EP 5 : ภาพทับซ้อนในอดีต
พลั้งรักมาเฟียร้าย : ตอนที่ 5
2 ทุ่ม...@โรงพยาบาลเอกชน
ตึก ตึก ตึก
แฮ่ก แฮ่กๆ
เสียงฝีเท้าและเสียงหอบหายใจรัวๆของหญิงสาวร่างบางรีบวิ่งมาหาชายหนุ่มที่นั่งรออยู่บริเวณล็อบบี้ในโรงพยาบาล
"ขอโทษค่ะ เห็นไหมว่าทำพี่นนท์เสียเวลาจนได้ ไม่น่าปากพล่อยตอนเช้าเลย เฮ้อๆ" ฉันเห็นพี่นนท์มารอตั้งแต่หกโมงเย็นแล้ว และเขาก็นั่งรอฉันจนถึงสองทุ่ม ขนาดบอกให้เขากลับไปก่อนแต่เขาก็ไม่ยอม
"ไม่ต้องรีบพูดขนาดนั้น ให้หายเหนื่อยก่อน พี่บอกรอได้ก็คือรอได้ ยิ่งรู้ว่าคนตรงหน้ารีบวิ่งมาแบบนี้ยิ่งรอได้ใหญ่เลย"
"จริงๆเลยนะคะ ตามใจนับเหลือเกิน หัดตามใจตัวเองบ้างเถอะค่ะ"
"ก็พี่ทำตามใจตัวเองอยู่นี่ไง" อานนท์ระบายยิ้มให้กับหญิงสาว
"หยอดคำหวานกันอยู่นั่นแหละ จะพาไปกินข้าวไม่ใช่เหรอคะ แต่มื้อนี้นับขอเลี้ยงนะ โทษฐานที่ตัวเองมาสายและปล่อยให้พี่นนท์รอ ห้ามปฏิเสธค่ะ ถ้าปฏิเสธนับไม่ไปจริงๆด้วย" ฉันขู่เขาไว้ก่อนเพราะถ้าไม่พูดแบบนี้เขาก็จะไม่ยอมให้ฉันเลี้ยง
"โอเคๆ ไม่ต้องแยกเขี้ยวขนาดนั้น"
หมับ
ฝ่ามือหนาหยิกเข้าที่แก้มนวลด้วยความมันเขี้ยว
ฉันได้แต่นิ่งอึ้งไปกับการกระทำของพี่นนท์ เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้กับฉัน พอได้สติทั้งฉันและพี่นนท์พากันเดินมาที่ลานจอดรถของหมอ รถเบนซ์คันหรูจอดเด่นเป็นสง่า ฐานะของพี่นนท์ร่ำรวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยังมีอาชีพเป็นนายแพทย์หลักและยังเป็นอาจารย์หมอของโรงพยาบาลนี้อีกก็เรียกว่ารวยคูณสอง
ไม่นานรถเบนซ์คันหรูก็ขับมาจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งแค่ดูจากภายนอกก็บอกถึงความหรูหราออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ฉันไม่ได้ตกใจที่พี่นนท์พามาร้านอาหารหรู เพราะทุกครั้งที่เขานัดทานข้าวกันหลังเลิกงานก็มักจะเป็นร้านอาหารประเภทนี้ ฉันก็ไม่เคยปฏิเสธความตั้งใจของเขาทั้งที่ความจริงแล้วสำหรับฉันแค่ก๋วยเตี๋ยวโต้รุ่งหน้าโรงพยาบาลนั้นก็เพียงพอแล้ว โชคดีที่วันนี้ฉันสวมชุดเดรสทำให้เข้าไปกับร้านอาหารโดยปริยาย
เราทั้งคู่เดินเข้ามาในร้านก็ถูกต้อนรับไว้อย่างดีราวกับทุกคนรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ฉันกับพี่นนท์จะมาที่นี่ ทุกคนยิ้มแย้มต้อนรับกันอย่างเป็นมิตร บรรยากาศในร้านถูกตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีแดงสดดูโรแมนติกเคล้าคลอไปกับเสียงไวโอลินและเปียโนยิ่งเพิ่มบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกเข้าไปอีก ฉันสั่งอาหารไปแค่สองอย่างเพราะไม่ค่อยถนัดอาหารอิตาเลี่ยนสักเท่าไหร่ ทำให้หน้าที่นี้จะตกไปอยู่ที่ชายหนุ่มตรงหน้า
"ชอบร้านแบบนี้ไหม"
"นับอย่างไงก็ได้ค่ะ ไม่เรื่องมาก พี่นนท์พาไปไหนนับก็ชอบหมดนั่นแหละค่ะ"ฉันพูดพร้อมกับยิ้มบางๆให้เขา ถึงลึกๆแล้วฉันจะชอบร้านอาหารข้างทางมากกว่าแต่ก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธความตั้งใจของเขาเลย
"ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะครับ" พนักงานของร้านเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารด้วยท่าทางสุภาพ
เรากินอาหารร่วมกันท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก บรรดาพวกสเต๊กเนื้อพี่นนท์จะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆและมาใส่จานฉัน ยอมรับในความเป็นสุภาพบุรุษของเขาซะเหลือเกิน เพราะแบบนี้ฉันเลยไม่กล้าที่จะปฏิเสธความตั้งใจของเขา ความอ่อนโยนที่เขามอบให้ตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เราต่างพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่ง…
"นับดาว" อานนท์เรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยนทุกครั้งที่เรียกชื่อเธอ สายตาคมมองคนตรงหน้าด้วยความเสน่หา
"คะ?"
พรึบ
ร่างสูงลุกออกจากเก้าอี้ตัวเองและเดินเข้าไปหาหญิงสาวก่อนจะคลุกเข่าลงข้างๆเธอ
"พี่นนท์" ดวงตากลมโตเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ถึงกลับไปไม่เป็นกับการกระทำของเขา "ลุกขึ้นเถอะค่ะ"
"ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาพี่ตามจีบนับมาตลอด ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนพี่ก็ยังเสมอต้นเสมอปลายกับนับอยู่คนเดียว พี่เชื่อว่าตัวนับเองก็รู้ว่าพี่รู้สึกยังไง วันนี้เมื่อปีที่แล้วพี่ตกหลุมรักเด็กสาวคนหนึ่ง ในตอนที่เด็กผู้หญิงคนนั้นเข้าไปพูดคุยกับคนไข้ของพี่ที่ไม่ยอมรับการรักษา แต่เมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นเข้าไปพูดด้วยท่าทางใจเย็นและอธิบายการรักษาให้คนไข้ของพี่ฟัง โน้มน้าวทุกอย่างจนคนไข้คนนั้นยอมเข้ารับการรักษาจนทำให้คนไข้คนนั้นพ้นขีดอันตรายและเหมือนได้มีชีวิตใหม่ เชื่อไหมว่าพี่ได้ยินทุกคำพูดของเด็กผู้หญิงคนนั้น ถึงคนอื่นจะฟังเป็นเพียงคำพูดธรรมดา แต่ไม่ใช่สำหรับพี่เลย พี่มองนับเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น ที่เปลี่ยนไปสำหรับพี่คือนับไม่ใช่แค่น้องสาวแล้ว แต่เปลี่ยนไปเพราะพี่คิดกับนับดาวเกินคำว่าน้องสาวไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว ให้โอกาสพี่สักครั้งได้ไหมครับ เปิดใจให้พี่อีกสักครั้ง พี่สัญญาจะไม่ทำให้นับเสียใจเป็นอันขาด ยอมเป็นแฟนกับพี่ได้ไหมครับ"
ฉันมองคนตรงหน้าด้วยแววตาพร่ามัว มันจุกไปหมดกับคำพูดของเขา ฉันยอมรับว่าตัวเองก็มีความรู้สึกหวั่นไหวอยู่ไม่น้อยกับการกระทำของพี่นนท์ไม่ใช่แค่วันนี้วันเดียวแต่เป็นทุกครั้งที่เราเจอหน้ากัน ฉันกลัวการมีความรักซะเหลือเกิน กลัวว่าวันนึงถ้าฉันรักเขาเต็มหัวใจมันจะกลับไปเป็นแบบเดิม เรื่องราวเลวร้ายวันนั้นมันย้อนกลับมาฉันอีกครั้ง ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นลอยขึ้นมาทับซ้อนหน้าของใบหน้าพี่นนท์
"นับดาวยอมตกลงเป็นแฟนพี่ไหมครับ"
"ตกลงค่ะ นับยอมเป็นแฟนพี่จัสติน"
นักศึกษาแพทย์สาวชั้นปีที่ห้าตอบตกลงรุ่นพี่วิศวะต่างมหาวิทยาลัย ท่ามกลางเสียงเชียร์ในลานกว้างของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของนับดาว ซึ่งตอนนั้นจัสตินได้จบไปแล้วแต่ยังมาดูแลรุ่นน้องในคณะตามแบบฉบับรุ่นพี่คนสำคัญและเป็นวันที่เขาพาเธอมาดูการรับน้องของคณะวิศวะที่ตัวเองเคยเรียน แต่เธอไม่รู้มาก่อนว่าวันนี้เขาจะขอเธอเป็นแฟน ใบหน้าหวานแสดงออกถึงความรักและความสุขออกมาอย่างเปิดเผยเมื่อมีชายหนุ่มที่เธอรักคลุกเข่าอยู่ตรงหน้า และยังตามจีบเธอมาหลายเดือนจนในที่สุดเธอก็ยอมตกลงเป็นแฟนกับเขา รุ่นพี่หนุ่มวิศวะโผลเข้ากอดหญิงสาวร่างบางท่ามกลางเสียงปรบมือของรุ่นน้องในคณะวิศวะ ริมฝีปากหน้ากดจูบลงบนหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา