EP 9 : คำพูดดูถูก
พลั้งรักมาเฟียร้าย : ตอนที่ 9
หว่อ วี่ หว่อ วี หว่อ...
เสียงไซเรนรถพยาบาลดังไปทั่วทั้งถนน ตามด้วยขบวนรถของลูกน้องจัสตินหลายคันโดยที่รถของอานนท์ถูกบีบให้อยู่ท้ายแถว ไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมเจ้านายหนุ่มถึงอยากไปโรงพยาบาลแถมยังนอนอยู่ในรถตู้กู้ภัยโรงพยาบาลอีก ทั้งที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้านายเพียบพร้อมทุกอย่าง
"ทำไมนายถึงขึ้นรถพยาบาลวะ"
"มึงไม่รู้ กูจะรู้ไหม"
"เฮียวินรู้ไหม"
"เรื่องของนายใหญ่ พวกเราไม่ควรยุ่ง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ มึงรู้ดีว่าถ้าพลาดแม้แต่ปลายเล็บศพมึงก็ลอยอยู่กลางทะเล" วินตันตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาคมกริบจดจ้องอยู่ที่ท้ายรถกู้ภัยของโรงพยาบาล ไม่มีทางที่จะให้รถพยาบาลคาดสายตาแน่นอน
ภายในรถเต็มไปด้วยความอึดอัด ฉันได้แต่นั่งนิ่งพยายามไม่สนใจอะไรกับคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ถึงจะรับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมองตลอดเวลา รอยแผลหัวคิ้วของเขาถูกทำแผลเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะขึ้นมาบนรถพยาบาล ฉันได้แต่ภาวนาให้ถึงโรงพยาบาลเร็วๆ
"ดูเธอจะกลัวฉันนะนับดาว เธอไม่น่ากลัวผัวคนแรกของเธอหรอก จริงไหม?" น้ำเสียงเข้มพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาสังเกตเห็นเธอพยายามหลบสายตาเขาตลอดเวลา แต่มันกลับทำให้เขานึกสนุก และเชื่อว่าคนอย่างเธอไม่มีทางลืมเขาแน่นอน
"หมอว่าตอนนี้เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ควรมีมารยาทในคำพูดด้วยนะคะ อีกอย่างหมอไม่เคยใส่ใจเรื่องราวในอดีตที่เลวร้ายด้วยค่ะ เพราะเรื่องราวในปัจจุบันมีความสุขจนมันกลบเรื่องราวเลวร้ายในอดีตไปหมดแล้วค่ะ" ฉันจ้องไปที่ใบหน้าคมคายพยายามข่มสายตาตัวเองให้นิ่งที่สุด รู้ดีว่าคนอย่างเขาอ่านสายตาคนออก
ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาเป็นเวลาเพียงสั้นๆแค่หกเดือนเท่านั้น มันเป็นหกเดือนที่ฉันมีความสุขที่สุดแต่มันกลับเสียใจที่สุดในชีวิต ฉันเหมือนผู้หญิงใจง่ายที่ยอมมีอะไรด้วยกับผู้ชายที่รักและพึ่งมารู้ว่าตัวเองท้องในวันที่เขาทิ้งไป ฉันป้องกันตัวเองทุกครั้งเวลามีอะไรกันแต่สุดท้ายมันก็พลาดจนได้ ฉันต้องอุ้มท้องอันดาไปเรียนอย่างโดดเดี่ยว มีแต่คนนินทาและเยาะเย้ยในวันที่ฉันถูกทิ้งแถมยังท้องไม่มีพ่อ ทุกคนรู้ดีว่าฉันกับจัสตินคบกันเพราะเรื่องที่เขาคลุกเข่าขอเป็นแฟนดังไปทั่วทั้งสองมหาวิทยาลัย มีเพียงแม่ของฉันเท่านั้นที่คอยเป็นกำลังใจและคอยปลอบจนสุดท้ายฉันก็ก้าวผ่านมันมาได้ ฉันไม่เคยไปเรียกร้องอะไรจากเขาเลย ฉันไม่ต้องการให้เขารู้ว่ามีลูก และเชื่อว่าตอนนี้คนเห็นแก่ตัวอย่างเขาก็คงไม่รู้เรื่องนี้ เพราะผู้ชายอย่างจัสตินไม่เคยสนใจผู้หญิงที่เขี่ยทิ้งไปแล้ว
หมับ
"โอ๊ย" ฉันร้องออกมาเสียงหลงเมื่อถูกมือหนากระชากแขนให้โน้มตัวเข้าไปใกล้เขา ทำให้ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ รับรู้ถึงลมหายใจซึ่งกันและกัน ฝ่ามือหนาเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆจนฉันเบ้หน้ากับความเจ็บปวด
"เธอไม่ได้ลืมเรื่องราวในอดีตหรอกนับดาว ขนาดฉันยังไม่ลืมเลย ปากเธอฉันก็เคยจูบมาแล้ว นมเธอฉันทั้งดูดทั้งกัด และตรงกลางหว่างขาเธอบอกฉันสิว่าเธอไม่มีความสุขในตอนที่ฉันเลียให้ ยิ่งรอยเลือดของเธอฉันยิ่งจำได้แม่นเลยล่ะ เธอมั่นใจเหรอว่าปัจจุบันไอ้เวรนั่นมันทำให้เธอเสร็จและมีความสุข ฉันมั่นใจว่าฉันทะลวงเธอจนหลวมแล้วนะ คงยากที่จะหาไซซ์ที่พอดีกับฉัน"
พรึบ
ฉันสะบัดฝ่ามือหนาออกอย่างแรงด้วยความโมโห
"หยุดพูดจาดูถูกฉันสักที" ฉันตวาดเสียงดังลั่นรถด้วยความโกรธ ตอนที่เราคบกันเขาไม่เคยพูดจาดูถูกฉันขนาดนี้ และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินผู้ชายที่ตัวเองเคยรักจนหัวปักหัวปำพูดจาแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องเอาเรื่องราวในอดีตมาพูดอีก
"การที่คุณขึ้นรถพยาบาลไม่ใช่เพราะคุณต้องการรักษาด้วยซ้ำ คุณต้องการอะไรจากฉันอีก เราต่างฝ่ายต่างมีชีวิตที่ตัวเองเลือกแล้วและคุณก็เป็นฝ่ายเลือกก่อนด้วยซ้ำ อย่าดึงฉันเข้าไปวังวนที่เลวร้ายอีกเลยค่ะ ให้ฉันทำหน้าที่หมอรักษาคนเจ็บอย่างสบายใจเถอะค่ะ หรือถ้าคุณต้องการเปลี่ยนหมอที่ดูแลสามารถแจ้งได้เลย ฉันจะขอบคุณมากถ้าคุณเปลี่ยน"
ในจังหวะที่ฉันพูดจบรถพยาบาลจอดหน้าตึกฉุกเฉินของโรงพยาบาลพอดี เจ้าหน้าที่รีบเปิดประตูท้ายทำให้ฉันรีบลงไปก่อน และเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อเตรียมการรักษาและเอ็กซเรย์ให้เพราะรู้ดีว่ากล้ามเนื้อขาของเขาไม่ปกติ ใบหน้าหวานกลับมาเป็นปกติได้ในเวลาไม่กี่วินาที ฉันพยายามที่จะไม่ใช่นับดาวนักศึกษาแพทย์ที่อ่อนแอคนนั้นอีกแล้ว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา…
ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ
บรรดาผู้บริหารและคณะกรรมการของโรงพยาบาลรวมถึงหมอใหญ่ที่ไม่เคยมาตึกผู้ป่วยฉุกเฉิน ตอนนี้มารวมตัวอยู่ในห้องพักพิเศษของคนไข้วีไอพีอย่างจัสตินกันอย่างพร้อมเพรียง ทุกคนที่รู้ข่าวต่างวิ่งแจ้นกันมาที่นี่โดยไม่ได้นัดหมาย ทุกคนรู้ดีว่าครอบครัวของจัสตินมีอำนาจและรวยมากแค่ไหน ทำให้หมอใหญ่อยากรับเคสของจัสตินไปดูแลเอง แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคาดหวังเพราะเขาก็ยังปั่นประสาทฉันไม่เลิก และยังออกคำสั่งเสียงหนักแน่นว่าจะให้ฉันเป็นหมอประจำตัว ฉันรู้ดีว่าเขาต้องการแกล้งฉันมากกว่า ตอนนี้พยายามข่มอารมณ์ตัวเองและรักษาตามขั้นตอนแรงกดดันของทุกคนต่างจดจ่อมาที่ฉัน
"ผลเอกซเรย์ร่างกาย ไม่มีกระดูกส่วนไหนหัก แต่น่าจะเกิดแรงกระแทกทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ ทำให้คนไข้มีอาการปวดที่กล้ามเนื้อขาขวา" ฉันรายงานผลผู้ใหญ่ชั้นสูงของโรงพยาบาลตามที่ผลเอกซเรย์ของเขาออกมา
"หวังว่าหมอใหม่อย่างหมอนับดาวคงไม่วินิจฉัยคนไข้วีไอพีเราผิดพลาดนะ"
"นับรายงานตามผลเอกซเรย์ค่ะ และนับก็ทำงานที่นี่มาสองปีแล้ว คุ้นชินกับเครื่องการแพทย์มากพอสมควร แต่ถ้าไม่มั่นใจนับจะคอยสังเกตอาการคนไข้อีกที และจะทำการเอกซเรย์ให้มั่นใจกันอีกครั้งในวันที่คนไข้กลับไปพักฟื้นที่บ้านค่ะ แต่อันที่จริงกลับไปวันนี้เลยก็ได้ค่ะ" ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและแสดงสีหน้าเรียบนิ่ง เหลือบสายตาไปมองคนที่นอนอยู่อย่างไม่พอใจเพราะเขาไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลด้วยซ้ำ รู้ดีว่าไม่มีใครอยากให้ฉันทำการรักษาครั้งนี้เพราะแต่ละคนที่มามักเอาหน้ามากกว่าเอาผลงาน ไม่แปลกที่จะถวายชีวิตให้คนไข้วีไอพีอย่างเขา
"และผลของการสแกนสมองก็ออกเป็นที่เรียบร้อย ทุกอย่างปกติดีค่ะ ถ้าไม่มั่นใจเดี๋ยวนับจะส่งไฟล์เอกซเรย์และไฟล์สแกนสมองเข้าทางอีเมลให้ทุกท่านนะคะ หมดหน้าที่ของนับแล้ว งั้นขอตัวก่อนนะคะ"
"ฉันสั่งให้เธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่" น้ำเสียงเข้มพูดแทรกทันที
"เดี๋ยวจะมีหมอเวรกะดึกเข้ามาดูแลคุณจัสตินเองครับ เป็นหมอที่มีชื่อเสียงของโรงพยาบาลเราและชำนาญไม่ต่างจากหมอนับดาวเลยครับ คุณจัสตินไม่ต้องห่วงเลย" อานนท์พูดแทนแฟนสาวเพราะเขาเห็นว่าเธอเหนื่อยกับการออกภาคสนามมามากแล้ว และวันนี้ก็เจอเรื่องราวมากมายก็อดเป็นห่วงไม่ได้ อีกอย่างมื้อเย็นนี้เขาตั้งใจจะพาเธอไปกินข้าวเหมือนเดิม
"หมอที่มีฝีมือของโรงพยาบาลเรามีอีกเยอะ คุณจัสตินสามารถเลือกได้เลยครับ"ผู้บริหารของโรงพยาบาลเสนอทางเลือกให้กับจัสติน
"ฉันพูดภาษาไทย และพูดชัดตั้งแต่ครั้งแรก ฉันไม่สนใจว่าใครจะเข้าเวรกะไหน แต่ฉันต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นดูแลฉันตลอดยี่สิบชั่วโมง ถ้าทำกันไม่ได้บอร์ดผู้บริหารของโรงพยาบาลคงต้องปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่แล้วล่ะ" จัสตินพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"ไม่มีหมอคนไหนทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมงได้หรอกครับทุกคนต้องการพักผ่อนกันทั้งนั้นและอีกอย่างหมอจะเข้าตรวจเป็นเวลาไม่มีทางที่จะดูแลคุณตลอด หน้าที่ดูแลคนไข้จะมีพยาบาลพิเศษมาดูแลครับ ไม่ใช่หน้าที่หมอนับดาว" อานนท์พูดโพล่งออกมาด้วยความไม่พอใจ เพราะดูท่าทางผู้ชายคนนี้จะกลั่นแกล้งนับดาว เขาสังเกตมาตั้งแต่สนามแข่งแต่ก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่
"หึ..."จัสตินหัวเราะในลำคอออกมาแต่เสียงหัวเราะของเขาก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นขนลุกซู่
"แค่นี้คงไม่เหนื่อยกว่าแรง เป็นหมอต้องดูแลคนไข้มันคือจรรยาบรรณของแพทย์จริงไหมหมอนับดาว" ผู้บริหารของโรงพยาบาลส่งสายตาออกคำสั่งไปที่นับดาว
"ค่ะ"
"แต่ผมว่ามัน..."
"พี่นนท์คะ" ฉันรีบห้ามพี่นนท์ทันที และรีบส่ายหัวให้เล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าฉันไม่เป็นไร ให้ทำตามความต้องการของเขา เพราะดูจากท่าทางของทุกคนที่เหลือแล้วคงไม่มีใครกล้าขัดความต้องการของจัสตินแน่
"เดี๋ยวหมอจะเข้ามาดูอาการอีกทีตอนหนึ่งทุ่มตรง ถ้าเกิดระหว่างนี้คนไข้เจ็บปวดตรงไหนสามารถกดเรียกพยาบาลได้เลยค่ะ...คุณโตพอที่จะพูดกันรู้เรื่องหวังว่าจะไม่สร้างความวุ่นวายให้กับโรงพยาบาลนะคะ" ฉันพูดจบก็ออกจากห้องนั้นทันที ฉันพยายามหลบหลีกทุกวิถีทางแต่เขาก็พยายามบีบบังคับฉันทุกวิถีทางเหมือนกัน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเผชิญหน้ากับมัน ฉันก็จะทำให้เขาเห็นว่าเรื่องราวในอดีตมันไม่มีผลกับความรู้สึกของฉันแล้ว ต่อให้ตอนนี้เขาจะควงผู้หญิงมายืนอยู่ตรงหน้า ก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว