บท
ตั้งค่า

เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง(2)

หญิงสาวตอบสั้นๆอย่างถ่อมตัว อีกฝ่าย พยักหน้าพลางหรี่ตามองหญิงสาวอย่างสนใจม่านไหมเป็นคนบุคลิคดี แม้นัยน์ตาจะดูเศร้าแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เธอทดสอบภาษาเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งแน่นอนว่าม่านไหมทำได้เป็นอย่างดี

“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าคุณจะจบแค่มัธยมปลาย ภาษาคุณดีมาก ดีกว่าคนจบปริญญาเสียอีก”

“ก่อนหน้านี้ฉันเคยเรียนมหาลัยค่ะ แต่มีเหตุจำเป็นเลยเรียนไม่จบ”

หญิงสาวนึกเสียดาย ทั้งที่อีกแค่สองปีเธอก็จะเรียนจบแล้วแต่ดันเกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าใบหน้าเศร้าสลดลง ผู้สัมภาษณ์ก็เปลี่ยนเรื่องเพื่อทำลายบรรยากาศแปลกที่เริ่มก่อตัวขึ้น

“ปัจจุบันแต่งงานหรือยังคะ”

“ยังค่ะ แต่มีลูกแล้วค่ะ”

อีกฝ่ายพยักหน้าไม่ได้สอบถามอะไรที่ล้วงลึกกว่านี้เพราะกลัวว่าจะเสียมารยาทจนเกินไป

“เดี๋ยวยังไงจะโทรแจ้งผลนะคะ แต่จริงๆก็อยากให้เตรียมตัวเริ่มงานได้เลย”

ม่านไหมรู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูก หลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จ หญิงสาวก็เดินทางไปรับลูกสาวที่โรงเรียนก่อนจะพาเด็กๆไปเดินเล่นที่ตลาดใกล้บ้าน แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เด็กทั้งสองจะสร้างความวุ่นวายใจให้ผู้เป็นแม่อย่างมาก ม่านไหมจึงต้องพาลูกสาว ฝาแฝดปลีกออกมายังที่โล่ง

“คุณแม่เคยบอกแล้วใช่ไหมคะว่าถ้างอแง คุณแม่จะไม่พาไปเที่ยวไหนอีก”

“แต่หนูอยากได้ของเล่น”

มุกรินเอ่ยพร้อมใบหน้าบึ้งตึง ขณะที่มุกดาก็กระทืบเท้าเพราะอยากได้ห่วงยางเป็ดสีเหลืองราคาแพง แม้ว่าหญิงสาวจะมีเงินมากพอที่จะซื้อ แต่เธอเห็นว่ามันไม่จำเป็นจึงได้สอนลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม

“หนูยังเด็กอยู่นะคะ ไว้คุณแม่พาไปเที่ยวค่อยซื้อดีกว่านะ”

โชคดีที่มุกดานั้นเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เมื่อได้ฟังเหตุผลของผู้เป็นแม่แล้วก็สงบลง ต่างจากมุกรินที่ยังคงดึงดันจะเอาให้ได้

“มุกรินไม่อยากเป็นเด็กดีแบบมุกดาเหรอคะ”

เด็กน้อยชะงักเหลือบตามองฝาแฝดของตนก่อนพยักหน้าช้าๆ แม้จะอยากได้ของเล่นมากเพียงใด แต่เธอก็ยังอยากเป็นเด็กดีในสายตาของผู้เป็นแม่

“หนูไม่เอาก็ได้”

เด็กน้อยหน้าสลด หลุบตาลงอย่างเศร้าใจ ม่านไหมหยิบเงินออกมาก่อนจะยื่นให้ทั้งสองคนละใบ

“แม่ไม่ได้ห้ามหากหนูอยากได้ แต่ที่แม่ดุเพราะลูกงอแงและรบกวนคนอื่น”

หญิงสาวอธิบาย โชคดีที่เด็กทั้งสองฉลาดหลักแหลมจึงเข้าใจสิ่งที่ผู้เป็นแม่ต้องการสื่อ ทั้งสามกลับเข้าไปในตลาดอีกครั้ง เมื่อได้ในสิ่งที่พอใจแล้วเด็กน้อยก็อารมณ์ดีขึ้น

“รีบกลับกันเถอะลูก แม่ว่าฝนจะตกแล้วนะ”

ทั้งสามนั่งแท็กซี่กลับบ้าน แต่ลงรถไม่ทันไรเสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวก็ดังขึ้น

“สวัสดีค่ะ”

“คุณม่านไหมนะคะ โทรมาจากรงแรมแกรนด์ริเวอร์รอยัลค่ะ”

หัวใจหญิงสาวเต้นแรง เธอใจจดใจจ่อฟังเสียงจากปลายสาย

“คุณพร้อมเริ่มงานวันไหนคะ”

“ขอเวลาสักสองวันได้ไหมคะ”

“ไม่มีปัญหาค่ะ ยังไงวันแรกของการทำงานรบกวนสวมเสื้อเชิ๊ตสีชมพูอ่อนและกระโปรงทรงเอ สีดำนะคะ”

น้ำตาหญิงสาวเอ่อคลอ เธอคุกเข่ากอดลูกสาวทั้งสองด้วยความดีใจที่กำลังจะได้งานใหม่

“คุณแม่ได้งานใหม่แล้ว ไว้สิ้นเดือนคุณแม่จะพาพวกหนูไปเที่ยวสวนสัตว์นะคะ”

ม่านไหมเกี่ยวก้อยสัญญากับลูกสาวฝาแฝด หลังทานอาหารเสร็จเธอก็พาลูกทั้งสองไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน มุกรินและมุกดาหยิบหนังสือนิทานมาคนละเล่มเพื่อให้ผู้เป็นแม่อ่าน

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…”

เสียงหวานใสก้องกังวานเล่าเรื่องราวในหนังสือให้ลูกสาวทั้งสองฟังพร้อมทั้งยังทำเสียงเล็กเสียงน้อยในบางช่วง ทำให้เด็กๆหัวเราะด้วยความชอบใจ แต่อ่านไปได้ครึ่งเล่มเสียงนั้นก็เงียบลง เมื่อมองดูข้างกายก็พบว่าทั้งคู่หลับสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ แขนเล็กโอบกอดตุ๊กตาของตัวเองแน่น

“แม่รักลูกนะ”

เธอกระซิบข้างหูเด็กน้อยก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากเล็กแผ่วเบาอย่างรักใคร่

ม่านไหมยังคงตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวให้ลูกๆก่อนจะเดินทางไปหาเพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัยอย่างปารีณา แต่ทว่าเมื่อมาถึงหน้าบ้านกลับพบป้ายประกาศขาย โชคดีที่มีเบอร์โทรศัพท์กำกับไว้ หญิงสาวจึงไม่รอช้ารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาเพื่อนรักทันที

“ปลา เราเองไหม”

“ไหมจริงเหรอ แล้วเอาเบอร์มาจากไหน”

“เรามาหาปลาที่บ้านแต่ไม่เจอ”

หญิงสาวเอ่ยบอกเพื่อนก่อนชะเง้อมองด้านใน หญ้าขึ้นสูงเกือบเท่าเข่า ทั้งใบไม้ยังร่วงเกลื่อนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะร้างรามาเป็นเวลานานแล้ว

“พอดีเราแต่งงานแล้วย้ายมาอยู่ต่างประเทศ แล้วนี่ไหมเป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่ไหม”

“สบายดี ขอโทษนะที่ไม่ได้ติดต่อหาเธอเลย”

หลังจากที่เกิดเรื่องม่านไหมอก็ตัดสินใจหนีหายจากชีวิตของทุกคนรวมทั้งเพื่อนสนิทคนนี้ด้วย ม่านไหมยังคงรู้สึกผิดไม่หายแต่ถึงอย่างนั้นความคิดถึงทำให้เธออยากมาหาเพื่อนคนนี้

“ฉันคิดถึงแกมากๆ ไว้กลับไทยจะไปหานะ”

อีกฝ่ายเอ่ยก่อนขอตัวไปทำธุระ ม่านไหมรู้สึกสบายใจมากขึ้นที่อย่างน้อยเธอก็มีโอกาสได้เคลียร์ใจกับเพื่อนรักคนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่เธอต้องให้ความกระจ่างกับอีกฝ่ายโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปาลินและภูผา

ม่านไหมนั่งรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ ระหว่างรอรถมาเธอก็นั่งครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สี่ปีที่แล้วเธอกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สอง ในเวลานั้นเธอได้รู้จักกับ ปารีณาและปาลิน สองพี่น้องที่ชักจูงให้เธอได้รู้จักกับพี่ภูผาแต่หากหญิงสาวรู้ก่อนหน้าว่าการที่เธอเข้าไปสนิทสนมกับภูผาจะทำให้ชีวิตของเธอต้องยุ่งเหยิงขนาดนี้ เธอคงไม่คิดจะเฉียดเข้าใกล้ชายหนุ่มเด็ดขาด

แต่ทว่าอดีตนั้นไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไข เธอจึงพยายามลืมทุกเรื่องราวเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นเพื่อใช้ชีวิตต่อไปให้ได้

หญิงสาวเก็บกลืนความชอกช้ำซ่อนเอาไว้ส่วนลึกของจิตใจ แม้ว่าวันนี้เธอจะให้กำเนิดลูกของเขา แต่เธอก็ไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับภูผา

ม่านไหมพิงกระจกรถก่อนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จุดหมายปลายทางคือสถานที่ขายส่งเสื้อผ้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง หญิงสาวสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อไล่ความฟุ้งซ่าน

ตอนนี้ชีวิตของเธอกำลังจะดีขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นแล้วเรื่องทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นเธอจะพยายามลืมมันให้ได้ในสักวัน

หญิงสาวเลือกซื้อเสื้อผ้าโดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนกำลังยืนมองเธอจากที่ไกลๆ ชายหนุ่มผู้นั้นพยายามหรี่ตามองหญิงสาวที่เขารู้สึกคุ้นตาแต่เพราะเสียงเรียกของพี่สาว ทำให้เขาผละออกจากสิ่งที่สนใจก่อนเดินตามอีกฝ่ายไป

“มองอะไรอยู่น่ะ”

“น่าจะคนรู้จัก”

ภูผาเอ่ยตอบก่อนที่พี่สาวของเขาจะหัวเราะออกมา

“คงเป็นเรื่องตลกมาก ถ้าคนรู้จักของนายมาเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าที่นี่แทนที่จะเป็นช็อปแบรนด์เนม”

ว่าแล้วพี่งสาวก็หัวเราะ น้องชายของเธอเป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นถึงประธานบริหารโรงแรมชื่อดัง ไม่มีทางที่จะลดตัวลงไปคบค้ากับคนฐานะต่างกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel