3 ผีสาวทะลุมิติ
กรี๊ดดดด!!
ผีสาวหวีดร้องด้วยความกลัว ตอนตายหรือเล่นรถไฟเหาะยังไม่กลัวเท่านี้เลย ความรู้สึกตอนโดนดูดเข้าไปด้านใน มันวูบวาบเสียวท้องแปลก ๆ
ครั้นพอลืมตาตื่นขึ้นมาดันได้สบตากับผู้ชายคนหนึ่ง ในหัวสมองของผีสาวพร่าเบลอไปหมด ไม่รับไม่รู้อะไรทั้งนั้นรู้อย่างเดียว มันทั้งเสียวและพลุ่งพล่านไปหมด
ดะ เดี๋ยวนะ!!
“คุณเป็นใคร” ซู่เฟินถาม แต่มือก็ยังโอบล้อมรอบคอของเขา
ผู้ชายคนนั้นถอนจูบจากเธอ ในใจผีสาวมีความรู้สึกเสียดายนิดหน่อย
“เจ้าอย่ามาไขสือ เป็นคนหลอกข้ามาเองไม่ใช่หรือ” เขาสบตากับสตรีที่อยู่ในการควบคุมของเขา
“ใครหลอกคุณมากัน” ถานซู่เฟินเปลี่ยนจากคล้องคอผลักเขาออกห่าง
ร่างกายของทั้งคู่ที่เคยนัวเนียไร้เสื้อผ้าผละออกจากหัน เฉิงเว่ยฉี จ้องมองสตรีตัวเล็ก ๆ คนนั้นด้วยสายตาเหยียดหยามระคนไม่เข้าใจ
เมื่อได้ยืนห่างจากกัน ซู่เฟินถึงได้เห็นหน้าตาเขาชัดเจนขึ้น อื้ม!!! หล่อเหลือเกินพ่อ เธอลอบเลียริมฝีปากที่แห้งผาก รสจูบเมื่อครู่เธอรู้สึกถึงมันได้นิดหนึ่ง คนผู้นั้นใส่แค่ชุดผ้าสีขาวบาง ๆ ร่างกายกล้ามเนื้อสัดส่วนทุกอย่างดูแข็งแกร่งไปหมด เมื่อมองต่ำลงมาเรื่อย ๆ ซู่เฟินก็ยิ้มปริ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก
“คุณหนูถาน หลอกให้ข้ามา ข้าก็มาแล้ว เรามาทำให้มันเสร็จ ๆ ไปเถอะ” เฉิงเว่ยฉีกล่าวกับนาง เมื่อพูดจบกลับเป็นนางที่ขมวดคิ้วเป็นปม เขาก้าวอาด ๆ เข้าไปหานาง สองแขนก็รั้งร่างเล็กที่ถอยหนีให้แนบชิดกับตัวอีกครั้ง
“ทำอะไร นายจะทำบ้าอะไร” ซู่เฟินโวยวาย “นายเป็นผีลามกหรือไง” เธอตะโกนด่า สองมือก็ทุบตีไปที่แผงอกกำยำ
“หยุด!!!” เขาตะโกนขึ้นเสียงกับนาง พลางพิจารณาท่าทีที่เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
คราแรกที่เจอหน้ากัน นางยังยั่วยวนทอดสะพานให้เขาอยู่เลย ยามที่สัมผัสไปที่ข้อมือบอบบาง เฉิงเว่ยฉีรู้สึกได้ถึงชีพจรอันปั่นป่วนของนาง
คนตัวเล็กรู้ตัวว่าร่างกายเปลือยเปล่าก็รีบหาเสื้อผ้าแถวนั้นขึ้นมาใส่ เธอพบเพียงเสื้อผ้าโบราณกองอยู่โดยรอบ บราสักชิ้นหรือกางเกงในสักตัวก็ไม่เห็น
เอาก็เอาวะ เอาใส่คลุม ๆ ไว้ก่อนก็แล้วกัน ซู่เฟินไม่คิดอะไรมากไปกว่านั้นแล้ว เรื่องนี้เริ่มซับซ้อนเกินไปแล้ว ไหนจะไอ้อาการร้อนแปลก ๆ บ้า ๆ นี่อีก
ไม่ทันจะใส่เสื้อผ้าเสร็จดี คนกลุ่มใหญ่ในชุดโบราณก็เปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอน
“......” ผู้ชายคนนั้นรีบรุดกายเอาตัวสูงใหญ่บดบังเรือนร่างของเธอไว้ “คุณ”
“รีบแต่งตัวให้เสร็จ ๆ เสีย เห็นแล้วมันอุจาดตา” เขาพูดกับนาง
“เออ รอแพพ” ซู่เฟินรีบจัดการกับร่างกายตัวเอง
ในสมองทึบ ๆ ของเธอก็ประมวลผลเหตุการณ์ไปด้วย
“คุณชายเฉิง นั่นใช่คุณหนูใหญ่ของเราหรือไม่” ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นตะโกนถาม
“อยากรู้ก็ดูเอาเอง” เมื่อเห็นว่านางแต่งกายเสร็จแล้วก็กระชากแขนส่งตัวนางคืนครอบครัว
“คุณหนูรอง!!! กลายเป็นคุณหนูรอง” พวกเขาเรียกเธอว่าคุณหนูรอง พร้อมกับเอาผ้าคลุมผืนใหญ่มาบดบังร่างของเธอไว้
“พวกคุณเป็นใครกัน” เธอถามพวกเขา
“โธ่คุณหนู ท่านจำพวกเราไม่ได้หรือ”
ถานซู่เฟินกลอกตาสลับซ้าย ขวา ขึ้นบนลงล่างมองผู้คนกลุ่มนั้น พลางส่ายหัวเป็นเชิงว่านางไม่รู้จักและจำไม่ได้
คนกลุ่มนั้นกดดันให้เธอคล้อยตามพวกเขา แต่ซู่เฟิน ไม่รู้จัก ก็มัน จำไม่ได้จริง ๆ เธอพยายามปฏิเสธ เธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครหน้าตาก็ไม่เคยเห็น หญิงสาวหันหน้าขอความช่วยเหลือจากผู้ชายรูปหล่อคนนั้น
เฉิงเว่ยฉีเบ้ปากกวนประสาท เขารับรู้ว่านางต้องการความช่วยเหลือ แต่ไม่ยื่นมือเข้าไปเพราะไม่อยากช่วย ผูกเองก็แก้เอง
เธอไม่รู้จะทำเช่นไร สบโอกาสตอนที่พวกเขาเผลอวิ่งหลุน ๆ ออกจากประตูห้องไปในทันที
หญิงสาวก้าวฉับ ๆ วิ่งไปตามทางเดินหิน สายตาก็กวาดมองสถานที่โดยรอบที่เธออยู่ ทุกอย่างเป็นสิ่งของโบราณ ผู้คนที่อยู่ที่นี่ต่างก็สวมชุดโบราณ ซู่เฟินหมุนกายโดยรอบ ตั้งใจหาพวกสิ่งของสมัยใหม่ แต่มองเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
หันกลับมาอีกที เป็นผู้ชายคนนั้นที่วิ่งกระโดดตามหลังเธอมา พร้อมกับอุ้มเธอพาดเอาไว้บนบ่า
“เราไปต่อกันที่อื่นเถอะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว”
เขาพาเธอหนีคนกลุ่มนั้น แค่ออกแรงนิดเดียวเธอก็ตกอยู่ในอ้อมแขนเขา ผู้ชายประหลาดคนนั้น พาเธอกระโดดขึ้นไต่ไปตามหลังคาบ้าน ซู่เฟินเห็นแล้วแทบอยากเป็นลม
บ้านเมืองที่เธอเห็นตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งของโบราณ หรือว่าวิญญาณเธอจะลอยมาถึงเหิงเตี่ยน ซู่เฟินพยายามมองไปรอบ ๆ ถัดจากเมืองทั้งเมืองก็เป็นภูเขาสูงที่มีป่าทึบ คนตัวเล็กกวาดสายตาไปทั่ว เธอไม่เห็น ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น รถสักคันก็ไม่มี ไม่เห็นแม้กระทั่งเสาไฟฟ้า
สองมือก็สำรวจร่างกายของผู้ชายคนนั้น เขาเป็นนักแสดงเหรอ มีสลิงซ่อนอยู่ตรงไหน มือไม้รุ่มร่ามของนางล้วงเข้าไปในเสื้อของผู้ชายคนนั้น ลูบคลำตรงก้น ไม่เจอสิ่งของพวกนั้นบนร่างกายเขาแม้แต่ชิ้นเดียว เธอมองหน้าหล่อเหลาเขาอีกครั้ง น้ำตาก็เริ่มปริ่ม ๆ อยู่ขอบตา
แม่จ๋า เพิ่งตายไม่พอ ตอนนี้หนูมาอยู่ที่ไหนเนี่ย!! ซู่เฟินกรีดร้องในใจ
สายตาของเฉิงเว่ยฉีบอกบุญไม่รับ ตกลงนางจะเอาเยี่ยงไรกันแน่ เดี๋ยวหลอกล่อ เดี๋ยวผลักไส ตอนนี้ก็ยังมาล่วงเกินเขาอีกแล้ว นี่ก็เล่นบทงิ้วบีบน้ำตาเสียอีก
“คุณ” นางส่งเสียงเรียกเขา
สรรพนามเช่นนั้น เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
“เรียกข้างั้นหรือ”
“คุณเป็นใคร”
เฉิงเว่ยฉีกระโดดลงที่ลานกว้าง ที่นี่เป็นจวนรัชทายาทไม่มีใครกล้ารบกวนนางและเขาอย่างแน่นอน คนตัวสูงค่อย ๆ เอ่ยนามของตนเอง
“งั้นข้าจะแนะนำตัวอีกครั้ง ข้าคือองค์ชายรัชทายาท มีนามว่า เฉิงเว่ยฉี” เขาพูดโดยเน้นชื่อตัวเองสามคำสุดท้าย
เมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้นซู่เฟินก็แทบเป็นลม เธอทรุดตัวลงกับพื้นหิน เมื่อกี้เขาแนะนำตนเองว่าชื่อเฉิงเว่ยฉี คงไม่ใช่เฉิงเว่ยฉีพระรองจากนิยายที่พึ่งอ่านเมื่อกี้หรอกนะ
“มะ ไม่ มันไม่ใช่ มันเป็นไปไม่ได้”
ฉับพลันร่างกายของซู่เฟิน ก็ร้อนรุ่มเหมือนมีไฟแผดเผา ความรู้สึกแปลกประหลาดแล่นไปทั่วร่าง ความร้อนภายในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่เมื่อกี้ก็รู้สึกอึดอัดสองมือพยายามแกะปมถอดมันออกจากร่าง
“พิษกำเริบแล้ว” เฉิงเว่ยฉีกล่าวกับเธอ
“พิษบ้าอะไรกัน” เธอพูดกับเขา
“มาเถอะ ข้ามียารักษา”
พูดจบเขาก็อุ้มร่างนางกลับเข้าห้อง ยารักหนึ่งเดียวที่มีตอนนี้นั่นก็คือร่างกายของเขา