EP 6 : ขอเป็นแฟน
พลั้งรักมาเฟียร้าย : ตอนที่ 6
"นับดาว" อานนท์เรียกชื่อคนที่นั่งนิ่งอย่างหวาดหวั่น เพราะเธอเงียบไปนานหลายนาทีจนเขากลัวว่าเธอจะปฏิเสธ ดวงตากลมโตคู่นั้นดูเศร้าหมองอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ตั้งแต่เขารู้จักกับนับดาวมาไม่เคยเห็นเธอแสดงอาการแบบนี้เลย
ฉันรีบสะบัดภาพเก่าๆที่ฉายขึ้นมาทิ้งทันทีเมื่อได้สติ ดวงตากลมโตมองคนตรงหน้าอีกครั้งและเป็นภาพของพี่นนท์คนที่แสนดีกับฉันเสมอมา
"ค่ะ นับจะยอมเป็นแฟนพี่นนท์" ฉันอยากลองทำลายกำแพงความรักของตัวเองอีกสักครั้ง หวังว่าครั้งนี้ฉันจะตัดสินใจไม่ผิดอีก
"ขอบคุณนะครับนับดาวของพี่"
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือของคนในร้านดังประสานเสียงกันเหมือนกับรอคำตอบจากหญิงสาว และสุดท้ายทุกคนก็ได้ยินคำตอบที่รอคอย โดยเฉพาะอานนท์ที่ยิ้มกว้างเมื่อได้คำตอบที่เขาหวัง พนักงานของร้านถือช่อดอกกุหลาบสีแดงสดช่อโตเข้ามาให้กับชายหนุ่ม และเขาก็จัดการมอบให้เธอ ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันท่ามกลางผู้คนที่ร่วมแสดงความยินดี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้อานนท์ได้นัดแนะกับที่ร้านอาหารไว้ก่อนแล้ว
สองชั่วโมงผ่านไป
ฉันและพี่นนท์นั่งจับมือกันอยู่ภายในรถเบนซ์คันหรู โดยที่พี่นนท์ดึงมือฉันไปวางบนหน้าขาตัวเอง หลังจากเหตุการณ์ที่ฉันไม่คาดคิดเกิดขึ้นต่อจากนั้นเราก็นั่งดื่มด่ำบรรยากาศกันอยู่พักใหญ่ และกล้าพูดได้เต็มปากว่าฉันกับพี่นนท์เราเป็นแฟนกันแล้ว
"ยิ้มอะไรคะ นับเห็นพี่นนท์ขับรถไปยิ้มไปตลอดทาง" ฉันอดที่จะแซวพี่นนท์ไม่ได้ต่อให้ในรถมืดสนิทแต่ก็ยังเห็นรอยยิ้มของเขาจากแสงไฟถนนที่สาดส่องเข้ามาเป็นระยะ
"พี่มีความสุข พี่ก็ยิ้มสิ มีแฟนกับเขาสักทีตามจีบมาเป็นปีเหมือนได้ของขวัญชิ้นใหญ่เลยล่ะ" อานนท์หันมายิ้มให้กับหญิงสาวข้างกายเพียงชั่ววินาทีและหันกลับไปจดจ้องอยู่กับถนนเบื้องหน้า อานนท์กระชับมือเธอให้แน่นขึ้น
"ไม่ใช่ของขวัญชิ้นใหญ่หรอกค่ะ เป็นของขวัญที่มีตำหนิต่างหากล่ะ พี่ก็รู้ว่านับไม่ใช่ผู้หญิงที่เพียบพร้อมขนาดนั้น อีกทั้งยังมีลูกแล้วด้วย พี่ไม่อายเหรอคะที่ได้นับเป็นแฟน"
"พี่ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะนับ พี่รักอันดาเหมือนลูกเหมือนกัน ถึงตอนนี้เราจะอยู่ในฐานะแฟน แต่พี่ก็อยากเป็นคู่ชีวิตกับนับแถมยังมีลูกน้อยพี่ชื่ออันดาเป็นพยานรักในวันแต่งงานอีก หลายคนต้องอิจฉาเราที่เป็นครอบครัวอบอุ่นอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในวันสำคัญของชีวิตคู่"
"ขอบคุณนะคะที่รักและเอ็นดูนับกับลูกถึงขนาดนี้" ฉันไม่เคยคิดว่าฟ้าหลังฝนจะสวยงามถึงขนาดนี้ ฉันไม่คิดว่าจะมีผู้ชายที่รับฉันได้ทุกอย่างจนมาเจอกับพี่นนท์ที่รักและเอ็นดูอันดามาตลอดตั้งแต่แรก ต่อให้ลูกสาวตัวแสบของฉันจะไม่ยอมรับพี่นนท์เลยก็ตาม อันดาจำแสดงความไม่พอใจทุกครั้งเมื่อเห็นพี่นนท์อยู่ใกล้ฉัน และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่อันดาอยากมาอยู่กับฉันที่โรงพยาบาล อันดาเข้าได้กับทุกคนยกเว้นแค่พี่นนท์คนเดียวเท่านั้น แต่พี่นนท์ก็ไม่เคยแสดงท่าทางไม่ชอบอันดา ฉันเชื่อว่าสักวันอันดาจะยอมรับและใจอ่อนกับพี่นนท์เหมือนที่ฉันตัดสินใจไปวันนี้เช่นกัน
ไม่นานรถเบนซ์คันหรูก็ขับมาจอดหน้าคอนโดของฉัน แต่ฝ่ามือหนาก็ไม่ยอมปล่อยมือฉันสักทีและยังกุมมือไว้แน่น
"พี่ไม่อยากปล่อยมือนับเลย พี่อยากให้คอนโดนับอยู่ไกลกว่านี้ พี่จะได้อยู่กับแฟนสุดที่รักของพี่นานๆ"
"เชื่อเขาเลยจริงๆ พรุ่งนี้เราก็เจอกันไม่ใช่เหรอคะ เรายังทำงานที่เดียวกันอยู่นะ ปล่อยมือนับได้แล้วค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้วกว่าพี่นนท์จะกลับถึงบ้านอีก" ฉันส่ายหัวให้กับความคลั่งรักของพี่นนท์ แต่ก็ต้องทำเสียงแข็งเพราะเขาต้องขับรถกลับบ้านคนเดียวฉันก็อดห่วงไม่ได้
"พี่ยอมปล่อยมือนับก็ได้ แต่พรุ่งนี้ตอนเช้าพี่มารับนะ ขอไปทำงานพร้อมแฟนได้ไหมครับ"
"ก็ได้ค่ะ" ฉันยิ้มให้กับพี่นนท์และเปิดประตูลงรถเบนซ์คันหรูทันที ไม่ลืมที่จะโบกมือลาให้พี่นนท์และเดินเข้าคอนโดตัวเอง
รอยยิ้มบางๆฉายขึ้นบนใบหน้า หัวใจที่บอบช้ำกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในรอบสามปี ไม่คิดเหมือนกันว่าการทำลายกำแพงตัวเองจะมีความสุขขนาดนี้ วันนี้คงเป็นอีกวันที่ฉันมีความสุขและเป็นความทรงจำที่ดีในการเริ่มต้นความรัก
วันออกภาคสนาม…ทีมแพทย์สนาม
เรื่องของฉันกับพี่นนท์ดังไปทั่วโรงพยาบาล หลายคนต่างแสดงความยินดีที่ฉันกับพี่นนท์ยอมตกลงเป็นแฟนกัน แต่ก็มีบางคนที่ไม่เห็นด้วยมันเป็นเรื่องปกติของการทำงานที่มีทั้งคนรักและคนเกลียดฉันไม่ได้สนใจอะไรได้แต่ทำหน้าที่ตัวเองอย่างเต็มที่ ช่วงที่เราเข้าเวรพร้อมกันเขามักจะมาหาฉันเหมือนเดิมและหยอดคำหวานให้ฉันอยู่เรื่อยตามประสาคนเป็นแฟน หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพี่นนท์คลั่งรักมาก
อย่างเช่นวันนี้เราทั้งคู่มีออกรอบเป็นแพทย์สนามด้วยกัน เขาอาสาที่จะมารับฉันเหมือนเดิม ฝ่ามือหนาดึงมือฉันไปกุมไว้บนหน้าตักอย่างเช่นเคย รถเบนซ์คันหรูขับเคลื่อนอยู่บนท้องถนนในช่วงเช้าตรู่ ต่อให้เช้าแค่ไหนคนขับก็ยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีท่าทีอ่อนเพลียแม้แต่นิดเดียว
"วันนี้ลงแพทย์สนามของสนามแข่งรถ ขออย่าให้เกิดอุบัติเหตุเลย ยิ่งเป็นเรื่องความเร็วจุดจบมักไม่สวยงาม" ฉันบ่นพึมพำเพราะตอนนี้รถเบนซ์คันหรูขับมาจอดในพื้นที่ของหน่วยพยาบาลภายในสนามแข่งรถ การเป็นแพทย์เคลื่อนที่แบบนี้ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือคนแข่งขันเท่านั้น แต่ยังคอยช่วยเหลือผู้คนเข้างานอาจเป็นลมหรือเกิดอุบัติเหตุอื่นๆ
"วันนี้อาจเป็นวันที่เราได้นั่งดูการแข่งรถเฉยๆก็ได้ พี่ว่าการแข่งในสนามค่อนข้างปลอดภัย ไม่เหมือนนัดแข่งกันตามท้องถนนหรอก"
"ก็จริง" ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่นนท์และเดินลงจากรถเพื่อไปเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลต่างๆ เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้ลงสถานที่จริงแบบนี้ จนตัวฉันเองก็ตื่นเต้นไม่น้อย
"ว้าวว...หวานกันมาแต่เช้าอีกแล้วนะคะ" พยาบาลสาวที่มาถึงก่อนก็อดแซวทั้งสองคนไม่ได้เพราะเห็นลงจากรถมาพร้อมกัน
"หยุดแซวนับได้แล้ว อยู่โรงพยาบาลก็แซวกันไม่หยุด"
"เห็นแล้วพวกเราก็อิจฉาหมอทั้งสองคนเลยค่ะ ทั้งหล่อทั้งสวยแถมเก่งทั้งคู่ เป็นคู่รักที่เหมาะสมกันมากเลย"
"ข้อนี้ผมไม่เถียงครับ แฟนผมทั้งสวยทั้งเก่ง"
"วิ้ดวิ้ววว...หมออานนท์พ่อคนคลั่งรัก" เจ้าหน้าที่แต่ละคนแซวกันอย่างสนุกสนาน ทุกคนเตรียมอุปกรณ์ต่างๆกันด้วยรอยยิ้มและพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
ด้านของจัสติน
ชายหนุ่มใบหน้าคมคาย เผยใบหน้าเรียบนิ่งกำลังนั่งจิบกาแฟดำยามสายของวันภายในคฤหาสน์สุดหรู สายตาคมกริบไร้ซึ่งความหมายกำลังทอดสายตาออกไปด้านนอกกระจกบานใหญ่
จัสตินไม่ใช่ผู้ชายตื่นเช้าแต่การที่เห็นเขาในตอนเช้าเท่ากับว่าเขายังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน เพราะวันนี้เขามีนัดแข่งรถสำคัญ ไม่ใช่แค่ชัยชนะแต่มันคือศักดิ์ศรี ในเมื่อฝั่งตรงข้ามยื่นคำท้ามา เขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธ
"ไอ้คาลอสมันเล่นตุกติกแน่ครับวันนี้ ถ้านายลงแล้วมันเกิดตลบหลังเพื่อเอาคืนผมเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนายได้นะครับ"วินตันอดเป็นห่วงเจ้านายหนุ่มไม่ได้ เพราะคู่แข่งคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่ทุกคนรู้กัน ไม่เคยมีความใสสะอาดในชื่อของคาลอส และการที่คาลอสกลับมาท้าจัสตินอีกครั้งคงเป็นเพราะรอบที่แล้วเจ้านายของเขารู้ทันกลโกงของมันทำให้เอาชนะมาได้ถึงแม้ระหว่างการแข่งขันจะเกิดอุปสรรคมากมายก็ตาม
"หึ กูก็ไม่เคยคิดว่าคนอย่างมันจะแข่งแบบขาวสะอาดเหมือนคนอื่นอยู่แล้ว มึงไม่ต้องห่วงแค่ทำตามที่กูบอกก็พอ อีกห้านาทีให้คนเตรียมรถกูจะไปสนามแข่งเร็วหน่อย กูอยากเช็ครถด้วยตัวเองเพราะไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น วันนี้กูขี้เกียจขับรถไปเองเพราะรู้ว่าแข่งเสร็จคงได้แผลกลับมาไม่มากก็น้อย" จัสตินพูดอย่างยิ้มๆ ไม่ได้กลัวกับอันตรายที่จะเกิดขึ้นเลยสักนิด และยังรู้อีกว่าระหว่างการแข่งขันคงมีอุปสรรคหนักกว่าครั้งที่แล้ว ได้เห็นเลือดมันคือเรื่องที่น่าสนใจสำหรับเขาไปแล้ว