เธอเลือกเองนะ
ตอนที่ 7
เสียงรถสปอร์ตสุดหรูราคาหลายสิบล้านสองคันที่ขับตามกันมา ต่างเหยียบเบรกลากยาวเสียงดังก่อนจะขับเข้ามาจอดในบริเวณลานจอดรถไล่เลี่ยกัน ชายหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงโปร่งกำยำก้าวขาลงจากรถ ก่อนลูกน้องของคีตภัทรที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วจะรีบวิ่งเข้าไปโค้งคำนับ เจไดและอาชาโยนกุญแจรถให้กับลูกน้องของคีตภัทรเพื่อขับรถไปจอดอยู่อีกโซนหนึ่ง ทั้งสองหนุ่มเดินเข้ามาภายในผับของเพื่อนสนิทด้วยท่าทางเร่งรีบ และมุ่งตรงขึ้นไปยังชั้นบนทางฝั่งประตูลับที่มีเพียงแค่คนสนิทที่สามารถเข้าไปได้เท่านั้น
“สวัสดีครับคุณเจไดคุณอาชา นายรออยู่ข้างบนครับ” แรมโบ้พูดขึ้นเมื่อทั้งสองหนุ่มหล่อเดินเข้ามาข้างใน
“อืม ขอเด็ดๆแรงๆให้กูเหมือนเดิม” เจไดพูดขึ้นออกคำสั่ง ก่อนลูกน้องคนสนิทของคีตภัทรจะพยักหน้าตอบรับคำสั่งนั้นทันที
“ครับคุณเจได!”
ทั้งสองเดินขึ้นไปยังชั้นเป้าหมายทันทีก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านในโดยไม่แม้แต่จะเคาะประตูห้องให้เจ้าของห้องได้รับรู้
แกร่กกก!!
“พวกมึงควรไปหัดเรียนเรื่องมารยาทนะ!” คีตภัทรพูดขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนสนิททั้งสองคนเดินเข้ามาภายในห้อง พร้อมกับยักไหล่อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรในคำพูดเชิงตำหนิของเขาเลยสักนิด พวกมันไม่เคยเปลี่ยนนิสัยกันได้เลยจริงๆ
“รอให้มึงมีก่อนไอ้มารยาทน่ะ แล้วพวกกูค่อยมี”
อาชาพูดขึ้นบ้างอย่างกวนประสาทเพื่อน ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นหญิงสาวสวยที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมเครื่องดื่มตรงโซนรับแขก
“นั่นเด็กใหม่มึงหรอ?” อาชาถามขึ้นพร้อมกับชายตาไปมองยังร่างบอบบางของเฟื่องฟ้า
“เด็กคนที่กูเจอวันนั้นหนิ ตกลงมึงยังไงกับแม่สาวน้อยคนนี้กันแน่วะไอ้คีย์?” คราวนี้เจไดพูดขึ้นมาบ้างก่อนจะหันไปจ้องหน้าเพื่อนเพื่อรอเอาคำตอบจากเพื่อนสนิท
“ก็ไม่ยังไง กูจ้างยัยปีศาจนั่นมาทำงาน ไม่ได้พิศวาสอะไรสักหน่อย!”
“หึ เหรอ!” ทั้งอาชาและเจไดพูดขึ้นพร้อมกันเสียงดังจนเฟื่องฟ้าต้องหันมามองทางคีตภัทรกับเพื่อนของเขา ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรคนนั้นที่เธอเห็นเมื่อวันก่อน ส่วนผู้ชายหน้าตาดีอีกคนเธอเพิ่งจะเจอวันนี้เป็นครั้งแรก ทำไมเพื่อนของเขาถึงมีแต่คนหน้าตาดีแบบนี้นะ ไม่ว่าจะเป็นเบ้าหน้าฟ้าประทานที่หล่อคมคาย ไหนจะรู้ร่างสูงโปร่งกำยำขาเรียวยาวราวกับนายแบบที่เห็นในทีวีบ่อยๆ ทุกคนต่างดูดีและหล่อเหลาไม่ต่างกันเลยทั้งสามคน
“เธอจะมองอีกนานไหมยัยปีศาจ มองเหมือนอยากจะเขมือบเพื่อนฉันเข้าไปทั้งตัวอย่างงั้นแหละ!” คีตภัทรพูดขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่มองเพื่อนของเขาเหมือนคนเคลิบเคลิ้มใจลอย จนชายหนุ่มอดจะพูดแขวะไม่ได้
“ฉันเป็นคนนะไม่ใช่งูเหลือม ที่จะเขมือบเพื่อนคุณเข้าไปทั้งตัวได้…เป็นหมาหรือไงถึงได้คอยกัดฉันอยู่เรื่อย!!”
“นี่เธอ!!”
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ” ทั้งเจไดและอาชาต่างหัวเราะร่วนขึ้นมาพร้อมกัน ท่าทางไอ้เพื่อนปากเสียของพวกเขาคงจะเจอคู่ปรับซะแล้วสิงานนี้
“ขำเหี้ยอะไรนักหนาวะ พวกมึงมาที่นี่เพื่อมาหัวเราะกูหรือไง จะคุยเรื่องงานก็รีบคุยมา ถ้าไม่คุยก็รีบๆไสหัวกลับไปกูรำคาญ!!” คีตภัทรพูดขึ้นด้วยท่าทางอารมณ์เสีย ที่ไอ้เพื่อนเวรพวกนี้เอาแต่หัวเราะชอบใจที่เขาโดนยัยปีศาจนั่นพูดจิกกัด
“เออ คุยอยู่แล้ว แต่ขอขำมึงก่อน ฮ่าๆๆๆ”
“รำคาญจริงๆไอ้พวกเวร!” คีตภัทรพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะลุกเดินออกไปนั่งตรงโซฟาโซนรับแขก พร้อมกับออกคำสั่งให้คนตัวเล็กซึ่งยืนอยู่ตรงนั้นรินเหล้าลงแก้ว
“รินเหล้าลงแก้วมาสิ จะยืนบื้ออยู่อีกทำไม ฉันจะดื่ม!!”
“อะ เอ่อ ค่ะๆ” การกระทำของคนตรงหน้าทำเอาเจไดและอาชาอดขำกันไม่ได้ ก่อนทั้งสองจะเดินเข้าไปร่วมวงเพื่อสนทนาเรื่องงานสำคัญ ส่วนคนตัวเล็กก็รู้งานรีบรินเหล้าเพียวๆลงในแก้วให้กับเพื่อนสนิทของคีตภัทรอย่างเก้ๆกังๆ
“พรุ่งนี้ส่งของล็อตใหญ่ แต่กูไม่แน่ใจว่าพวกไอ้กาโต้มันจะตลบหลังหรือเปล่า” เจไดพูดเปิดประเด็นขึ้นมาถึงเรื่องส่งอาวุธสงครามล็อตใหญ่ที่ครั้งนี้มูลค่ากว่าร้อยล้าน
“อะ อะไรนะคะ ส่งของล็อตใหญ่? หรอคะ?”
เฟื่องฟ้าเผลอพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินทั้งสามหนุ่มพูดถึงเรื่องการส่งของล็อตใหญ่ ที่สำคัญมันคงไม่พ้นเรื่องธุรกิจสีเทาของพวกเขาแน่ๆ หญิงสาวได้แต่นึกในใจ
“หึ เธอคิดว่าฉันเป็นคนดีนักเหรอเฟื่องฟ้า..ในเมื่อเธอได้ยินแล้วก็รูดซิปปากไว้ให้ดี เพราะถ้าความลับรั่วไหลเธอได้ตายแน่ๆไม่ต้องห่วง!” คีตภัทรพูดขึ้นเพื่อขู่อีกคนให้กลัว
“ฉันไม่ใช่คนปากสว่าง และฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของพวกคุณด้วย ที่สำคัญฉันไม่อยากรับรู้ไม่อยากได้ยินสักหน่อย แต่ฉันเพียงแค่บังเอิญอยู่ตรงนี้ แล้วคุณสะเหร่อพูดออกมาให้ฉันได้ยินเอง!!”
“เธอนี่มัน!!”
“ฮ่าๆๆ เอาล่ะๆๆ เชื่อแล้วว่าเป็นคู่กัน หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เข้าเรื่องของพวกเราต่อเถอะ” อาชาพูดขัดจังหวะขึ้นเพื่อไม่ให้คู่ปรับสองคนนี้ต้องทะเลาะกันไปมากกว่านี้
“คู่เวรคู่กรรมน่ะสิ ชิส์!” เฟื่องฟ้าเบะปากใส่คีตภัทรอย่างนึกรำคาญ
“มึงมีแผนสำรองไว้หรือเปล่า” คีตภัทรถามขึ้นบ้าง เพราะถ้าไม่รอบคอบหรือตรวจสอบให้ดี นอกจากจะสูญเสียทั้งสินค้าแล้ว ยังอาจจะต้องสูญเสียกำลังคนอีก
“กูไม่พลาดอยู่แล้ว” เจไดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะยกแก้วเหล้าเพียวๆกระดกลงคอไปกรึบนึง คนอย่างเจไดไม่เคยพลาดสักครั้ง ทุกครั้งที่มีการส่งสินค้า พวกเขาทั้งสามคนจะมีแผนสำรองไว้เสมอ เพราะคำว่ามาเฟียมันไม่มีใครเป็นมิตรกับใครทั้งนั้น ใครแข็งแกร่งกว่าก็อยู่รอด
“แล้วมึงนัดพวกมันกี่โมง” คราวนี้อาชาถามคีตภัทรขึ้นมาบ้าง
“กูนัดพวกมันเที่ยงคืน ทั้งคนทั้งของทุกอย่างพร้อม ก่อนส่งของพวกเราค่อยไปเช็คของพร้อมกันอีกทีพรุ่งนี้” ปกติที่ร่วมงานกันมากับคู่ค้าก็มักจะราบรื่น คู่ค้าทุกคนต่างรู้ไส้รู้พุงกันดี ดีมาคือดีตอบ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คิดจะตลบหลังเพื่อกระตุกหนวดเสือ ก็คงจะต้องเละและตายกันไปข้าง แต่ครั้งนี้ไอ้กาโต้ซี่งเป็นคู่ค้ารายใหม่ พวกเขาเลยต้องรอบคอบและมีแผนสำรองไว้ เผื่อหากเกิดการตลบหลังขึ้นมาจะได้ไม่พลาดท่าเสียทีให้กับพวกมัน
หลังจากสนทนาเรื่องส่งสินค้าล็อตใหญ่ผ่านไปสองชั่วโมงกว่าๆ และตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้ว
“ว่าแต่..เธอไม่ดื่มกับพวกฉันสักหน่อยหรอ?” เจไดถามผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องนี้ขึ้น ก่อนหญิงสาวจะรีบปฏิเสธขึ้นมาอย่างตะกุกตะกักเพราะเธอไม่ชอบดื่มเหล้า
“อะ เอ่อ ไม่ดื่มค่ะ ฟ้าไม่ชอบดื่มของมึนเมา”
“ถ้างั้น..ก็นี่เลย น้ำส้ม..รับไปสิ!” เจไดพูดขึ้นพลางหยิบขวดน้ำส้มแท้100% เทลงในแก้วให้กับหญิงสาวและยื่นให้กับเธอ
“ขอบคุณค่ะ!” เฟื่องฟ้ารับมาก่อนจะค่อยๆยกขึ้นดื่มเพราะเธอเองก็รู้สึกคอแห้งอยู่เหมือนกัน
“เธอแน่ใจหรอว่าจะกิน?” คีตภัทรรีบพูดขัดขึ้นมาก่อนที่หญิงสาวจะยกขึ้นดื่ม
“นี่คุณหวงแม้กระทั่งน้ำส้มหรอ ฉันไม่กินฟรีก็ได้ เดี๋ยวฉันจ่ายเงินค่าน้ำส้มเอง!” พูดจบเฟื่องฟ้าก็ยกแก้วน้ำส้มที่เพื่อนของคีตภัทรยื่นให้ ก่อนจะกระดกลงคอรวดเดียวจนหมดแก้วอย่างคนกระหายน้ำ
เจไดแสยะยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ คราวนี้อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ สาวน้อยคนนี้กับเพื่อนของเขาก็คงจะ….
“หึ! งั้นพวกกูคงต้องกลับก่อน ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
อาชาพูดขึ้นก่อนจะหยิบแก้วเหล้าเพียวๆกระดกลงคออีกกรึบก่อนจะกลับ
“กูก็คงต้องขอตัวก่อนเหมือนกัน วันนี้เมียกลับมาจากต่างจังหวัดแล้ว กะจะรีบไปนอนกอดเมียกอดลูกให้หายคิดถึงสักหน่อย!”
“เออ! ไอ้พ่อคนรักครอบครัว!” คีตภัทรพูดประชดกลับไปบ้างด้วยความหมั่นไส้ไอ้คนคลั่งเมีย
“ขอให้มีความสุขนะครับสาวน้อย พวกฉันไปล่ะ”
เจไดหันไปพูดกับเฟื่องฟ้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับอาชา ตอนนี้หญิงสาวเธอเริ่มรู้สึกมีอาการวูบวาบแปลกๆขึ้นมาบ้างแล้ว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำส้มที่เธอดื่มไปเจไดผสมอะไรลงไป
“หึ ไปล้วงคอให้อ้วกออกมาดีไหม?” คีตภัทรถามขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง และมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้อาการเริ่มออกเพราะฤทธิ์ยานรกของเจได เขารู้ดีว่าเจไดเพื่อนของเขาใส่อะไรลงไปในนั้น
“ล้วงทำไม เสียดายออก อุตส่าห์กินไปตั้งหมดแก้ว”
“หึ เธอนี่มันอ่อนหัดซะจริงๆ เธอไปรับเครื่องดื่มที่ผู้ชายยื่นให้แบบนี้ได้ยังไงกันนะ!” คีตภัทรพูดขึ้นมาแกมตำหนิหญิงสาวตรงหน้า แต่ทำไมนะ น้ำเสียงต่อว่าปนดุๆนิดๆของเขากลับทำให้ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ ตอนนี้เขาช่างดูเซ็กซี่เหลือเกิน ไหนจะหน้าอกหนัดแน่นกำยำที่โผล่พ้นออกมาจากคอเสื้อนั่นอีก
วันนี้คีตภัทรสวมเสื้อเชิ้ตสีดำและเขาปลดกระดุมเสื้อลงสองเม็ด เลยเผยให้เห็นแผงอกล่ำๆที่โผล่พ้นออกมา และนั่นทำให้คนที่โดนยานรกกลับมองว่ามันช่างดูเซ็กซี่และดูกร้าวใจซะเหลือเกิน
เฟื่องฟ้าเม้มปากแน่นและเผลอกัดริมฝีปากบอบบางของตัวเอง ตอนนี้ร่างกายของเธอมันร้อนรุ่มแปลกๆ อีกทั้งทำไมเธอถึงรู้สึกอยากจะเข้าใกล้ชายหนุ่มตรงหน้านี้อีก ยิ่งกลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังราคาแพงที่หอมโชยยั่วยวนให้เธอเคลิบเคลิ้มนั่นอีก ตอนนี้เธอกำลังต้องการอะไรจากผู้ชายตรงหน้านี้กันแน่
“คะ คุณคีย์” หญิงสาวเปล่งเสียงเรียกชื่อของชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงกระเส่า ก่อนจะเอื้อมมือเรียวบอบบางของเธอไปเกาะแกะแขนของคีตภัทรไว้
“อย่ามาเรียกฉันด้วยเสียงแบบนี้ ฉันสยอง!”
คีตภัทรพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเห็นอาการของเธอตอนนี้แล้วเขาก็ยิ่งโมโห ทำไมพวกผู้หญิงถึงได้ไว้ใจคนง่ายๆขนาดนี้ จนตัวเองต้องมาถูกเล่นงานซะเอง
“มานี่!”
“ปะ ไปไหนคะ คุณคีย์”
“ฉันก็จะพาเธอไปตักน้ำใส่กะโหลกแล้วก็ชะโงกดูสภาพตัวเองน่ะสิ!” พูดจบคีตภัทรก็ดึงแขนเฟื่องฟ้ากึ่งเดินกึ่งลากเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะเปิดฝักบัวและฉีดน้ำใส่หญิงสาวเพื่อดับความร้อนรุ่มภายในกายเนื่องจากฤทธิ์ยานรกของเพื่อนเขา
“กรี้ดดดด คุณทำบ้าอะไรน่ะคุณคีย์ เอาน้ำมาฉีดใส่ฉันทำไม!”
“ร้องเป็นหมาบ้าเลยนะ เธอก็ส่องกระจกดูสภาพตัวเองตอนนี้สิ ทำตัวยั่วยวนล่อคว..ฉันขนาดไหน !”
“คะ คุณคีย์ ฉะ ฉัน ทรมาน” ตอนนี้ความต้องการอะไรบางอย่าง ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไรกำลังเข้าครอบงำเธอ เธอรู้สึกว่าอีกไม่ช้าร่างกายของเธอมันจะหลอมละลายลง จนไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้อีกต่อไปแล้ว
เฟื่องฟ้าเข้าไปคลอเคลียคีตภัทรอยู่แบบนั้น จนตอนนี้อะไรๆของผู้ชายทั้งแท่งอย่างเขามันได้ตื่นเพลิดขึ้นมาอย่างรู้งานแล้ว ยิ่งร่างบอบบางนุ่มนิ่มของเธอลูบไร้ร่างกายของเขา คลอเคลียเขา ชายหนุ่มก็แทบจะระงับอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่
“เธอนี่มัน..น่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
“คุณ คีย์”
“อะไรของเธออีก นอนแช่น้ำเย็นๆในอ่างจะได้ช่วยดับความร้อนในร่างกายของเธอได้บ้าง ฉันจะออกไปรอข้างนอก ถ้าขืนเธอยังลวนลามฉันอยู่แบบนี้ มีหวังฉันคงต้องเสียตัวให้เธอแน่ๆยัยปีศาจ!”
พูดจบชายหนุ่มก็รีบเดินออกไปจากห้องน้ำทันที แต่ยังไม่พ้นประตูด้วยซ้ำ สองมือเรียวของคนตัวเล็กก็เอื้อมมากอดเขาไว้จากทางด้านหลังไม่ยอมให้เขาได้ออกไป
“คุณคีย์..คุณอยาก..ได้ฉันไหม?”
เฟื่องฟ้าพูดขึ้นในขณะที่ไม่ยอมคลายอ้อมกอดออกจากชายหนุ่ม หน้าอกอวบใหญ่ที่บดเบียดแผ่นหลังของชายหนุ่มอยู่ตอนนี้ มันยิ่งทำให้เขาไม่สามารถจะหักห้ามความต้องการของตัวเองได้อีกต่อไป
“เธอเลือกเองนะ..เฟื่องฟ้า!”