กลั่นแกล้ง
ตอนที่ 5
“หากคุณลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มเติมอีก ก็สามารถกดกริ่งเรียกพนักงานได้ตลอดเวลาเลยนะคะ” เฟื่องฟ้าพูดขึ้นหลังจากจัดวางอาหารพร้อมรินไวน์แดงราคาแพงให้กับชายหนุ่มเสร็จแล้ว ก่อนเธอจะโค้งคำนับให้ชายหนุ่มตามแบบฉบับของพนักงานของทางร้านอย่างเช่นทุกครั้ง ก่อนหญิงสาวจะหันหลังหมุนตัวกลับเพื่อเดินออกไป
“ เดี๋ยวสิ!”
“คะ คุณลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าคะ?”
“เธอควรจะแจ้งชื่อเมนูอาหารแต่ละอย่างบนโต้ะในระหว่างที่เสิร์ฟอาหารให้ฉันนะ แล้วฉันจะตรัสรู้ได้ยังไงว่าอาหารแต่ละอย่างที่ฉันกินมันมีชื่อว่าอะไรบ้าง”
น้ำเสียงเข้มของชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับจ้องมองใบหน้าหวานของเฟื่องฟ้าเพื่อรอคำตอบจากเธอด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท ในขณะที่อีกคนก็ยืนจ้องหน้าเขากลับเช่นเดียวกัน เฟื่องฟ้าเองพอจะรู้ว่าไอ้ผู้ชายปากปีจอคนนี้ที่มีนามว่าคีย์ กำลังหาเรื่องแกล้งเธออยู่
“เธอไม่ได้เอาหูมาด้วยหรือไง ถึงไม่ได้ยินที่ลูกค้าวีไอพีอย่างฉันถาม หื้ม??”
คิ้วหนาของชายหนุ่มเลิกขึ้นเพื่อรอคำตอบจากหญิงสาว ในขณะที่สายตาคมกริบของชายหนุ่มก็จับจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวอย่างไม่วางตาเมื่ออีกคนเอาแต่เงียบอยู่แบบนั้น
“ถ้าเธอไม่ตอบหรือไม่เต็มใจที่จะบริการลูกค้าอย่างฉัน งั้นฉันจะเรียกให้ไอ้หน้าอ่อนผู้เป็นเจ้าของร้านนี้ ให้มันเป็นคนมาตอบคำถามฉันเอง!”
“นี่คุณ!!”
“ทำไม เธอมีปัญหาเหรอ?”
คีตภัทรถามขึ้นด้วยใบหน้าเยาะเย้ย พร้อมกับจ้องมองใบหน้าหญิงสาวอย่างผู้ที่เหนือกว่า
“ไม่มีค่ะ ถ้าคุณอยากจะทราบชื่อของแต่ละเมนู ดิฉันจะอธิบายชื่อของอาหารแต่ละเมนูให้คุณทราบก็ได้ค่ะ จานนี้คือหลนไข่ตุ๋นใส่เห็ดทรัฟเฟิล ส่วนจานนี้คือแกงระแวงสันคอหมูย่าง ส่วนจานนี้คือต้มจิ๋วหอยเป๋าฮื้อ จานนี้คือทองพลูไส้กระหรี่ไก่ และจานนี้คือพะแนงเป็ดย่างค่ะ”
“อืม โอเค งั้นก็..นั่งทานด้วยกันสิ!”
“อะ อะไรนะคะ?”
เฟื่องฟ้าถามขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่กับสิ่งตัวเองที่ได้ยิน
“นี่เธอหูตึงหรือไงห้ะ ฉันบอกให้เธอนั่งลงทานด้วยกัน มันดูเข้าใจยากขนาดนั้นเลยรึไง!”
คีตภัทรพูดขึ้นด้วยท่าทางอารมณ์เสียปนหงุดหงิด
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ แต่ฉันทานแล้วเชิญคุณรับประทานอาหารตามสบายเถอะค่ะ”
“ฉันบอกให้เธอนั่งลงทานกับฉัน เธอก็ต้องนั่ง!”
ชายหนุ่มพูดเค้นเสียงแกมออกคำสั่งขึ้นมาอีกครั้งด้วยความโมโหที่อีกคนปฏิเสธ
“นี่คุณคีย์ ที่นี่ไม่ใช่ที่ผับของคุณนะคะ ที่คุณจะมาออกคำสั่งให้ฉันทำตาม ฉันเป็นพนักงานของที่นี่ ฉันมีหน้าที่เสิร์ฟและบริการลูกค้า ไม่ได้มีหน้าที่มานั่งทานอาหารร่วมโต้ะกับคุณหรือทำตามคำสั่งของใคร”
เฟื่องฟ้าพูดขึ้นบ้างเมื่อชายหนุ่มพูดอย่างคนที่เอาแต่ใจ และคนอย่างเขาคงจะออกคำสั่งกับลูกน้องจนเคยตัว เลยเอานิสัยแย่ๆแบบนี้มาใช้กับเธอซึ่งเป็นคนอื่นและไม่ได้เป็นลูกน้องของเขา
คีตภัทรเลื่อนเก้าอี้เสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอย่างไม่พอใจ
กึก กึก กึก!!
ร่างสูงโปร่งของคีตภัทรก้าวขาเดินเข้ามาหาเธอใกล้ๆเรื่อยๆ ทำให้ขาเรียวบอบบางของเฟื่องฟ้าต้องก้าวขาถอยหลังอย่างอัตโนมัติทันที เพราะไม่รู้ว่าผู้ชายปากร้ายอย่างเขาจะมาไม้ไหนกับเธออีก
ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งแต่แววตาเย็นยะเยือกอย่างกับคนไร้ความรู้สึกที่เขามองเธอ ทำให้เฟื่องฟ้าเองเริ่มจะหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาทันที
“งั้นเธอก็ต้องรับผิดชอบ!”
คีตภัทรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเฟื่องฟ้า และมองเธอด้วยสายตาแข็งกร้าว เพราะเขาไม่ชอบคนที่ขัดคำสั่งของเขาก่อนจะเดินออกจากห้องอาหารไป โดยที่เขาเองยังไม่ได้ทานอะไรบนโต้ะเลยสักอย่าง และตัวเขาเองก็ไม่ได้สนใจอาหารแพงๆที่วางอยู่บนโต้ะเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งรวมๆแล้วราคาอาหารก็น่าจะหลายหมื่นเพราะมีแต่ของแพงๆทั้งนั้น เฟื่องฟ้าเองก็ได้แต่ยืนงงๆเพราะไม่รู้ว่าอีกคนกำลังจะทำอะไร ก่อนจะรีบเดินตามหลังเขาออกไปเช่นกัน
“ใครคือเจ้าของร้าน เรียกมาคุยกับฉันหน่อย!”
คีตภัทรพูดขึ้นด้วยท่าทางแข็งกร้าวก่อนเจี๊ยบผู้ช่วยผู้จัดการร้านจะวิ่งหน้าตั้งออกมาหาลูกค้าวีไอพีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ประกอบกับรู้สึกแปลกใจที่เฟื่องฟ้าเพิ่งเข้าไปเสิร์พอาหารได้ไม่นาน ทำไมลูกค้าวีไอพี่ท่านนี้ถึงได้ออกมาเร็วนัก
“เอ่อ คุณลูกค้าทานอิ่มแล้วหรอคะ หรือว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ แจ้งดิฉันได้เลยนะคะ”
“หึ ฉันยังไม่ได้ทานอะไรสักอย่าง!”
“มะ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นคะ มีอะไรแจ้งดิฉันได้เลยนะคะ ทางร้านเราพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่างค่ะ!”
“พนักงานเสิร์ฟร้านนี้บริการไม่ได้เรื่อง อีกทั้งยังขัดใจฉัน ฉันไม่ชอบให้ใครมาขัดใจ!!”
เฟื่องฟ้าที่เดินตามออกมาก็พอที่จะได้ยินในสิ่งที่เขาพูด หญิงสาวได้แต่ข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ข้างใน ไอ้บ้านี่กำลังจะเล่นสงครามประสาทอะไรกับเธออยู่กันแน่
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะพี่เจี๊ยบ ฟ้าแค่”
“หุบปาก!!” คีตภัทรพูดขึ้นเสียงดังก่อนทุกคนในร้านจะรีบก้มหน้าก้มตาลงทันทีด้วยความตกใจกลัว ไม่มีใครที่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า จะมีก็แต่เฟื่องฟ้าเท่านั้นที่ตอนนี้กำลังพยายามควบคุมอารมณ์โมโหของตัวเองอยู่
“นี่คุนคีย์ คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไงคะ ถึงมาทำตัวกร่างและอันธพาลที่นี่ ร้านนี้ไม่ได้เป็นร้านของคุณ ที่คุณจะมาพูดจาข่มขู่และวางอำนาจบาตรใหญ่ที่นี่นะคะ!”
เฟื่องฟ้าพูดขึ้นพร้อมกับจ้องมองใบหน้าคมคายของชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความไม่พอใจกลับไปบ้าง ก่อนเสียงของเพชรกล้าผู้เป็นเจ้าของร้านจะดังขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับ!..มีอะไรหรือเปล่าฟ้า?”
เพชรกล้าพูดขึ้นพลางเอามือจับแขนเรียวเล็กของเธอให้มาอยู่ข้างหลังของเขา และเมื่อคีตภัทรเห็นเช่นนั้นก็แสยะยิ้มมุมปากอย่างเหยียดๆ
“นี่เจ้าของร้าน..แอบกินกันกับพนักงานในร้านเหรอหนิ หึ!”
“นี่คุณหมายความว่าไง!” เพชรกล้าพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดจาไม่ดี พร้อมกับเดินเข้าหาคนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน ในขณะที่แรมโบ้ลูกน้องคนสนิทและลูกน้องที่ตามมาด้วยอีกสี่คน จะเดินปรี่ขึ้นมาขวางหน้าทันทีอย่างรู้งาน
“พวกมึงไม่ต้อง!!”
คีตภัทรพูดขึ้นเพื่อห้ามปรามลูกน้องทั้งห้าคนให้หยุด ก่อนจะมองหน้าเพชรกล้าและเฟื่องฟ้าสลับกันไปมา พร้อมกับแสยะยิ้มตรงมุมปากอย่างยียวนกวนประสาท
“วันพุธอย่าลืมมาทำความสะอาดห้องทำงานของฉันที่ผับล่ะ เฟื่องฟ้า! ส่วนอาหารที่ฉันสั่งวันนี้ ถือซะว่า..ฉันเลี้ยงพนักงานร้านอาหารที่นี่ก็แล้วกันนะ”
“แรมโบ้!!”
“ครับนาย!”
“จัดการค่าอาหารด้วย!… ไว้เจอกันมะรืนนี้นะ น้องเฟื่องฟ้า!” พอพูดจบคีตภัทรก็เดินออกมาจากภายในร้านทันทีพร้อมกับผู้ชายชุดดำอีกสี่คนเดินตามหลังออกไปเช่นกัน ก่อนชายชุดดำจะรีบกุลีกุจอไปเปิดประตูรถให้กับผู้เป็นเจ้านาย ส่วนแรมโบ้ลูกน้องอีกคนมาจัดการเรื่องค่าอาหารตามที่ผู้เป็นเจ้านายสั่งทันที
“ฟ้ารู้จักไอ้ผู้ชายคนนั้นด้วยหรอ ทำไมมันพูดเหมือนรู้จักฟ้าเลย แล้วที่มันพูดมันหมายความว่ายังไง!”
เพชรกล้าถามเฟื่องฟ้าขึ้นเมื่อผู้ชายแปลกหน้าพวกนั้นได้ออกไปจากร้านแล้ว ชายหนุ่มจ้องหน้าหญิงสาวอย่างรอคำตอบ พร้อมๆกับคิ้วหนาที่กำลังขมวดเข้าหากันเป็นปมเหมือนคนกำลังเคร่งเครียด ก่อนเฟื่องฟ้าจะเล่าให้เพชรกล้าฟังทุกอย่าง ตามที่ชายหนุ่มสงสัยและอยากรู้
“ฟ้ากล้าไปทำงานกับคนพวกนี้ได้ยังไง ดูก็รู้ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนดีแน่ๆ พวกมาเฟียพวกมีอิทธิพลพวกนี้เราไม่ควรไปยุ่ง และวันพุธนี้พี่จะไม่ยอมให้ฟ้าไปทำงานในถิ่นของพวกมันเด็ดขาด!”
เพชรกล้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะเขาเป็นห่วงเฟื่องฟ้า ไม่รู้ว่าไปที่นั่นจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวหากเกิดอะไรขึ้นจะไปสู้รบตบมือกับคนพวกนั้นได้ยัง เขาไม่ยอมให้เธอไปแน่ๆ
“ไม่ได้นะคะพี่เพชร ฟ้าต้องไปทำงานนี้แทนป้าแมวค่ะ ป้าแมวเองก็บอกว่าผู้ชายคนนั้นเขาไว้ใจได้เพราะป้าแมวก็ทำงานให้กับที่บ้านของเขามาตั้งแต่สมัยสาวๆแล้ว และที่สำคัญฟ้าไปทำความสะอาดให้เขาแค่สองสามชั่วโมงเองก็ได้เงินตั้งห้าพัน ฟ้าจำเป็นต้องใช้เงินค่ะพี่เพชร”
“ฟ้าเดือดร้อนเรื่องเงินทำไมไม่บอกพี่ล่ะ พี่ช่วยฟ้าได้ แค่ฟ้าบอกพี่มา”
เพชรกล้าพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด แต่ที่เขาหงุดหงิดก็เพราะว่าเขาเป็นห่วงเธอ เป็นห่วงผู้หญิงที่เขามีใจให้ แต่เฟื่องฟ้าก็คงยังเป็นเฟื่องฟ้า เธอไม่เคยหวังผลประโยชน์จากใคร แม้เขาจะพยายามยื่นมือเข้าช่วยเหลือตลอดแต่เธอก็มักจะปฏิเสธและหาทางออกด้วยเองก่อนเสมอ
“ไม่ได้ค่ะพี่เพชร แค่พี่เพชรให้ฟ้ามาทำงานที่นี่ พอเลิกงานก็ยังต้องมีอาหารให้ฟ้าคอยเอากลับไปกินที่ห้องตลอด โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อค่ากับข้าวเลยสักบาท แค่นี้ฟ้าก็เกรงใจจะแย่แล้ว”
“ฟ้าก็เป็นซะอย่างนี้ ชอบทำให้พี่เป็นห่วงตลอด!” เพชรกล้าพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้ายุ่งๆอย่างคนที่ไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่นักก่อนจะพูดประโยคถัดมา
“วันพุธพี่จะไปเป็นเพื่อนฟ้าเอง”
“พี่เพชร อย่าลำบากเลยค่ะ พี่เพชรมีงานให้ทำตั้งเยอะตั้งแยะ”
“พี่ให้ฟ้าไปที่นั่นคนเดียวไม่ได้หรอก สรุปเอาตามนี้!!”
“เฮ้อ ฟ้าคงขัดอะไรพี่เพชรไม่ได้จริงๆสินะ”
“ไม่ได้แน่นอน เพราะพี่เป็นห่วงฟ้า”
“ขอบคุณนะคะพี่เพชร ขอบคุณจริงๆค่ะ” เฟื่องฟ้าพูดขอบคุณขึ้นอีกครั้ง คำว่าขอบคุณที่เธอบอกไป ไม่รู้ว่ากี่ร้อยกี่พันครั้งแล้ว ที่ชายหนุ่มได้ยื่นมือเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเรียน แม้กระทั่งเรื่องครอบครัว ตอนพ่อเธอป่วยและจำเป็นต้องใช้เงินในการรักษาด่วนๆเธอไม่รู้จะไปหาได้จากที่ไหน ก็มีเพียงแค่เพชรกล้าเท่านั้นที่ยื่นมือเข้ามาช่วย เฟื่องฟ้าเองไม่รู้ว่าชีวิตนี้เธอจะตอบแทนได้ถึงครึ่งหนึ่งที่เพชรกล้าได้ช่วยเหลือเธอไว้หรือเปล่า..