ตอนที่ 7 ความจริงที่ไม่เคยรู้
อาจูหันมามองหน้าพระสนมเล็กน้องเมื่อนางเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น ด้วยความนึกสงสัยเพราะอาจูเองก็อยู่ด้านนอก ไม่ทันเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น
“พระสนม…แม่นางเซียงผู้นั้นกับท่านอ๋องออกศึกด้วยกันตั้งแต่ท่านอ๋องยังเป็นแม่ทัพอยู่เพคะ จะว่าไปแม่นางหลานเองก็เช่นกัน นางรู้สึกชอบท่านอ๋องไม่ต่างกับพี่สาวนาง….!!…”
“พี่สาว??”
หลินเย่หันไปมองหน้าอาจูที่หลุดพูดออกมาเอง นางไม่ถามตรงๆ แต่นางเริ่มรู้วิธีที่จะคุยกับอาจูแล้ว
“เฮ้อ เช่นนี้ท่านอ๋องของพวกเจ้าคงปวดหัวหน่อย ในเมื่อพี่น้องต่างรักผู้ชายคนเดียวกัน เรื่องนี้คงน่าปวดหัวอีกนาน ขอเพียงไม่วุ่นวายมาถึงข้าก็พอ”
“พระสนมจะพูดเช่นนั้นหาได้ไม่นะเพคะ พระสนมหลานคนพี่สิ้นไปแล้ว พระองค์ก็ทรงทราบมิใช่หรือเพคะ ก่อนที่พระองค์จะมาที่นี่”
หลินเย่มองหน้าอาจูและทำเป็นว่ารู้เรื่องนี้ดี นางเริ่มคิดอย่างรวดเร็ว คุ้นๆว่ามีเรื่องเช่นนี้เหมือนกัน พี่สาวนางตายเพราะถูกอ๋องชั่วกับองค์หญิงจินสืออิงโยนความผิดที่ฆ่าพระสนมอีกคน แต่นางจำไม่ได้ว่าพระสนมผู้นั้นคือใคร ที่แท้ก็เป็นสนมหลานพี่สาวของหลานมู่เอ๋อร์นี่เอง
“แต่ว่าเรื่องนี้ท่านอ๋องของพวกเจ้าเป็นคนโยนความผิดให้ผู้อื่นรับผิดชอบไปแล้วนี่”
“ท่านอ๋องของพวกหม่อมฉันงั้นหรือเพคะ พระสนมเข้าใจผิดแล้ว พระสนมคงหมายถึงอ๋องคนเก่า หยวนซื่ออ๋องสินะเพคะที่ร่วมกับพระสนมจินใส่ร้ายแม่นางที่มาจากชุนฮัวจนนางถูกตัดหัว แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านอ๋องเฟิ่งนะเพคะ”
“เจ้าว่าอะไรนะ!! อ๋อง…ไม่ใช่ หมายถึง นี่เจ้ากำลังพูดว่า ท่านอ๋องมีสองคนงั้นหรือ”
“พระสนม พระองค์ไม่ทราบเรื่องนี้หรือเพคะ”
“อาจู เจ้าช่วยเล่าเรื่องนี้อย่างละเอียดได้หรือไม่”
“หากพระองค์ไม่ทราบก็อาจจะไม่แปลกนะเพคะ เพราะเรื่องที่ท่านอ๋องเฟิ่งจื่อหลิงยึดอำนาจการปกครองเป็นเรื่องภายในที่ทำอย่างรวดเร็วออกคำสั่งโดยฮ่องเต้โดยตรง ตอนนั้นท่านอ๋องเฟิ่งยังเป็นแม่ทัพเฟิ่งประจำอยู่ชายแดนทางเหนืออยู่เลยเพคะ”
“หยวนซื่ออ๋อง….กับอ๋องเฟิ่งจื่อหลิงงั้นหรือ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“พระสนมเพคะ ท่านอ๋องเฟิ่งพึ่งได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ก่อนพระสนมจะเดินทางมาถึงฉีโจวเพียงห้าวันเท่านั้นเองเพคะ”
“เช่นนั้น นี่คือเรื่องที่แม่นางหลานพูดเมื่อครู่ ท่านอ๋องเฟิ่งไม่เหมือนหยวนซื่ออ๋องนางพูดถึงท่านอ๋องคนก่อน”
“เพคะ แม่นางหลานถิงอันเป็นคนรักของท่านอ๋องเฟิ่งมาก่อนเพคะ”
“คนรักงั้นหรือ แต่ว่าแม่นางหลานเมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่านางเป็นน้องสาวของสนมหลาน แล้วนางรักบุรุษคนเดียวกับพี่สาว…”
“เรื่องนี้…หลังจากพระสนมหลานเข้าวังมาโดยที่ท่านอ๋องเฟิ่งไม่ทราบ นางถูกบังคับเพคะ สุดท้ายก็ถูก…เอ่อ…”
“เจ้าพูดมาเถอะ เจ้าพูดมาขนาดนี้แล้วข้าไม่ว่าอะไรเจ้าหรอก”
“พระสนมจินกับหยวนซื่อวางแผนวางยาสนมหลานให้นางยินยอมถวายตัวกับหยวนซื่ออ๋องสุดท้ายหยวนซื่อก็ขืนใจพระสนมหลานได้สำเร็จเพคะ หลังจากนั้นพระสนมจินเกิดความระแวงกลัวว่าจะถูกแย่งความรักไป จึงวางแผนฆ่าพระสนมหลานจนเป็นเหตุให้หาแพะรับบาป หยวนซื่ออ๋องกลัวว่าจะมีเรื่องกับชุนฮัวจึึงสั่งประหารสตรีที่ปรึกษาของพระสนมจินแทนเพคะ”
หลินเย่ทั้งอึ้งและตกใจกับเหตุการณ์ที่นางได้ฟัง ในตอนนี้นางเริ่มสับสน นางไม่รู้มาก่อนว่าคนที่นางแต่งงานและพยายามจะฆ่าเขานั้นเป็นคนละคนกับที่ฆ่าพี่สาวนาง
หากวันนี้นางไม่ไปพบเขานางก็คงจะไม่ทราบความจริง แล้วเขาเองก็คิดว่านางเป็นองค์หญิง เป็นน้องสาวของคนที่ฆ่าคนรักของเขา ทั้งคู่เลยเกลียดกันตั้งแต่แรกพบจนถึงตอนนี้
“เช่นนั้น….หยวนซื่ออ๋องผู้นั้น....”
“ถูกประหารเสียบประจานไปเมื่อสองเดือนก่อนเพคะ ชาวบ้านต่างพากันนำหินและสิ่งของขว้างปาเขาตั้งแต่ถูกนำตัวออกจากคุกไปยังลานประหาร แม้กระทั่งศีรษะของเขาที่เสียบอยู่ก็ไม่ละเว้น ถูกชาวบ้านขว้างปาสิ่งของใส่จนมองไม่ออกว่าเป็นผู้ใดเลยเพคะ”
“เรื่องนี้ เหตุใดไม่มีผู้ใดบอกข้าเลย”
“นั่นเพราะ…เรื่องทั้งหมดน่าจะเกิดขึ้นตอนที่พระองค์เดินทางมาที่นี่ ข่าวน่าจะยังไม่ถูกส่งไปที่ชุนฮัวของพระองค์เพคะ พระสนม ที่พระองค์บาดเจ็บคงเพราะท่านอ๋องโกรธแค้นท่านแทนพระสนมหลาน เรื่องนี้…”
“ข้าเข้าใจแล้วอาจู เจ้าอย่าคิดมากเลยนะ เรื่องนี้ข้าจะไม่บอกใคร”
“อาจูจะดูแลท่านอย่างดีเพคะ พระสนมอย่าได้ทรงกังวลพระทัยไปเลยนะเพคะ ท่านอ๋องแต่เดิมเป็นแม่ทัพหนุ่มที่เก่งกาจรักราษฎรและทำเพื่อบ้านเมือง ชาวฉีโจวต่างยกย่องพระองค์เป็นวีรบุรุษที่กอบกู้ฉีโจวคืนจากหยวนซื่อ”
“เขาคงรักพระสนมหลานผู้นั้นมากสินะ ถึงได้รอแก้แค้นข้าถึงขนาดนี้”
“พระสนมเพคะ ท่านอ๋องมิได้ละเลยพระองค์นะเพคะ เพียงแต่….พระสนมหลานถูกพาเข้าวังลับหลังตอนที่ท่านอ๋องเฟิ่งออกศึก ตอนกลับมาก็พบว่านางตายแล้ว เขาจึงได้แค้นใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรพระสนมหลานได้เพคะ นี่คือเรื่องที่ท่านอ๋องรู้สึกผิดกับสกุลหลานมากที่สุด ดังนั้น…แม่นางหลานมู่เอ๋อร์จึงได้…..”
“เช่นนั้นเขาก็ควรรับนางมาเป็นพระสนมแทนพี่สาวของนางเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดนี้สิ เหตุใดยังไม่ยอมปล่อยข้าไปอีก”
“พระสนม….แต่ว่าท่านอภิเษกเข้ามาอย่างถูกต้องตามประเพณีนะเพคะ”
“นั่น…”
นางจะพูดได้อย่างไรว่านางมิใช่องค์หญิงจินลั่วเฟย นางเป็นเพียงบุตรสาวท่านแม่ทัพของชุนฮัวเท่านั้น เรื่องนี้นางพลาดไปแล้ว พลาดทั้งที่คิดว่าสืบมาจนรู้แน่ชัดแล้วว่าเป็นอ๋องชั่ว
แต่เมื่อมาถึงกลับนึกไม่ถึงว่าอ๋องชั่วผู้นั้นถูกท่านอ๋องอีกคนกำจัดไปก่อนหน้าที่นางจะมาถึงเพียงห้าวัน แล้วเขายังคิดว่านางเป็นน้องสาวของคนที่ฆ่าคนรักของเขาอีกด้วย
“อาจู ข้าอยากจะพักผ่อนเสียหน่อยเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“เพคะพระสนม”
นางเริ่มนึกถึงเรื่องตั้งแต่วันส่งตัวเข้าหอ หากวันนั้นนางรู้ก่อนว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คงจะบอกเขาไปตรงๆและขอให้ปล่อยตัวนางไป
พวกเขาทั้งคู่ไม่ควรจมอยู่กับเรื่องแก้แค้นจนลืมสืบให้แน่ใจก่อนว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นคนร้าย แต่ตอนนี้นางในสายตาเขาคือศัตรูที่มีพี่สาวเป็นผู้ฆ่าคนรักของเขา
“เช่นนั้นหากเขาจะฆ่าข้าก็ไม่ผิด แต่คนที่ข้าตั้งใจจะมาฆ่ากลับถูกเขาฆ่าไปแล้ว แล้วข้าจะทำอย่างไรเล่า”
นางควรจะยอมรับไปตรงๆว่านางไม่ใช่องค์หญิงแล้วให้เขาส่งตัวกลับไป หรือยังต้องแสดงเป็นองค์หญิงก่อนและค่อยหาทางกลับไปหาพี่ชายที่ชายแดนชุนฮัวดี
“เช่นนั้นก็ต้องคิดหาทางหนีออกจากตำหนักนี้ให้ได้ก่อน ใช่แล้ว ต้องหนี”
หลินเย่เผลอคิิดมากไปเรื่อยเปื่อยจนเผลอหลับไปที่เตียงของนาง โดยไม่รู้ว่ามีคนเข้ามาในห้อง เขายืนมองหน้านางยามหลับที่ดูไร้พิษสงตรงหน้า เมื่อครู่เขายังจูบกับนางในห้องทรงงานอยู่ สัมผัสนั้นทำให้เขาไม่อาจลืม กว่าจะรู้ตัวก็เดินมาหยุดตรงหน้าตำหนักของนางแล้ว
“หยางหลินเย่ ข้าควรทำอย่างไรกับเจ้าดี”