EP 10 : ชั่วครั้งชั่วคราว
พลั้งรักมาเฟียร้าย : ตอนที่ 10
"เฮ้อ..." ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เมื่อเข้ามาในห้องพักส่วนตัวของหมอ ร่างบางเอนกายพิงกับเก้าอี้พลางปิดเปลือกตาลง วันนี้ช่างเป็นวันที่เหนื่อยล้าเหลือเกิน และนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันต้องควบเวรทั้งวันและทั้งคืน ไม่รู้ว่าคืนนี้ฉันจะเจอศึกหนักอะไรอีก
ก๊อก ก๊อก
แกร่ก
เสียงเคาะดังขึ้นสองสามทีก่อนที่คนข้างนอกจะเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันลืมตาขึ้นพอดี
"ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอนี่ถึงเวลาออกเวรแล้วนะคะ"
"ทำไมนับไม่ปฏิเสธไป นับจะไหวได้ยังไงตื่นตั้งแต่เช้า แถมยังต้องควบเวรกะดึกอีก" อานนท์ไม่ได้สนใจคำถามของแฟนสาว แต่เขากลับพูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
"ไม่ได้ดูแลคนไข้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอกค่ะ เดี๋ยวตอนหนึ่งทุ่มนับไปดูความเรียบร้อยก็กลับมาพักที่ห้องตามเดิมแล้ว แอบงีบนิดหน่อยก็ไหวอยู่ค่ะ พี่นนท์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ"
"พี่เป็นห่วงแฟนตัวเองนิ" อานนท์เดินเข้ามาใกล้ๆนับดาวก่อนจะใช้มือลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน สายตาคู่นั้นก้มมองหญิงสาวด้วยความรัก
"นับไหวจริงๆค่ะ พี่นนท์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ" ฉันยิ้มตาหยีให้พี่นนท์เมื่อเห็นความห่วงใยที่เขามีให้ฉัน
"ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมง นับอยากกินก๋วยเตี๋ยวหน้าโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าคนแถวนี้จะไปกินด้วยไหมนะ" ฉันพูดลอยหน้าลอยตาท่าทางยียวนพี่นนท์ รู้ทั้งรู้ว่ายังไงเขาก็ไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว แต่ที่ฉันทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้พี่นนท์คิดมาก
"ไม่เคยปฏิเสธแฟนที่น่ารักของพี่อยู่แล้ว"
ฉันกับพี่นนท์เดินออกมาพร้อมกัน ฉันคิดกับตัวเองแล้วว่าเรื่องระหว่างฉันกับจัสตินมันเป็นอดีตที่ไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้นมานั่งเล่าเรื่องราวอันเลวร้ายให้ใครฟังอีกแล้ว ทุกอย่างมันจบไปตั้งแต่ตอนนั้น
ทางด้านจัสติน
ร่างสูงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงคนป่วยภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ทุกอย่างกลับมาอยู่ในความสงบเหลือเพียงแค่จัสตินและลูกน้องคนสนิทเท่านั้น มือหนาถือไอแพดเครื่องหรูและกำลังจดจ้องอยู่กับงานตรงหน้า นอกจากอาชีพนักแข่งก็มีอีกหลายธุรกิจที่จัสตินทำล้วนแล้วแต่เป็นธุรกิจสีเทาทั้งนั้น
"ของล็อตล่าสุดที่ส่งให้ลูกค้ามีปัญหาอะไรไหม" น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามลูกน้องคนสนิททั้งที่ตายังจดจ่ออยู่กับหน้าจอไอแพด
"เรียบร้อยดีครับ ส่วนอาวุธล็อตใหม่ที่นายสั่งจากโกดังคุณชาร์ลไว้ ทางนั้นส่งข่าวมาว่าอาทิตย์หน้าพร้อมส่งมอบครับ สถานที่คือท่าเรือเหมือนเดิม" วินตันตอบกลับเจ้านายหนุ่มด้วยท่าทางนอบน้อม
"อืม..."
"ผมขอถามได้ไหมทำไมนายถึงนอนที่นี่ครับ ทั้งที่คฤหาสน์มีเครื่องมือพร้อมทุกอย่าง อีกอย่างนายไม่ชอบนอนโรงพยาบาลหรือเป็นเพราะ..." วินตันไม่ได้พูดอะไรต่อแต่เชื่อว่าเจ้านายรู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร
".....อะไรที่กินบ่อยๆมันก็น่าเบื่อ แต่พอทิ้งระยะเวลาไปนานกูก็อยากลองกลับกินอีกสักครั้ง อยากรู้ว่ารสชาติมันจะเหมือนเดิมไหมก็แค่นั้น ถ้าจืดชืดก็แค่ครั้งเดียวแต่ถ้าเร้าใจก็อาจจะขอเบิ้ล ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราวระหว่างรอของใหม่มาแทน" จัสตินเงียบไปสักพักก่อนจะเงยหน้าพูดกับลูกน้องคนสนิทด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ตอนนี้เขารู้สึกเบื่อคาร่าเต็มที ก็แค่หาอะไรทำในระหว่างที่รอผู้หญิงคนใหม่ก็แค่นั้น และนับดาวก็เป็นตัวเลือกระหว่างทางสำหรับเขา ไม่ใช่เพราะอยากได้เธอคืนมา แต่แค่อยากลองดูว่าคนอย่างเธอจะใจแข็งกับเขาสักแค่ไหน
"แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอมีแฟนที่เป็นหมอด้วยกันแล้วนะครับ และเท่าที่ผมสังเกตเธอจะพยายามตีตัวออกห่างนายใหญ่ตลอดเวลา"
"กูยิ่งชอบเลยล่ะ กูอยากรู้ว่าถ่านไฟเก่ามันจะกลับมาครุได้อีกหรือเปล่า ไอ้เวรนั่นต้องขอบคุณกูด้วยซ้ำที่กูทดสอบผู้หญิงให้มัน" จัสตินยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
วินตันได้แต่มองเจ้านายหนุ่มอย่างเงียบๆ เขากลัวว่าประวัติศาสตร์จะกลับมาซ้ำรอยอีกครั้ง และคนที่เจ็บปวดที่สุดก็หนีไม่พ้นนับดาว เขารู้ดีว่าจัสตินไม่เคยกลับมานอนกับผู้หญิงที่ทิ้งไปแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงกลับมาทำกับเธอแบบนี้อีก กลัวว่าสักวันความเจ็บปวดเหล่านั้นจะย้อนกลับมาเป็นแผลให้นายใหญ่ของเขาซะเอง
7.00 PM (1 ทุ่ม)
ร่างบางเดินเข้ามาโซนห้องพักผู้ป่วยวีไอพีที่รายล้อมไปด้วยชายฉกรรจ์ชุดดำเฝ้าตามจุดต่างๆ จัสตินเหมาทั้งชั้นทำให้ไม่มีคนป่วยคนอื่นอยู่ชั้นนี้เลย คนที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้ก็ถูกย้ายไปชั้นอื่นแทน ฉันได้ยินเรื่องนี้จากพยาบาลข้างล่างจนไม่มีใครกล้าขึ้นมาชั้นนี้แม้แต่แม่บ้านทำความสะอาดยังกล้าๆกลัวๆเพราะต้องถูกเพ่งเล็งและค้นตัวตั้งแต่ออกจากลิฟต์ ฉันไม่รู้ว่าหลังจากที่ต่างแยกย้ายกันไปจัสตินทำอาชีพอะไร ตอนนั้นที่เราคบกันฉันรู้แค่ว่าเขาเป็นเพียงรุ่นพี่ของกลุ่มเด็กวิศวะ ฐานะทางบ้านร่ำรวยและเหมือนมีลูกน้องคู่ใจคนปัจจุบันคอยช่วยเหลือ ไม่ได้มีลูกน้องตามติดเป็นขบวนขนาดนี้
ฉันเดินมาตามทางโดยพยายามไม่สนใจสายตาที่จับจ้องพวกนั้น และในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าห้องพักฟื้น ดวงตากลมโตมองบานประตูบานนั้นอยู่สักพักและสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ครืด…
จัสตินจ้องมองหญิงสาวร่างบางที่เดินเข้ามาใหม่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ใบหน้าหวานยังเหมือนเดิมทุกอย่างยกเว้นแค่ตอนนี้เธอรู้จักแต่งตัวแต่งหน้าให้เหมาะกับอาชีพที่ตัวเองทำ ริมฝีปากบางเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเหมือนแต่ก่อน
“หมอขออนุญาตนะคะ” ฉันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับขออนุญาตตามมารยาทและเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนที่เตียง สายตาคมกริบคู่นั้นก็จับจ้องฉันอยู่ตลอดเวลา ดวงตากลมโตชำเลืองมองไปทั่วห้องแต่กลับไม่มีใครอยู่ แม้แต่ลูกน้องคนนั้นของเขา ทำให้ตอนนี้ฉันและจัสตินอยู่ในห้องกันเพียงลำพัง
“มีเจ็บหรือปวดตรงไหนเพิ่มเติมไหมคะ”
“…..” จัสตินนิ่งเงียบและจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวาน
“ได้ยินที่หมอถามไหมคะ มีเจ็บหรือปวดตรงไหนไหมช่วยให้ความร่วมมือกับหมอด้วยค่ะ”
“ฉันไม่ค่อยชอบให้ความร่วมมือกับใคร ถนัดแต่ร่วมเตียงมากกว่า เธอน่าจะรู้ดีว่าฉันถนัดเรื่องนี้แค่ไหน”
“หมอจะถือว่าคนไข้ไม่ได้เป็นอะไรมาก พรุ่งนี้กลับบ้านได้เลยนะคะ หมอจะสั่งจ่ายยาแก้ปวดและยานวดคลายกล้ามเนื้อไปให้ ส่วนแผลที่หัวคิ้วควรล้างแผลทุกวันจนกว่าแผลจะแห้งดีค่ะ หมดธุระของหมอแล้ว หมอขอตัว มีอะไรกดปุ่มเรียกพยาบาลที่หัวเตียงได้เลยค่ะ” ฉันเลือกที่จะไม่ใส่ใจคำพูดของเขา เท่าที่ดูทุกอย่างปกติดียกเว้นแค่สติที่อาจไม่ปกติก็เท่านั้น
"หึ พยายามทำตัวออกห่างเพราะกลัวผัวใหม่เธอรู้ว่าเธอกับฉันเคยนอนด้วยกันมาก่อนเหรอไง เธอยังซ่อนความอ่อนไหวในดวงตาไม่มิดหรอกนับดาว เธอยังนึกถึงฉันอยู่ตลอดเวลา"
กึก
เท้าเรียวเล็กหยุดชะงักในตอนที่กำลังเดินหันหลังให้เขาเพื่อจะออกจากห้อง มือบางกำหมัดแน่นพยายามไม่ให้มันสั่นไปมากกว่านี้ นับดาวพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้อ่อนไหวไปกับคำพูดของเขาอยู่สักพัก และหมุนตัวกลับไปเพื่อเผชิญหน้ากับคนที่นอนอยู่
"อึก" แต่แล้วทุกอย่างกับหนักขึ้นกว่าเก่าเมื่อฉันหันมาก็เจอกับร่างสูงที่คุ้นเคยมายืนอยู่ตรงหน้าระยะห่างไม่ถึงคืบ ไม่รู้ว่าทำไมฉันไม่ได้ยินตอนที่เขาเดินลงมาจากเตียง และไม่รู้ว่าเขามายืนด้านหลังฉันตอนไหน ทุกอย่างหยุดนิ่งแม้แต่ขาทั้งสองข้างของตัวเองก็ก้าวไม่ออกในตอนที่ท่อนแขนแกร่งโอบรัดเอวฉันไว้
"เธอลืมเรื่องราวของเราแล้วเหรอนับดาว" ใบหน้าคมคายโน้มเข้ามาใกล้คนตัวเล็กจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ และมันก็เป็นไปตามคาดเมื่อเธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่น กลิ่นน้ำหอมบนตัวเธอเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ไม่ใช่กลิ่นเดิมที่เขาเคยสูดดม
"เธอลืมได้จริงๆเหรอ ในวันที่เรามีความสุขกัน ค่ำคืนที่เราอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้"
"ปล่อยค่ะ"
"เธออยากให้ฉันปล่อยจริงๆงั้นเหรอ"
"คุณจัสตินฉันบอกให้ปล่อย" ใบหน้าหวานหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนตรงหน้าอีกครั้ง ฉันจ้องไปที่ใบหน้าคมคายจนเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในสายตาคมคู่นั้น
"ต่อให้เธอจะใช้สรรพนามที่ดูห่างเหินมากแค่ไหน แต่แววตาเธอมันโกหกไม่ได้หรอกนับดาว เธอยังคิดถึงฉันอยู่" จัสตินกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานมากกว่าเดิม รับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆของเธอชัดขึ้นเรื่อยๆ สายตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตพร้อมกับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์