Chapter 5 : เก็บตัวบำเพ็ญเพียร
Chapter 5
'เก็บตัวบำเพ็ญเพียร'
เหรินฟางเซียนที่ยังไม่นอนถึงแม้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตามลุกขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยล้าจากการฝึกฝนมาทั้งวัน วันเวลาล่วงเลยไปเร็วมาก อาจจะเป็นเพราะทั้งวันมีอะไรให้ทำมันเลยไม่เบื่อหน่ายนัก ร่างเล็กก้าวเท้าเดินออกมายังหน้าต่างวงกลมบานใหญ่ที่แกะสลักไม้เป็นลวดลายต้นไผ่และเสือขาวสัญญาลักษณ์ประจำสำนัก
ครุ่นคิดสิ่งต่าง ๆ อย่างเงียบงันถ้าตามเนื้อเรื่องในนิยายสุดท้ายนางจะต้องเข้าสู่โหมดดาร์ก เดินทางสายมารเพราะถูกพระเอกแบบหลันเฉินเซียวหักอกและไล่ออกจากสำนัก ในนิยายนางตกหลุมรักอาจารย์แสนดีของตัวเองจนทำเสน่ห์ใส่ แค้นเคืองเยี่ยนลี่จูที่ได้รับความรักจนกลับมาแก้แค้นแต่ก็ถูกอาจารย์สังหารเพื่อปกป้องนางเอกตามระเบียบ
ในนิยายอาจารย์สังหารนางอย่างเลือดเย็น ไร้ความปรานีมองนางเป็นมารร้ายน่าขยะแขยง มีแต่เหล่าศิษย์พี่ที่คุกเข่าขอร้องให้อาจารย์ไว้ชีวิตนางโดยเฉพาะศิษย์พี่รองที่สุดท้ายหลังจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมนั้นก็ลาออกจากสำนักออกบวชทันที ไม่หันหลังกลับเข้าทางโลก พล็อตเรื่องดราม่ามากสุดท้ายนางร้ายและพระรองก็ต้องตายเพื่อให้พระเอกนางเอกสมหวังรักกันราบรื่นไร้สิ่งใดต้องกังวล
"นี่ก็คงเป็นเหตุผลมากพอที่จะให้ข้าลงมือฆ่าท่านก่อน ข้าอาจจะดูเป็นศิษย์อกตัญญู แต่เราทุกคนล้วนต้องทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น ในนิยายท่านทำเพื่อความรักของท่าน ตอนนี้ข้าเองก็ทำเพื่อให้หลุดพ้นจากนิยายเล่มนี้เหมือนกัน"
จะว่าไปความรักนี่ทำให้คนตาบอดจริง ๆ
เหรินฟางเซียนเวอร์ชันนิยายก็เช่นกัน หลงรักพระเอกจนหัวปักหัวปำยอมถวายวิญญาณให้มารร้าย แต่ไม่ต้องห่วงเวอร์ชันใหม่จะไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไป นางจะไม่รักอาจารย์ตัวเองเพราะเขาไม่ใช่สเปกสักนิด ทั้งยุทธภพมีบุรุษรูปงามมากมายเหตุใดต้องรักคนที่รักคนอื่นด้วย
หนึ่งเดือนถัดมา
"ฮึบ!"
เหรินฟางเซียนในชุดฝึกซ้อมดูรัดกุมยกกระบี่ไม้ในมือขึ้นปัดป่ายไปในอากาศ เรียวขาเล็กก้าวเดินหน้าถอยหลังไปตามจังหวะอย่างอ่อนช้อยงดงาม ประสานร่างกายทุกส่วนให้ขยับไปพร้อมกัน เพลงกระบี่ของซูเซียวซานนั้นงดงามเหมือนการร่ายรำแต่พลังโจมตีกับสูงเน้นเข้าส่วนสำคัญทั้งนั้น
ส่วนที่นางยังต้องใช้กระบี่ไม้เพราะยังไม่มีกระบี่เป็นของตนเอง จะมีอาวุธคู่ใจได้จะต้องผ่านการบำเพ็ญตนในถ้ำแก้วสามปีเพื่อเพิ่มพลังปราณก่อน เมื่อพลังปราณแข็งแกร่งก็สามารถควบคุมกระบี่ที่มีจิตวิญญาณได้ ไม่อย่างงั้นกระบี่จะไม่ยอมรับเป็นนาย อีกเดือนเดียวเท่านั้นนางก็ต้องไปบำเพ็ญเพียรตอนนี้เลยเร่งฝึกซ้อมเพลงกระบี่ให้คล่องแคล่วเดี๋ยวจะตามพวกศิษย์พี่ไม่ทัน เมื่อได้อาวุธคู่กายก็จะสามารถตามพวกศิษย์พี่ไปปราบภูตผีปีศาจได้แล้ว
"ยกแขนขึ้นหน่อยอาเซียนน้อย" เสียงนุ่มละมุนของผู้เป็นอาจารย์ดังขึ้นแต่อีกฝ่ายดันไม่พูดเปล่าเข้ามาประคองแขนนางอยู่ด้านหลังเหมือนจะโอบกอดเสียด้วยซ้ำไป
เนี่ย! แบบนี้ไงเหรินฟางเซียนถึงได้หลงรัก
นิดหน่อยก็ถึงเนื้อถึงตัวตลอด!
ตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้ก็แทบจะนับครั้งไม่ถูกว่าอาจารย์ถูกเนื้อต้องตัวนางกี่ครั้งกี่คราแล้ว ก็เข้าใจแหละว่าไม่คิดอะไรเพราะเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กเลยเคยชิน แต่อย่าลืมสิว่าเหรินฟางเซียนผู้นี้โตเป็นสาวแล้ว ไหนจะไม่เคยลงจากเขาไปสัมผัสแสงสีเสียงภายนอกอีกจะอ่อนประสบการณ์ อ่อนต่อโลกจนหลงรักอาจารย์ตัวเองก็ไม่แปลกเลย คนเดียวที่ใกล้ชิดจนแทบจะแนบชิดก็มีแต่หลันเฉินเซียวผู้นี้ไง
"ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ชี้แนะเจ้าค่ะ" เหรินฟางเซียนรีบผละตัวถอยออกมาพร้อมยกแขนขึ้นประสานกันโค้งหัวลงเล็กน้อย
"เพลงกระบี่ของเจ้าพัฒนาขึ้นมาก อีกไม่นานคงไล่ตามพวกศิษย์พี่ทัน" หลันเฉินเซียวกล่าวด้วยรอยยิ้มที่แสนจะเอ็นดู
"แล้วนี่ศิษย์พี่จะกลับมาเมื่อไหร่เจ้าคะ?"
"วันนี้แหละ คงช่วงเย็น ๆ เจ้าซ้อมเพลงกระบี่เสร็จแล้วก็ไปช่วยลี่จูเตรียมสำรับให้พวกพี่เจ้าสักหน่อย"
"ได้เจ้าค่ะ"
เมื่อว่าความกันจนเข้าใจหลันเฉินเซียวก็เดินออกไป เหรินฟางเซียนซ้อมกระบี่อยู่อีกสักพักจึงเลิกแล้วเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีมายังห้องครัวที่มีควันไฟลอยออกมา กลิ่นหอมโชยมาตีจมูกจนท้องร้องเหมือนกันก็เพิ่งออกแรงมา
"ท่านพี่ลี่จูมีอะไรให้ข้ากินรองท้องบ้าง?"
"มีผิงกั่วเจ้ากินก่อนได้หรือไม่?" เยี่ยนลี่จูยื่นตะกร้าผิงกั่วให้คนที่เปรียบเหมือนน้องสาว
นางหยิบเอาผิงกั่วขึ้นมากัดกินก่อนจะเดินไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจสิ่งที่เยี่ยนลี่จูเตรียมไว้ทำอาหารมีทั้งปลาทั้งไก่ ไหนจะชาชั้นดีที่ยังไม่ทันชงก็ส่งกลิ่นหอมออกมาแล้ว ท่าทางเย็นนี้จะอิ่มหนำสำราญกันเพราะต้อนรับการกลับมาของพวกศิษย์พี่ที่ออกไปปราบภูตผี
"พวกศิษย์พี่คงได้เงินทองมามากมาย"
"นี่เจ้าเป็นพวกเห็นแก่เงินแล้วหรืออย่างไร?" เยี่ยนลี่จูยิ้มขบขันอย่างเอ็นดู
"เงินทองมันซื้อได้ทุกอย่าง ข้าเลยชอบเงิน"
คำพูดของเหรินฟางเซียนทำเยี่ยนลี่จูหัวเราะออกมาเบา ๆ แบบกุลสตรี ไม่ทำให้เกินงามจนเกินไปก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ๆ น้องสาว "เจ้าเองก็ผ่านพิธีจีหลี่แล้วพร้อมออกเรือนแล้ว งั้นหาเศรษฐีสักคนมาไหว้ฟ้าดินด้วยดีหรือไม่?"
"ข้าเพิ่งจะ 15 เอง พรากผู้เยาว์นะท่านพี่" นางทำหน้าตาจริงจังเมื่อต้องพูดเรื่องแต่งงาน คิดได้ยังไงจะจับเด็กอายุ 15 แบบนางออกเรือนขนหมออ้อยยังไม่ทันดกเลยนะ! ให้ได้ใช้ชีวิตวิ่งเล่นสนุกสนานก่อนเถอะ
"พรากผู้เยาว์คืออันใด?" เยี่ยนลี่จูทำหน้าอย่างไม่เข้าใจจนเหรินฟางเซียนเหนื่อยจะอธิบาย
"ช่างมันเถิด ข้าช่วยท่านพี่หั่นผักดีกว่า" นางลุกเดินไปยังตะกร้าผักสด หยิบเอาหัวไชเท้าขึ้นมาดู ขนาดมันอวบใหญ่น่ากินเชียวก่อนจะหันไปคว้ามีดแล้วจัดการชำแหละผักตรงหน้า
หั่นผักมาได้สักพักจนบรรยายกาศเริ่มเงียบเหรินฟางเซียนเลยเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยนลี่จูที่กำลังตุ๋นกระดูกหมูอยู่ "ท่านพี่ว่าประมุขชิวเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ทำไมถึงถาม?" เยี่ยนลี่จูขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ก็ดูประมุขชิวมีใจให้ท่านพี่"
"เจ้าพูดอะไรเนี่ยอาเซียนประมุขชิวจะมามีใจให้ข้าได้อย่างไรกัน"
"คนรักชอบ ทำไมจะมีใจให้ไม่ได้เรื่องของความรักมันเข้าใจยากจะตายไปแต่ข้ามองออกนะว่าประมุขชิวมีใจให้ท่านพี่"
"เจ้านี่จะรู้ดีจริงนะ"
"ข้าแค่สังเกตสายตาที่เขามองท่านออก มองหวานเยิ้มขนาดนั้น ปานผึ้งมองดอกไม้งาม"
คำพูดของเหรินฟางเซียนมันทำให้เยี่ยนลี่จูยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีจนมองดูก็รู้ว่าเขินอาย แน่นอนว่าเป็นไปตามแผนของนางที่หมายมั่นจะเสี้ยมให้สองคนนี้รักกัน มันก็ต้องพูดแบบนี้แหละเยี่ยนลี่จูจะได้รับรู้และตระหนักว่าชิวฮุ่ยหมินมีใจให้ จะได้โอนเอนไปทางนั้นบ้างเวลาโดนจีบเพราะถ้าตามเนื้อหานิยายตอนนี้พี่สาวของนางผู้นี้ยังไม่ได้รักใคร่กับอาจารย์จะไปสานสัมพันธ์กันก็ตอนที่นางเข้าถ้ำไปบำเพ็ญเพียรสามปี
เพราะงั้นตอนนี้ต้องเสี้ยมเยอะ ๆ
"เจ้าพูดอะไรเนี่ยไม่งามเลย"
"ข้าแค่พูดความจริงตามที่เห็นแล้วท่านพี่ล่ะถ้าประมุขชิวมาสานสัมพันธ์ด้วยท่านจะยอมรับไมตรีหรือไม่?"
"ถ้าเขามีใจให้ข้าจริงอย่างเจ้าว่าข้าก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจไมตรีหรอก ข้าเป็นเพียงผู้อาศัยในสำนักนี้เท่านั้น หาได้มีวิชาเก่งกล้าอะไรการจะมีบุรุษระดับประมุขหอมาชอบพอถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว"
เป็นไปตามแผนการที่วางไว้! ตกหลุมพรางง่ายเสียจริงสมแล้วที่เป็นนางเอก เชื่อคนง่าย! บทนิยมของนางเอกสินะ
นางรีบยื่นมือไปกอบกุมมือเล็กของคนที่เปรียบเสมือนพี่สาวเอาไว้ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มพิมพ์ใจที่กลั่นออกมาจากความปลาบปลื้มที่แผนการชั่วร้ายมันไหลลื่นขนาดนี้ สมแล้วที่เป็นนางร้าย สกิลแบบนี้นางเอกไม่มีแน่นอน
"ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงข้าดีใจกับท่านด้วย ท่านพี่โชคดีแล้วเพราะประมุขชิวเป็นคนดีและอบอุ่น ถ้าท่านพี่ได้กราบไหว้ฟ้าดินกับเขาคงจะมีความสุขไปชั่วชีวิต"
"เจ้าก็พูดเกินไป ขั้นนั้นคงอีกยาวไกล ข้ากับเขายังไม่ได้ตกลงปลงใจคบหากันเลยนะ" เยี่ยนลี่จูพูดด้วยท่าทีเขินอายก่อนจะรีบหันหน้ากลับไปเคี่ยวน้ำซุปกระดูกหมูต่อ
แต่เหรินฟางเซียนก็มองออกว่าอีกฝ่ายคงกำลังเขินและกรีดร้องในใจที่มีบุรุษรูปงามมาชอบพอ รอยยิ้มนุ่มลึกแลดูร้ายกาจปรากฏขึ้นบนดวงหน้างดงาม มันยังไม่จบหรอก นี่เพิ่งเริ่มต้นเอง ความสนุกมันอยู่หลังจากนี้ต่างหาก
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงวันที่เหรินฟางเซียนจะต้องเข้าไปเก็บตัวบำเพ็ญเพียรเพื่อเพิ่มพลังปราณของตน ทุกคนต่างมาส่งนางที่หน้าถ้ำแก้วด้านหลังหุบเขา ปลีกวิเวกเงียบสงบไร้การรบกวนเพราะมีเพียงคนที่มีตราหยกเสือขาวเท่านั้นจะเข้าไปด้านในได้และตอนนี้มันอยู่ในมือของนาง
"ข้าอยากให้เจ้าตั้งใจบำเพ็ญเพียร อย่าไขว้เขวต่อสิ่งใด ขัดเกลาจิตใจให้สงบเพื่อบรรลุสู่เส้นทางเซียน" หลันเฉินเซียวเอ่ยกำชับศิษย์รักมือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวด้วยความเอ็นดู "และข้าขออวยพรให้เจ้าประสบความสำเร็จได้บรรลุขั้น"
"ขอบคุณท่านอาจารย์เจ้าค่ะ” นางประสานมือโค้งหัวลงเล็กน้อยก่อนจะเงยมองหน้าศิษย์พี่ที่มองนางด้วยสายตาห่วงใยโดยเฉพาะศิษย์พี่รองที่เหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้
"ไม่ต้องห่วงหรอกศิษย์พี่ข้าไม่เป็นอันใดหรอก" นางยิ้มให้บรรดาศิษย์พี่ก่อนจะยกมือขึ้นประสานแล้วโค้งหัวลาอีกรอบ
"งั้นข้าขอลาทุกคน"
นางกล่าวจบก็หันตัวเดินไปยังทางเข้าถ้ำแก้วด้วยความที่มีตราหยกเสือขาวในมือทางเข้าจึงถูกเปิดออก ปกติจะถูกลงอาคมไว้แน่นหนากันคนภายนอกบุกรุก แต่ก่อนนางจะเข้าไปด้านในก็ไม่ลืมจะหันมาหาทุกคนพร้อมยกมือขึ้นทำท่ามินิฮาร์ทสุดแสนน่ารักส่งหัวใจปิ้ว ๆ ใส่อาจารย์และศิษย์พี่อย่างทะเล้น
"อีกสามปีเจอกันนะ อย่าลืมมารับข้าด้วย!”
