ดวงใจของแม่(3)
ม่านไหมมีเงินเดือนไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ แต่เขามีเงินเดือนมากกว่าเธอเท่าตัว ทั้งหน้าที่การงานก็ดีกว่า วิทูรหลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็นจนถึงขั้นยอมหย่าขาดกับภรรยาที่คบหากันมานานกว่าสิบปี แม้หญิงสาวจะไม่ได้ร้องขอแต่เขาก็อยากพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าเขานั้นพร้อมที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อเธอ แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำนั้นยิ่งเพิ่มความน่ารังเกียจมากขึ้นเป็นทวีคูณ ม่านไหมไม่ได้ยินดีเลยสักนิดที่เธอเป็นต้นเหตุให้ภรรยาของวิทูรต้องถูกทอดทิ้ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่พ้นถูกประณาม ถูกใส่ร้ายว่าเป็นเมียเก็บของผู้จัดการหนุ่ม ทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่เคยคิดอะไรกับเขาและจะไม่มีวันคิด
“ขอตัวนะคะ ผู้จัดการ”
หญิงสาวเดินเลี่ยงเข้าไปในโรงงาน ทุกสายตาจ้องมองมายังเธอก่อนที่เสียงซุบซิบจะดังขึ้น เป็นเวลากว่าห้าเดือนที่ม่านไหมต้องอดทนต่อคำนินทาของผู้อื่น แต่จะทำอย่างไรได้ หากไม่ทนลูกทั้งสองคง อดตาย อีกอย่างเธอก็เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ทำให้ตอนนี้มีแค่วุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น จะหางานที่ไหนก็ยากแถมเงินเดือนยังน้อยจนน่าใจหาย
“ผู้หญิงบางคนนี่หน้าตาก็สะสวยเนอะ แต่ทำไมถึงไม่มีปัญญาหาผัวเองก็ไม่รู้”
สร้อยสุดาเป็นเพื่อนกับกับภรรยาของวิทูรและเป็นตัวตั้งตัวตีคอยแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ที่ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวลือทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เป็นฝีมืออีกฝ่ายทั้งสิ้น ม่านไหมเคยคิดอยากเอาเรื่อง แต่เมื่อเห็นความยุ่งยากของกระบวนการกฎหมายรวมทั้งค่าใช้จ่ายแล้ว เธอก็ได้แต่ยอมแพ้และจำใจยอมทนให้อีกฝ่ายดูถูกมานานหลายเดือน
“อยากรู้จริงๆว่าใช้แป้งยี่ห้ออะไร ทำไมถึงทำให้หน้าหนาได้ขนาดนี้”
ม่านไหมทำเป็นหลับหูหลับตาไม่สนใจเสียง นกเสียงกา เธอลงมือทำงานอย่างขยันขันแข็งทำให้เป็นที่รักของหัวหน้า แม้เพื่อนร่วมงานจะไม่ชอบก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็มีหัวหน้าอย่างรวีคอยอยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจ หลายครั้งที่ม่านไหมอยากจะ ลาออกเพราะทนความกดดันไม่ไหว แต่ก็มีรวีที่ช่วย ฉุดรั้งและเตือนสติเธอไว้
“ถ้าขยันทำงานได้เท่ากับขยันพูด ป่านนี้งานคงเสร็จไปนานแล้ว”
หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาก่อนที่เสียงเซ็งแซ่จะเงียบลง ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขยันขันแข็ง
“เดี๋ยวพี่ขอคุยด้วยหน่อยนะม่านไหม”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะวางมือจากงานและเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้องทำงาน ท่ามกลางสายตาไม่พอใจของพนักงานหลายคน ที่เห็นว่าหัวหน้าอย่างรวีมักจะลำเอียงคอยเข้าข้างม่านไหมเสมอ
“น่าหมั่นไส้จริงๆ”
สร้อยสุดาเหยียดริมฝีปากกพลางพึมพำด้วยความริษยา
ขณะนั้นภายในห้องรวียื่นซองสีขาวให้กับ ม่านไหม หญิงสาวรู้สึกงุนงงและไม่ได้รับไว้ในทันทีเพราะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นคืออะไร
“อะไรเหรอคะหัวหน้า”
หญิงสาวเอ่ยถามใจเธอเต้นตุ้มๆต่อมๆเมื่อเห็นสิ่งที่ถูกยื่นมาตรงหน้า หลายเดือนมานี้เธอถูกร้องเรียนนับครั้งไม่ถ้วนจากเรื่องไร้สาระ ทำให้ม่านไหมหวั่นใจกลัวว่าตัวเองจะถูกไล่ออกกะทันหัน เพราะกเธอกับลูกคงตกที่นั่งลำบากเป็นแน่
“นี่คือทุนการศึกษาของเด็กๆ พอดีฉันส่งเรื่องของเธอไปที่ฝ่ายบริหาร ท่านประธานใหญ่จากกรุงเทพจึงอยากมอบทุนให้น้องมุกดากับมุกริน”
รวีเห็นว่าม่านไหมนั้นต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและลูกทั้งสอง จึงได้ฝากเรื่องนี้ให้ทางฝ่ายบริหารพิจารณาช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ พร้อมทั้งแนบรูปเด็กหญิงทั้งสองไปด้วย และดูเหมือนว่าท่านประธานใหญ่จะเอ็นดูหนูน้อยทั้งสอง ถึงได้มอบทุนการศึกษาก้อนโตให้ หากบริหารดีๆเงินก้อนนี้จะส่งเด็กทั้งคู่ให้เรียนได้จนจบชั้นประถมเลยทีเดียว
ม่านไหมซาบซึ้งใจจนน้ำตาเอ่อ เธอยกมือไหว้ขอบคุณหัวหน้าสาวก่อนจะรับซองนั้นพับเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ
“ถ้าเธอลำบากยังไงก็บอกฉันได้ ฉันยินดีช่วยเหลือ”
แม้เงินเดือนรวีจะไม่เยอะมากมายแต่ก็พอให้หยิบยืมได้อยู่บ้าง ม่านไหมไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจอีกฝ่ายอย่างไรดี หลังเลิกงานหญิงสาวก็แวะรับลูกสาว ทั้งสองที่โรงเรียนก่อนเดินทางไปยังตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบทำขนมให้รวี
“คุณแม่ขา หนูมีอะไรจะอวดค่ะ”
ทันทีที่กลับถึงบ้าน มุกรินก็เอ่ยขึ้นก่อนจะเปิดกระเป๋านักเรียนและหยิบแฟ้มงานออกมา รูปทิวทัศน์ป่าเขาถูกระบายสีอย่างสวยงาม มีคะแนนเขียนกำกับเอาไว้เป็นเลขสิบตัวโต
“เก่งจังเลยค่ะลูก แต่หนูต้องเก่งได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน”
หญิงสาวเอ่ยกับลูกสาวก่อนจะรั้งอีกฝ่ายมานั่งตักและโอบกอดอย่างอ่อนโยน มุกดาที่เห็นว่าแฝดน้องได้รับคำชื่นชมจากผู้เป็นแม่ก็อยากได้บ้าง จึงหยิบสมุดของตัวเองออกมา เส้นลายจุดถูกลากมาบรรจบกันด้วยดินสอโดยไม่แตกแถวเลยแม้แต่น้อย ทำให้ผู้เป็นแม่นั้นอดไม่ได้ที่จะชื่นชมลูกสาวอีกคน
“มานี่มาลูกมา”
ม่านไหมโอบกอดลูกสาวทั้งสองก่อนที่จะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น แม้ว่าทุกวันนี้เธอต้องอดทนกับเพื่อร่วมงาน ถูกกดดันสารพัดอย่าง แต่เมื่อได้กอดยอดดวงใจทั้งสองแล้ว ความรู้สึกเหล่านั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง
“ขอบคุณที่เกิดมาเป็นลูกของแม่นะคะ”
“หนูก็ขอบคุณนะคะคุณแม่”
คำพูดไร้เดียงสานั้นทำให้หญิงสาวหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู สามแม่ลูกอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่ม่านไหมจะลงมือทำอาหาร
มื้อเย็นวันนี้เป็นอาหารง่ายๆอย่างไข่ตุ๋นและปลาทูทอด หญิงสาวบรรจงแกะเนื้อปลาอย่างเบามือ ดึงก้างชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ออกก่อนจะพลิกดูให้แน่ใจ อีกครั้งว่าไม่มีก้างแล้วถึงจะยอมวางลงบนจานข้าวของลูกสาวทั้งสอง
หลังมื้ออาหารผ่านไป เด็กทั้งสองก็เดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างมือ ม่านไหมชื่นใจเมื่อเห็นว่า ลูกสาวทั้งสองว่านอนสอนง่าย รู้จักรับผิดชอบตัวเอง