บทที่ 7
แต่ขณะเดียวกัน บริกก็ระแวงถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้น บาร์ทุกแห่งในเมืองเล็กๆเช่นนี้ย่อมจะต้องมีโควตาสำหรับการดื่มฟรีหรือนอนกับอีตัวได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ไม่ว่าจะเคารพนับถือกันสักแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นที่ยอมรับกันหรือไม่ก็ตาม ทรูดี้ตกอยู่ในประเภทหลัง นอกเสียจากครั้งแรกเท่านั้นที่เขาไม่ต้องจ่ายค่าตัวให้หล่อน อันที่จริงทรูดี้เป็นผู้หญิงที่มีน้ำใจคนหนึ่ง รู้จักการ”ให้” และอาจจะหาลำไพ่พิเศษสักแค่ไหนก็ได้ เพียงแต่หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงประเภทสำส่อนเท่านั้น ซึ่งถ้าหล่อนเป็นผู้หญิงประเภทนั้น บริกก็คงอดดูถูกไม่ได้
“เอาเบียร์อีกสักแก้วสิ” ทรูดี้รินเบียร์ใส่ลงในแก้วก่อนที่บริกจะทันปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยักไหล่เบาๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งต่อที่สตูล
ส่วนทรูดี้ก็เดินกลับไปหลังเคาเตอร์ ที่ยังมีขวดเหล้าวางรอมือให้จัดอยู่
“ฤดูหนาวปีนี้มันหนักหนาเอาการเลยนะ ใครต่อใครแย่ไปตามๆกัน” หล่อนว่า ก่อนจะดึงขวด 2 ใบออกมาจากใต้เคาเตอร์ เอาใบหนึ่งเหน็บเข้าใต้รักแร้ “แจ๊ค ฟิลด์ มาที่นี่เมื่อเดือนที่แล้ว เห็นบอกว่าหญ้าแห้งหมดตั้งแต่เดือนมีนาฯแล้ว”
“ของผมยังเหลือตั้งแยะ พายุหิมะเดือนพฤษภาฯมันฆ่าลูกวัวทิ้งเสียหลายตัว” เบียร์อึกแรกดูจะผ่านลำคออย่างลำบากยากเย็น “ผมเสียปศุสัตว์ไปอย่างน้อยก็ 2ใน 3ทีเดียว”
“โอ..บริก..!” หล่อนเอี้ยวตัวมามองเขาอย่างเห็นใจ มีแววแปลกๆจุดขึ้นในดวงตา
“ก็อย่างที่คุณพูดไงล่ะว่า ปีนี้มันทำเอาใครต่อใครย่ำแย่ไปตามๆกันเลย” เสียงพูดของเขาออกจะแปร่งอยู่ไม่น้อย
บริกกดก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ย จับตามองทรูดี้ที่กลังไต่ขึ้นไปบนบันไดเตี้ยๆเพียง 2 ขั้น คุกเข่ายันตัวไว้กับเคาเตอร์เพื่อจะเอื้อมมือให้ถึงชั้นที่วางขวดเหล้าหลังบาร์ ชายกระโปรงสีดำถลกรั้งขึ้นจนถึงต้นขา ความสนใจของเขาดูจะอยู่ตรงแก้มก้นรูปหัวใจที่ลาดโลมลงมาสู่ต้นขาที่อวบสล้าง ความรู้สึกปั่นป่วนภายในเกิดขึ้นอีกครั้ง
ดูจะเป็นช่วงขณะหนึ่งเต็มๆกว่าที่บริกจะทันรู้ตัว ว่าทรูดี้กำลังเอี้ยวตัวมาจ้องมองเขาอยู่ บริกจึงได้ละสายตาจากเป้าที่น่าสนใจนั้นเสีย ประกายรุ่งโรจน์ราวเปลวไฟสว่างวาบอยู่ในดวงตาของหล่อนและบริกก็เพิ่งสังเกตเห็นทรวงอกหนั่นเนื้อ ที่กำลังสะท้อนขึ้นลงตามแรงหายใจอยู่ ทรูดี้กำลังกระชับเสื้อที่เผยออ้าออกให้เข้าที่ก่อนจะไต่กลับลงมา
“ที่คุณจะเดินทางไปนิวยอร์กครั้งนี้ จำเป็นไหมคะว่าจะต้องออกเดินทางทันที?” หล่อนถามเสียงแผ่วเบาเหมือนเสียงลมหายใจของตัวเอง
“ก็ไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมานี่ถ้าจะเลื่อนเวลาออกไปอีก”
“แม้แต่แค่พรุ่งนี้น่ะหรือคะ?” และโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตั้งตัว เธอปรายตาไปทางผู้ชายสองคนที่ยังคงนั่งคุยกันอยู่ที่บาร์ “เอ้อ..คุณสองคนนั่นต้องการอะไรอีกไหมคะ?”
ผู้ชาย 2 คนเงยหน้าขึ้นจากการขีดเขียนอะไรบางอย่างลงในกระดาษเช็ดมือ คนหนึ่งสั่นศีรษะขณะที่อีกคนหนึ่งตอบว่า “ไม่”
“ฉันจะเข้าไปเอาของที่ห้องข้างหลังมาเพิ่มนะคะ ถ้ามีใครเข้ามาช่วยตะโกนเรียกหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ” คนหนึ่งตอบแทนเพื่อน
ดวงตาคู่สีฟ้าของทรูดี้จ้องจับอยู่ที่ใบหน้าของบริกเงียบๆ
“คุณจะเข้าไปช่วยฉันยกถังเบียร์หน่อยได้ไหม?”
แทนคำตอบบริกยืดร่างขึ้นจากสตูล เดินอ้อมไปทางด้านหลังเคาเตอร์ ทรูดี้เดินนำเขาเข้าไปทางประตูที่เปิดออกสู่ห้องทางด้านหลังและหยุดรอปิดประตูให้ หลังจากที่บริกเดินล่วงหน้าเข้าไปแล้ว ท่าที่หล่อนยืนรอนั้นคล้ายจะจงใจให้เขาได้สัมผัสเสียดสีกับร่างของหล่อนเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ เขาสัมผัสได้ถึงอาการสั่นระริกจากเรือนร่างนั้น กลิ่นโคโลญจ์ราคาถูกกรุ่นมาจากเรือนร่าง และแล้วเขาก็ขานตอบสัญญาณลับๆที่ทรูดี้ส่งมาให้ ซึ่งการทำเช่นนั้น ทำให้บริกเหมือนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นระทึกอยู่ในอก..หลังจากที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บของฤดูหนาวมานาน ความปรารถนาที่ลึกลับนั้น สามารถที่จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นได้อย่างง่ายดาย
“ถังเบียร์อยู่ตรงนั้น” ทรูดี้ชี้มือไปตรงมุมที่สลัวสุดของห้อง
แต่ปลายนิ้วของเขากลับแตะลงตรงข้อศอกของหล่อน เหมือนจะหยุดยั้งไว้
“ชั่งหัวไอ้ถังบ้านั่นเถอะน่า”
เขาอนุญาตให้หล่อนใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่จะขัดขืน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทรูดี้จะไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่นอน และแล้ว..เขาก็หมุนร่างหล่อนเข้าสู่วงแขน ลืมไปแล้วว่าร่างของทรูดี้นั้นเตี้ยกว่าเขาแค่ไหน ขณะก้มลงไปหาริมฝีปากสีแดงสดที่เผยอรอรับจูบของเขาอยู่ก่อนแล้ว
เลือดในกายของบริกเดือดพล่านขึ้นมาทันที เมื่อทรูดี้เบียดร่างเข้ามาแนบกาย ทรวงอกนุ่มเนื้อทาบทับอยู่กับอกเสื้อ เสียงครางแผ่วดังมาจากทรูดี้ยามที่หล่อนยกมือขึ้นโอบรอบคอเขาไว้แน่น ลิ้นชุ่มชื้นกระหวัดซอกซอนอยู่ในปากของกันและกัน ความเร่าร้อนของทรูดี้ที่แสดงออก เปรียบไม่ได้กับอารมณ์เหี้ยมโหดในธรรมชาติของเขา บริกตอบสนองไฟปรารถนาที่เร่าร้อนนั้นด้วยการขยี้จูบอย่างรุนแรงลงบนริมฝีปากของหล่อน จนถึงขณะหนึ่งที่รู้สึกถึงแรงโน้มตรงต้นคอที่ถูกกดกระชับ บริกจึงได้เงยหัวขึ้นเพื่อผ่อนคลายตัวเองบ้าง กระนั้นลมหายใจของเขาก็ยังหอบกระชั้นด้วยอารมณ์เร่งเร้าที่เกิดขึ้นภายใน ทรูดี้นั้นสั่นเทาไปทั้งตัว ปลายนิ้วที่สั่นสะท้านปลดดุมเสื้อตรงหน้าอกเขาออก ซุกใบหน้าอยู่กับแผงขนตรงแผงอกนั้น
“คุณอย่าเพิ่งไปวันนี้เลยนะคะบริก” หล่อนอ้อนวอน “พรุ่งนี้ก็ยังทันนี่คะ ฉันต้องอยู่ทำงานที่นี่อีกแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น”
ริมฝีปากของหล่อนกดจูบอยู่กับแผงอกเขา นุ่มเนื้อเนินทรวงของทรูดี้ บัดนี้เป็นสีแดงก่ำเหมือนถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟร้อนแรง แม้อากาศภายในห้องนั้นจะเย็นชื่น แต่บริกก็รู้สึกว่าหยาดเหงื่อเนื้อตัว ฝ่ามือของเขาโลมไล้อยู่บนช่วงไหล่ที่เนียนละไมไล้เรื่อยลงไปตลอดแผ่นหลังจนถึงแก้มก้น และแล้ว เขาก็รั้งสะโพกของเธอเข้ามาแนบชิดกับหน้าขา รวดร้าวไปทั่วสรรพางด้วยไฟอารมณ์ที่กำลังคุโชนขึ้นเผาผลาญ
เมื่อทรูดี้เงยหน้าขึ้นนั้น ก็พบว่าเขากำลังจรดจ้องอยู่กับริมฝีปากสีแดงสดของหล่อน
“อยู่ก่อนนะคะบริก” เสียงพูดนั้นวอนเว้า “มันนานเหลือเกินแล้ว”
“ไม่เขื่อหรอก” เขาพยายามจะไม่แสดงความสงสัยที่ว่า ใครกันที่นอนกับหล่อนมาก่อนหน้านี้
“ไม่ใช่ค่ะ..กับคุณแล้วมันแตกต่างกว่ากันมากทีเดียว” ทรูดี้ทำเสียงคล้ายอุทธรณ์ “คุณพิเศษกว่าใคร ฉัน..เอ้อ..คุณก็รู้นี่คะ”
“ใช่..ใช่..ผมรู้” เขาตอบอย่างไม่สู้จะเป็นสุขนัก
อาการแข็งขืนของทรูดี้ดูจะคลายลง ราวกับหล่อนจะละลายเข้าไปอยู่ในร่างของเขา
“เร็วสิคะบริก..เดี๋ยวนี้เลย..!”เสียงนั้นกระเส่าออดอ้อน มือไม้ไขว่คว้าอยู่กับอกเสื้อของเขา
กระโปรงเข้ารูปที่ฟิตจนพอดีตัวออกจะไม่เป็นใจด้วย เขาเพิ่งจะเลิกมันขึ้นไปได้แค่สะโพกก็พอดีกับมีเสียงเรียกมาจากภายนอก
“ทรูดี้ มีแขกเข้าร้าน..!”
ทรูดี้ตัวแข็งขึ้นมาทันที แต่บริกสั่งเสียงเข้มว่า
“ช่างหัวมัน..!”
“ไม่ได้ค่ะ” หล่อนสะบัดตัวออกจากวงแขนที่รัดรึงเหมือนท่อนเหล็กทันที “เดี๋ยวเขาส่งใครเข้ามาตามละแย่เลย ปล่อยฉันก่อนค่ะบริก..ได้โปรดเถอะ”
บริกพ่นคำสบถหยาบๆออกมาทันที ปล่อยแขนลงจากร่างหล่อน เขากำลังรู้สึกหนักหนากับอารมณ์ดิบนั้น ซึ่งเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ยากนักที่จะควบคุมให้มันสงบลงได้ง่ายๆ ทรูดี้เองก็รีบร้อนจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ทาง ลูบผมลวกๆ ปรายตามองหน้าบริกเหมือนจะขอโทษก่อนจะรีบรุดออกไปจากห้อง
แต่บริกก็ไม่อาจตามหล่อนออกไปได้ในทันทีทันใด..ยังออกไปไม่ได้แน่ โดยเฉพาะเมื่อสัดส่วนแห่งความเป็นชายยังแข็งตัวอยู่เช่นนี้ เขาเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าช้าๆรอยลิปสติกสีแดงสดติดอยู่บนหลังมือ เขาดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าหลัง เช็ดปาก เช็ดมือจนสะอาดแล้วจึงได้เอาผ้ายัดใส่ไว้ที่เดิม
บริกยังต้องใช้เวลาอยู่อีกหลายนาทีกว่าจะกลับออกไปที่บาร์ได้ ก่อนจะออกจากห้องเขามองหาลังเบียร์ เมื่อพบแล้วก็แบกมันขึ้นบนไหล่เดินออกประตูไป ทรูดี้ออกจะวิตกอยู่ไม่น้อย แต่สายตาที่ทอดมายังเขานั้นเปี่ยมไปด้วยความบูชายิ่งนัก
“จะให้วางตรงไหนล่ะ?”
“เอาวางไว้ตรงนั้นก่อนก็ได้” หล่อนชี้มือไปยังช่องว่างใต้เคาเตอร์ใกล้กับก๊อกน้ำ หลังจากวางถังเบียร์เข้าที่แล้ว บริกก็เดินอ้อมเคาเตอร์ออกมานั่งที่สตูลตัวเดิม ยกแก้วเบียร์ที่รินไว้ขึ้นดื่ม
“เบียร์คงชืดหมดแล้ว เดี๋ยวฉันรินให้ใหม่นะ” หล่อนพูดอย่างเอาใจ
“อย่าลำบากเลย” บริกตอบสั้นๆ เพราะเบียร์เพียงแก้วเดียว ย่อมไม่อาจดับความกระหายอันลึกล้ำที่เขากำลังเป็นอยู่แน่ หลังจากวางแก้วแล้วเขาก็ทำท่าจะเดินออกจากร้าน
“นั่นคุณจะไปไหน?” ทรูดี้ถลันออกมาจากหลังเคาเตอร์กั้นหน้าเขาไว้
“ไปเดินเล่น” เขาตอบห้วนๆ..อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของหล่อนเสียทีเดียว แต่เขายังไม่อาจคลายปมที่ขมวดอยู่ภายในได้
“แล้วจะกลับมาไหม?” ทรูดี้สอดส่ายสายตามองหน้าเขาอยู่ราวจะค้นหาคำตอบ
“ยังไม่รู้เลย” บริกกำลังต่อว่าตัวเอง.. ไม่ควรเลยที่จะมาพักตรงจุดแรกนี้ เขาอาจจะเหลือระยะทางอีกเพียงแค่ 30 ไมล์เท่านั้นก็จะถึงไอดาโฮ ฟอลล์ ถ้าไม่มัวไถลเสียที่นี่ และนั่นก็ย่อมหมายความว่าใกล้นิวยอร์กพอสมควรแล้ว
นิวยอร์ก สถานที่ที่อาจจะบันดาลให้งานที่เขาทำตลอดเวลา 14 ปี มั่นคงปลอดภัยขึ้น หรือไม่เช่นนั้นก็อาจจะพังพินาศไปจนหมดสิ้นได้และในนาทีนั้น ความสำคัญของมัน ดูจะมีอานุภาพเหนือความปรารถนาที่เปล่าดายอยู่ในเวลานี้
ทรูดี้เอื้อมมาจับมือเขาไว้และอะไรบางอย่างก็ถูกยัดใส่เข้ามาในอุ้งมือ..
“บ้าน่ะ ทรูดี้” บริกกราดเกรี้ยวเข้าใส่หล่อนทันที ที่มาบังคับให้ต้องรับในสิ่งที่ไม่อาจจะยังความพอใจได้ในบัดดล
“กุญแจบ้านฉันเองค่ะ” หล่อนพูดเรียบๆ “ฉันมีอยู่ดอกเดียวเท่านั้นนะ คุณไปคอยฉันที่บ้านก่อนได้ไหม เดี๋ยวฉันเลิกงานแล้วจะรีบกลับไปทันที?”
มือที่ถือกุญแจดอกนั้นไว้กำแน่น จนเหมือนการเกร็งกำปั้น แต่แล้วเขาก็พยักหน้าตกลงใจ..บริกเดินต่อไปทางประตูและคราวนี้ทรูดี้ก็ไม่ได้ขัดขวางอีก..