ดวงใจของแม่(2)
“ว้าว วันนี้มีไข่น้ำเหรอคะคุณแม่”
แฝดผู้พี่ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ ใช้ช้อนกลางตักน้ำซุปราดลงบนข้าว ม่านไหมหันมองลูกสาวทั้งสองก่อนจะยิ้มออกมา เธอเริ่มฝึกเด็กๆให้กินข้าวเองตั้งแต่อายุสามปี ทั้งยังฝึกให้ล้างจาน แม้จะไม่สะอาดมากนักแต่ทั้งสองก็ทำได้ดี
“ใช่ค่ะ คุณแม่อยากให้หนูกินข้าวเยอะๆ จะได้ไม่ต้องกินแต่ขนม”
หญิงสาวเอ่ยก่อนจะวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ รวมทั้งฝรั่งที่ฝานเป็นชิ้นบางสำหรับตบท้ายมื้ออาหาร เวลาใกล้จะเจ็ดโมงเต็มที ม่านไหมจึงรีบนำจานชามไปใส่กะละมังเพื่อรอกลับมาล้างตอนเย็น
“เดี๋ยวคุณแม่มารับนะคะลูก”
ม่านไหมเอ่ยบอกลูกสาวทั้งสองก่อนจะหอมแก้มนุ่มคนละที เด็กหญิงฝาแฝดสลับกันกอดผู้เป็นแม่ก่อนจะจูงมือเดินเข้าห้องเรียน หญิงสาวมีความสุขทั้งยังมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น เธอรีบดูนาฬิกาก่อนจะโบกเรียกวินมอเตอร์ไซต์ให้ไปส่งที่โรงงาน ซึ่งเป็นที่ทำงานของเธอ
“น้องไหมมาแล้วเหรอจ๊ะ”
ม่านไหมฝืนยิ้มก่อนยกมือไหว้ชายร่างท้วมตรงหน้า สายตาโลมเลียจ้องมองหญิงสาวอย่างเปิดเผยทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก
“วันนี้ว่างไหมจ๊ะ พี่อยากชวนไป….”
ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยจบ คนถูกถามก็รีบปฏิเสธสวนไปทันที
“ไม่ว่างค่ะ”
วิทูรมีสีหน้าผิดหวัง เขาถอนหายใจยาวเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นไม่เปิดโอกาสให้เขาเสียที ทั้งที่เขาก็เลิกกับภรรยาแล้ว แต่ม่านไหมก็ยังไม่ยอมเปิดใจ ชายหนุ่มจนปัญญาไม่รู้จะทำวิธีใดถึงจะได้ครอบครองหญิงสาว
“พี่ไม่รังเกียจเลยนะที่ไหมมีลูกมาก่อน และพี่ก็ยินดีที่จะดูแลไหมกับเด็กๆ”
ม่านไหมมีเงินเดือนไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ แต่เขามีเงินเดือนมากกว่าเธอเท่าตัว ทั้งหน้าที่การงานก็ดีกว่า วิทูรหลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็นจนถึงขั้นยอมหย่าขาดกับภรรยาที่คบหากันมานานกว่าสิบปี แม้หญิงสาวจะไม่ได้ร้องขอแต่เขาก็อยากพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าเขานั้นพร้อมที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อเธอ แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำนั้นยิ่งเพิ่มความน่ารังเกียจมากขึ้นเป็นทวีคูณ ม่านไหมไม่ได้ยินดีเลยสักนิดที่เธอเป็นต้นเหตุให้ภรรยาของวิทูรต้องถูกทอดทิ้ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่พ้นถูกประณาม ถูกใส่ร้ายว่าเป็นเมียเก็บของผู้จัดการหนุ่ม ทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่เคยคิดอะไรกับเขาและจะไม่มีวันคิด
“ขอตัวนะคะ ผู้จัดการ”