ตอนที่ 3 ความลับของเหมยฮัว
ทางตำหนักหยกงาม
หวังเหมยฮัวปาถ้วยน้ำชาลงพื้นอย่างเกรี้ยวกราด ในอกปะทุด้วยเพลิงริษยา เหตุใดอันอ๋องจึงไม่ยอมพบหน้า ซ้ำยังมีท่าทีเย็นชาต่อนางอีก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชายารองมีสีหน้าประเดี๋ยวประเดี๋ยวแดง
“เช่อเฟยเพคะ ทรงพระทัยเย็นเอาไว้ก่อน หม่อมฉันคิดว่านี่อาจเป็นแผนของอันอ๋องก็เป็นได้ เท่าที่ผ่านมา แม้ในตำหนักจะมีอนุอยู่ไม่น้อย แต่อันอ๋องก็มิได้แลเหลียวพวกนาง อีกทั้งอันอ๋องชมชอบความสนุกสนาน คงเห็นนางเป็นเพียงของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวเพคะ”
นางกำนัลคนสนิท เอ่ยด้วยน้ำเสียงไพเราะ แจ้งแก่นายสาวเจ้าของตำหนักแห่งนี้ มิอยากให้นางกำนัลพวกนั้นนินทาว่าร้าย ด้วยหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ผู้ใดจะคิดร้ายหรือไม่ ก็ไม่อาจทราบได้
ที่ผ่านมาแม้อันอ๋องจะมีสตรีมากมายรายล้อม แต่ก็เห็นว่าอันอ๋องสนใจเพียงแค่พระชายาเท่านั้น และไม่อยากให้นายสาวของนางเกรี้ยวกราด
หากท่านอ๋องทรงทราบคงไม่พอพระทัยเป็นแน่ นางหวังดีต่อชายารองยิ่งนัก มิอยากให้นางร้อนอกร้อนใจเช่นนี้ ของเล่นอย่างจวิ้นจู่ผู้นั้น อีกไม่นานอันอ๋องก็คงเบื่อหน่ายไปเอง
“ที่เจ้าพูดมาก็ถูก แต่ว่าฝ่าบาทพระราชทานตำหนักรับรองให้นาง มิเท่ากับว่าคราวนี้จวิ้นจู่ผู้นั้นได้รับความโปรดปรานไปแล้วหรือ ตำหนักนั้น มันควรเป็นของข้า” เพราะนางมาก่อน แต่เหตุใดกันฮ่องเต้จึงหักหน้าสกุลหวังของนางถึงเพียงนี้
“เช่อเฟยเพคะ ตำหนักนั้นแม้ใหญ่โตกว้างขวาง แต่ก็เป็นเพียงแค่ตำหนักรับรองชั่วครู่ อีกหน่อยหากนางอภิเษกแล้ว ก็คงต้องย้ายตำหนัก” ชิงปี้แนะนำอย่างใจเย็น มิอยากให้เสียงานใหญ่ พร้อมกับบีบนวดไหล่ให้ชายารองได้ผ่อนคลาย
“เจ้าว่า อันอ๋องจะรู้หรือไม่เรื่องที่ข้าโป้ปดเขา” คราวนั้นคิดว่าเพียงใส่ร้ายจวิ้นจู่ ให้ได้รับความเสื่อมเสีย แต่คาดไม่ถึงว่าอันอ๋องกลับนำนางมายังแคว้นเพื่ออภิเษกเป็นเจิ้งเฟย ตำแหน่งนี้ควรจะเป็นของนาง แต่เหตุใดท่านอ๋องจึงมอบตำแหน่งอันสูงส่งนั้นให้แก่จวิ้นจู่แคว้นซ่งด้วยเล่า
หากวันนั้นนางไม่บังเอิญพบว่าอันอ๋อง ส่งสายตาชื่นชมจวิ้นจู่ ที่ทั้งขี่ม้าและยิงธนูได้ในคราวเดียวกัน สายตานั้นช่างดูหวานหยาดเยิ้มยิ่งนัก ดังนั้นแล้วหวังเหมยฮัวจึงวางแผนใส่ร้ายจวิ้นจู่ ว่าทำให้นางนั้นแท้งครรภ์
เพื่อกำจัดซ่งฟางหรูและยังก่อให้เกิดศึกสงครามได้อีกด้วย แต่เรื่องนี้มันช่างเหนือความคาดหมายนางนัก ไม่เพียงแค่ไม่ทำให้ทั้งสองแคว้นเกิดความบาดหมาง แต่กลับกลายเป็นกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นไปอีก
หวังเหมยฮัวแม้จะมีตำแหน่งเป็นชายารอง ได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากอันอ๋องมากกว่านางกำนัลอุ่นเตียง หรืออนุที่รับเข้ามาอีกสี่นางก็ตามที แต่ยามนี้คล้ายว่าพระทัยของอันอ๋องจะว้าวุ่นอยู่กับซ่งฟางหรู สตรีผู้นั้นมีดีกว่านางที่ตรงไหนกัน ทำไมถึงทำให้สามีของนางสนใจได้ถึงเพียงนี้
“เช่อเฟยเพคะ อันอ๋องเสด็จมาแล้ว” ซูเหยาคือนางกำนัลอีกคนหนึ่ง ในบรรดานางกำนัลทั้งหมดสี่คนวิ่งพรวด ๆ เข้ามาในห้องบรรทมด้วยความดีอกดีใจ จนหลงลืมสำรวมกิริยาเอาไว้
“รีบเก็บกวาดเร็วเข้า ข้างดงามแล้วใช่หรือไม่” ท่าทางของนางเปลี่ยนจากเมื่อครู่ไปมากโข รอยยิ้มแสนหวานผุดขึ้นมาบนดวงหน้าที่งดงาม ดวงตาคู่สวยกระจ่างสดใส เบิกบานใจไม่อาจหุบยิ้มได้
ยังไม่ทันที่นางกำนัลจะเก็บกวาดในห้องในเรียบร้อย อันอ๋องก็มาถึงประตูเสียแล้ว ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้ามา พบว่ามีเศษถ้วยชาแตกอยู่บนพื้น จึงเอ่ยถาม “อารมณ์ไม่ดีหรือไร ถึงได้ปาถ้วยทิ้ง”
“เปล่าเพคะ ไหนเลยหม่อมฉันจะกระทำเยี่ยงนั้น เพียงแค่เมื่อครู่ไม่ทันระวัง ถูกลวกเข้าให้เพคะ” หวังเหมยฮัวเสแสร้ง ซ้ำยังลูบหลังมือเบา ๆ สายตาหม่นหมอง ตีสีหน้าเจ็บปวดหวังให้ชายคนรักเหลียวแลเฉกเช่นเดิม
“อืม ข้าเป็นห่วงเจ้า จึงมาดูไม่คิดว่าจะถูกน้ำชาลวกมือ ตามหมอหลวงหรือไม่” ชายหนุ่มปรายตามองไปยังหลังมือของนาง ก็พบว่ามันยังคงปกติดี ไม่เหมือนที่นางกล่าวอ้างเมื่อครู่ เขาหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ รินน้ำชาลงในถ้วย ก็พบว่ามันเย็นชืดแล้ว คงไม่ทำให้นางถูกลวกได้กระมัง
“หม่อมฉันทายาแล้วเพคะ อาการไม่หนักหนา ขอบพระทัยที่ท่านอ๋องทรงเป็นห่วง” สีหน้าของนางพลันขาวซีด เมื่ออันอ๋องจิบน้ำชา ด้วยทีท่าเย็นชากว่าครั้งไหน ๆ แม้ปากจะเอ่ยถามไถ่ แต่ดวงตายามที่มองมานั้นช่างเยียบเย็นยิ่งนัก
“ไยข้าจะละเลยเจ้าเล่า มานี่นั่งลง ยังมีอาการอื่นแทรกซ้อนหรือไม่ ยังเจ็บท้องอยู่อีกไหม ข้ากังวลใจว่าเจ้าจะล้มป่วยเพราะตรอมใจเรื่องลูกของเรา” ชายหนุ่มหาได้ยิ้มแย้ม กลับมองนางด้วยสายตาที่เย็นชายิ่งนัก
แม้วาจาจะเอ่ยว่าเป็นห่วงนางนักหนา แต่การกระทำนั้นล้วนตรงกันข้ามเสียจริง หวังเหมยฮัวทั้งเสียใจและน้อยใจนัก เขาห่างเหินกับนาง เพียงเพราะนางแท้งครรภ์แล้ว สิ่งที่เขาปรารถนา นางไม่สามารถมอบให้ได้
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันยังเสียใจไม่หาย ไม่อยากพานพบหน้าจวิ้นจู่อีก แต่ทำไมกันท่านอ๋องจึงเลือกที่จะอภิเษกกับนาง คงไม่ใช่เพราะแค้นใช่หรือไม่ หรือว่าแท้จริงแล้ว ท่านอ๋องกำลังหลงรักนางกันแน่”
ถึงเขาจะมีสีหน้าเมินเฉย แววตาราบเรียบ นางก็ยังคงตักตวงโอกาสสอบถามความจริงจากปากของเขาอีกครา แม้จะพยายามถามแล้วหลายครั้งหลายหน คำตอบยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ทว่าหวังเหมยฮัวกลับไม่แน่ใจนัก คิดว่าอันอ๋องชมชอบจวิ้นจู่ผู้นั้นเข้าให้เสียแล้ว
“เหลวไหลใหญ่แล้ว เจ้ากำลังน้อยอกน้อยใจ เอาเป็นว่า ข้าจะใส่ใจเจ้าให้มากขึ้น วันนี้ข้าเพียงแค่แวะมาหา ไม่ได้คิดจะค้างคืนกับเจ้า สุขภาพเจ้าไม่สู้ดีนัก คืนนี้ข้าจะนอนที่ตำหนักอนุเจียวก็แล้วกัน”
เหลียนเจาตัดบทสนทนาด้วยเพราะยามนี้ความรู้สึกของเขาไม่แน่ชัด แท้ที่จริงแล้วเพราะชมชอบหรือชิงชังกันแน่ แต่ซ่งฟางหรูทำให้เขายิ้มได้ และทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะความร้ายกาจ เขาจึงทำได้เพียงเลี่ยงตอบคำถามของชายารองอันเป็นที่รัก
“ไหนก็มาแล้ว มิค้างคืนที่นี่ แม้ข้าจะปรนนิบัติท่านไม่ได้ แต่พวกเราก็เพียงแค่จับมือแล้วหลับไปพร้อมกับมิได้หรือเพคะ” หวังเหมยฮัวไม่ยินยอมให้อนุนางใดได้รับความโปรดปรานไปมากกว่านางอีกแล้ว ในเมื่อมีศัตรูเพิ่มมาอีกคน ไหนเลยนางจะทนได้กันเล่า
“ไม่ได้ กฎย่อมเป็นกฎ มิเช่นนั้น ข้าจะปกครองผู้อื่นได้อย่างไรกัน คืนนี้เป็นของอนุเจียว เจ้าก็นอนพักผ่อนเสียเถิด อีกอย่างอาการป่วยทางใจของเจ้าก็ยากจะรักษาให้หายดี เอาไว้ข้าจะให้หมอหลวงจัดเทียบยาบำรุงให้เจ้าเสียใหม่ จากนั้นพวกเราค่อยมีเจ้าก้อนแป้งด้วยกันอีกครั้งดีหรือไม่”
“เพคะ....” ในใจของหวังเหมยฮัวล้วนไม่พอใจนัก แผนการมันล้มเหลวลงแล้ว หากเขารู้ความจริงว่า นางไม่อาจตั้งครรภ์ได้ เขาจะโกรธเกลียดนางมากเพียงใดกัน
ยามที่เห็นเขาหลั่งน้ำตาเมื่อรู้ว่านางแท้งครรภ์ มันทำให้นางปวดร้าวยิ่งนัก เขาวาดหวังเฝ้ารอคอยมาเนิ่นนาน สุดท้ายแล้ว นางกลับหลอกลวงเขาทั้งสิ้น
เหล่าอนุทั้งหลาย ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ก็เพราะนางให้อนุเหล่านั้นดื่มยาห้ามครรภ์เสมอ หากผู้ใดละเลยไม่ยินยอม ก็อย่าหวังว่าจะอยู่ร่วมตำหนักได้
เมื่อสองเดือนก่อนนั้น เป็นนางเองที่ร่วมมือกับญาติผู้พี่ ให้นำท่านหมอเข้ามาตรวจอาการป่วยของนาง ซ้ำยังทราบว่า ในไม่ช้าอันอ๋องจะต้องเดินทางไปยังแคว้นซ่ง ในเพลานั้นเองจึงร่วมมือกับหวังเยี่ยน
เพื่อสร้างความวุ่นวายในแคว้นซ่ง รวมถึงสร้างความมั่นคงในตำแหน่งของตนเอง หากย้อนเวลากลับไปได้ หวังเหมยฮัวก็จะทำเช่นนี้
เพราะอยากครอบครองตำแหน่งเจิ้งเฟย ด้วยความริษยาจึงนำพาความวุ่นวายมาให้ ก็เพราะอันอ๋องทอดพระเนตรจวิ้นจู่ด้วยสายตาชื่นชม หลงใหล จะมีสตรีนางใดทนได้เล่า ที่สามีของตนกำลังปันใจให้หญิงอื่น
กระทั่งเวลาที่เขาพูดคุยกับนาง สายตามักเย็นชาเสมอ แต่วันนี้สายตานั้นกลับเปลี่ยนไป แฝงไปด้วยความสงสัยมากมาย เช่นนั้นหวังเหมยฮัวจึงเอ่ยถามว่า “ท่านอ๋อง เหตุใดจึงมองหม่อมฉันด้วยสายตาเยี่ยงนี้เพคะ หม่อมฉันมีอันใดติดอยู่ตรงไหนกันเพคะ”
“เปล่าหรอก เพียงแค่กำลังคิดว่า ช่วงนี้ใบหน้าของเจ้าออกจะซีดเซียวไป เช่นนั้นอีกเดี๋ยวให้หมอหลวงมาตรวจดีหรือไม่” เหลียนเจาอยากรู้นักว่า ชายารองนั้นคิดอ่านอันใดกันแน่
ซ้ำใบหน้ายังขาวซีดเหมือนกับคนป่วยไข้ แล้วอยากรู้ความจริงว่า นางแท้งจริง ๆ ใช่หรือไม่ นางมิได้โป้ปดเขาใช่หรือเปล่า แม้เขาจะเชื่อใจนาง
แต่ก็ไม่เคยไม่ระแวดระวัง ตราบใดที่นางยังพัวพันกับสกุลหวังไม่จบสิ้น หนทางภายภาคหน้านั้น คงเป็นนางเองที่ต้องลำบากเสียแล้ว เขาหวังว่าสิ่งที่นางพูดมานั้นมันจะเป็นความจริง มิเช่นนั้นแล้ว เขาคือคนผิดที่ได้กระทำย่ำยีข่มเหงสตรีไร้ทางต่อสู่ นั่นก็คือซ่งฟางหรูหากเป็นเช่นนี้แล้วละก็ เขาจะชดเชยความผิดครั้งนี้ได้อย่างไรไหว
“รบกวนท่านอ๋องแล้วเพคะ เมื่อก่อนหน้าที่ท่านอ๋องจะมา ญาติผู้พี่เข้าวังมาพร้อมกับท่านลุงหมอ จัดยาบำรุงให้เทียบใหญ่ อีกไม่นานร่างกายก็กลับมาแข็งแรงเช่นเดิมแล้วเพคะ” หวังเหมยฮัวเสแสร้ง
อันอ๋องกลับเลิกคิ้วขึ้น ก่อนหน้าที่เขาจะมาหานางก็ได้พบกับหวังเยี่ยนนี่นา ทานราชครูกำลังจะกลับจวน หาได้มีท่านหมอตามที่หวังเช่อเฟยกล่าวอ้างมา เช่นนั้นแล้ว เหลียนเจาจึงกล่าวตามน้ำไป “เช่นนั้นรึ เอาเป็นว่าเจ้าก็พักผ่อนนะ ข้าขอตัว”