้ ไอ้มาเฟียนั่นมันให้ฟ้าเท่าไหร่ พี่จะจ่ายให้เอง!” เพชรกล้าพูดขึ้นด้วยความโมโห เขาเป็นห่วงเธอ จะให้เขาปล่อยเธอเข้าไปข้างในนั้นได้ยังไงกัน
~ครืด ครืด ครืด~
เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของเพชรกล้าแผดเสียงขึ้นมาก่อนชายหนุ่มจะเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบมันออกมาเพื่อกดรับสาย
เพชรกล้า : [ครับ]
แม่บ้าน : [คุณเพชรคะ คุณนายปวดท้องมากเลยค่ะทานยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ตอนนี้พรโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว อีกสักพักก็คงมาถึง คุณนายให้พรโทรตามคุณเพชรค่ะ]
เพชรกล้า : [แล้วคุณแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า]
แม่บ้าน : [ท่าทางไม่สู้ดีเลยค่ะคุณเพชร ถ้ายังไงคุณเพชรรีบมาเลยนะคะ]
เพชรกล้า : [ได้ๆเดี๋ยวผมจะรีบไป]
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด !! เพชรกล้ารีบกดวางสายทันทีด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ก่อนเฟื่องฟ้าจะถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะพี่เพชร”
“คุณแม่ปวดท้องหนัก ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตอนนี้รอรถพยาบาลอยู่ พี่คงต้องไปหาคุณแม่ฟ้ากลับไปกับพี่นะ” ชายหนุ่มถามขึ้นเพราะเขาเองเป็นห่วงเฟื่องฟ้า ไม่อยากให้เธอเข้าไปข้างในผับนั้น
“ไว้เดี๋ยวฟ้าจะไปเยี่ยมคุณแม่พี่เพชรอีกทีนะคะ แต่ฟ้าคงต้องทำงานนี้ให้เสร็จก่อน พี่เพชรไม่ต้องเป็นห่วงฟ้านะคะ ฟ้าสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ”
“เฮ้อ! ฟ้านะฟ้า ทำไมต้องชอบทำให้พี่เป็นห่วงตลอดเลย…ยังไงก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วยล่ะ มีอะไรฟ้ารีบโทรหาพี่ทันทีเลยนะ”
“ค่ะพี่เพชร ไว้เจอกันนะคะ”
“เชิญครับ!” แรมโบ้พูดขึ้นเพื่อให้หญิงสาวเข้าไปยังด้านใน ก่อนร่างบอบบางจะรีบก้าวขาเดินเข้าไปยังด้านในทันที
สายตาคมกริบของคีตภัทรจ้องมองดูคนที่อยู่ด้านนอกผ่านกล้องวงจรปิดด้วยความหมั่นไส้ปนหงุดหงิดให้กับภาพบนหน้าจอ ก่อนจะหันกลับมานั่งไขว่ห้างเพื่อรอคนที่กำลังเดินขึ้นมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
“คุณเฟื่องฟ้ามาแล้วครับนาย”
“เข้ามา!” หญิงสาวตัวเล็กเดินเข้าไปข้างในด้วยใบหน้าเรียบเฉย พร้อมกับถืออุปกรณ์ทำความสะอาดเข้ามายังด้านใน ก่อนจะเริ่มลงมือทำงานของตัวเองทันที
“นี่เธอไม่คิดจะทักทายฉันหรือไง ยัยปีศาจ!”
“นี่คุณ!! ฉันมีชื่อให้เรียกนะ เลิกเรียกฉันว่าปีศาจสักที!”
“ฉันเองก็มีชื่อให้เรียก และฉันก็ไม่ได้ชื่อคุณ ฉันชื่อคีย์!”
ไอ้บ้านี่กวนประสาทไม่เลิก เดี๋ยวแม่จะเอาไม้ถูพื้นฟาดปากเข้าให้สักที หมั่นไส้ เฟื่องฟ้าคิดในใจคนเดียวอย่างหงุดหงิด และนึกอยากจะตะบันหน้าคนตรงหน้าเข้าให้สักที
“ฉันรู้นะว่าเธอกำลังด่าฉันในใจ!”
“ขอมือหน่อย” พูดจบเฟื่องฟ้ายื่นฝ่ามือเรียวเล็กไปข้างหน้า ก่อนคนตรงหน้าจะทำหน้างงกับสิ่งที่เธอทำ
“ขอมืออะไรของเธอ”
“เอ้า! ก็เห็นว่าแสนรู้!”
“เพื่อนเล่นหรอ?”
ชายหนุ่มพูดขึ้นเชิงตำหนิด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ส่วนคนตัวเล็กได้แต่เบ้หน้าใส่ก่อนจะหันหลังรีบไปทำงานของตัวเองอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ได้สนใจอีกคน เธอทำความสะอาดห้องทำงานเป็นห้องแรกก่อนจะทำห้องถัดไปคือห้องรับแขก สักพักเฟื่องฟ้าก็ได้ยินชายหนุ่มรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา เขาคุยเรื่องงานกับคนปลายสายอยู่สักพักก่อนจะวางสายไป
“นี่ยัยปีศาจ เลิกทำความสะอาดแล้วก็เดินมานี่!”
คีตภัทรพูดขึ้นแกมออกคำสั่ง แต่อีกคนทำเป็นหูทวนลมและไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูด จนในที่สุดคีตภัทรก็เดินเข้ามากระชากไม้ถูพื้นในมือของเธอ
“ที่ฉันพูดเธอไม่ได้ยินหรือไง”
“อะไรของคุณ นี่ฉันกำลังรีบทำงานให้เสร็จและฉันจะได้รีบกลับ” ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากไม้ถูพื้นกันไปมาอยู่แบบนั้น
“เอ้ะ นี่คุณ!!” เฟื่องฟ้าตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อจู่ๆมือหนาของคีตภัทรก็รั้งเอวบางของคนตัวเล็กให้เข้าหาตัว ทำให้หน้าท้องแบนราบของหญิงสาวชนเข้ากับหัวเข็มขัดแบรนด์หรูของเขาทันที ก่อนจะรีบเอามือบางดันแผงอกแกร่งกำยำของชายหนุ่มให้ถอยออกอย่างอัตโนมัติ แต่ก็ไม่วายถูกแขนแข็งแกร่งของคนตัวโตกว่ารัดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“นะ นี่คุณจะ ทำอะไร ถอยไปเลยนะ!”
“กลัวหรอ?” คีตภัทรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพร้อมทั้งจ้องมองหน้าคนตัวเล็กอย่างเอาเรื่อง
“ปะ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!” เฟื่องฟ้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นครอน และเอามือดันหน้าอกของเขาให้ออกห่าง
“เวลาฉันพูดเธอต้องฟัง เวลาฉันสั่ง เธอก็ต้องทำตาม อย่าขัดใจฉัน..เพราะฉันไม่ชอบ! เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดไหม?”
“ขะ ขะเข้าใจแล้ว คุณก็เลิกกอดฉันสักทีสิ!”
เฟื่องฟ้าพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อคนตัวโตยังไม่ยอมคลายอ้อมแขนออกจากตัวของเธอ ก่อนเขาจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
“ฉันจ้างเธอหมื่นนึง ให้เธอมานั่งชงเหล้าให้กับฉัน และเพื่อนของฉันที่กำลังจะมาที่นี่ “
“อะไรนะคะ จ้างหมื่นนึงให้ฉันชงเหล้าให้พวกคุณ?”
“อืม ฉันมีงานสำคัญที่ต้องพูดคุยกับเพื่อน เธอมีแค่หน้าที่ชงเหล้ารินเหล้าให้พวกฉัน”
“ตะ แต่ฉันไม่เคยชงเหล้าหนิ ฉันชงไม่เป็น!”
เฟื่องฟ้าพูดขึ้นอีกครั้งเพราะเธอชงเหล้าไม่เป็นจริงๆ ถามว่าอยากได้ไหมไอ้เงินหนึ่งหมื่น เธอก็ต้องอยากได้มันอยู่แล้ว แต่เธอดันทำไม่เป็นจริงๆไอ้ชงเหล้าเนี่ย
“ทำไม่เป็นก็รินเหล้าเพียวๆไปเลย แค่นั้น!”
“ละแล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ?”
“ฉันเห็นเธอหน้าเงินไง เลยเสนองานดีๆง่ายๆให้!”
{หืมมม ไอ้ปากกระโถนเอ้ย!!} เฟื่องฟ้าคิดในใจคนเดียวอย่างหมั่นไส้ก่อนจะพูดออกไป
“นี่แน่ใจนะว่านั่นปาก!! เป็นหมาหรือไงถึงได้ชอบกัดฉันนัก!”
“แล้วเธอเป็นไก่หรือไงถึงได้จิกฉันไม่เลิก” คีตภัทรพูดขึ้นมาบ้างอย่างไม่ยอมลดละเช่นกัน
“แล้วตกลงจะทำไม่ทำล่ะ ถ้าไม่ทำฉันจะได้หาคนอื่นมาทำ!”
“ทำสิ! คนยิ่งร้อนๆเงินอยู่” ประโยคหลังเฟื่องฟ้าได้แต่พูดเบาๆอุบอิบๆ ก่อนชายหนุ่มจะกระตุกยิ้มมุมปากให้กับท่าทางตลกๆของเธอ