ตอนที่ 2 หาเบาะแสดุเดือด
“อะไรนะ เจ้าบอกว่านาง….ฟื้นงั้นหรือ”
ท่านอ๋องหันมาถามราวกับไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน เขาเป็นคนอุ้มนางไปวางที่เตียง ร่างของเจ้าสาวของเขานั้นสิ้นใจไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย หรือนางถูกยาพิษแกล้งตายเข้าไปงั้นหรือแต่เพื่อสิ่งใดกันในเมื่อนางตั้งใจใช้ผ้าแพรขาวผูกคอตายในห้องส่งตัวแห่งนี้
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
สตรีที่พึ่งฟื้นขึ้นมาแต่ราวกับได้เกิดใหม่มองไปยังห้องส่งตัวที่ประดับด้วยสีแดงทั้งห้องทั้งเทียนคู่และจอกสุรามงคลที่ยังมิได้ถูกยกขึ้นมาดื่ม และตรงหน้าของนาง บุรุษหนุ่มในชุดสีเดียวกับนางค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆ
ฟู่ซิ่วอิงพึ่งจะเห็นพระพักตร์ท่านอ๋องชัดเจนก็ในวันนี้เอง เขาเองก็ดูเหมือนจะพึ่งเห็นนางชัด ๆ ก็วันนี้เช่นกัน
“เจ้า….”
“จินฝูเจ้าออกไปก่อน”
“แต่ว่า!!”
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
“เช่นนั้น…”
“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ต้องการหมอ ฟู่ซิ่วอิง”
นางเพียงส่ายหัวตอบเขาเบา ๆ และพยายามคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ นางจำได้ว่านั่งอยู่ในห้องส่งตัวเพื่อรอเจ้าบ่าวและนางก็เริ่มง่วงและหลับไป มารู้อีกทีก็ถูกแขวนอยู่บนคานไม้ที่สูงและไร้เรี่ยวแรงจนสิ้นลมไป
ซิ่วอิงหันไปมองรอบ ๆ เมื่อจินฝูสาวใช้ของนางออกจากห้องไป บัดนี้มีเพียงท่านอ๋องกับนางอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง
“นั่นเจ้าจะทำสิ่งใด”
นางเปิดผ้าห่มออกและลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง ฉางรุ่ยหยางถึงกับตกใจเพราะนางพึ่งจะฟื้นจาก…ความตายหากเขาเรียกไม่ผิดแต่นี่นางดูราวกับมิใช่สตรีที่ถูกจับได้เมื่อครั้งก่อนตอนอยู่บนเตียงกับเขาเลยแม้แต่น้อย นางเดินลูบไปจนทั่วห้องจนพบบางอย่าง
“อยู่นี่เอง….ช่องส่งกลิ่นยาสลบสินะ ไม่ผิดแน่”
นางลูบรอบ ๆ รู้หน้าต่างนั้น ท่านอ๋องมองตามและเผลอเดินตามนางไปด้วยและต้องตกใจอีกครั้งเมื่อซิ่วอิงหันมา
“เจ้าจะทำอะไร”
“ผ้าแพรนั่น!!”
“เจ้าหมายถึง….”
นางค่อย ๆ เดินไปที่กองผ้าแพรขาวที่ถูกวางเอาไว้มุมห้องด้านในและเริ่มสาว ๆ ดูสิ่งผิดปกติจนพบบางอย่างเป็นจุดดำ ๆ
“รอยนิ้วมือ”
“ว่าอย่างไรนะ”
“ดูจากรอยที่ทิ้งเอาไว้ น่าจะเป็นผู้ชายเพราะใหญ่กว่านิ้วของข้า”
นางพึมพำอยู่คนเดียวแต่คนข้าง ๆ กลับนึกสนใจกับท่าทีที่แปลกไปของนางจนเขาอดจะถามไม่ได้
“เจ้าคิดว่าผู้ที่ทำร้ายเจ้า…”
“แล้วเหตุใดกลิ่นยาสลบจึงหายไปอย่างรวดเร็วนัก หรือว่า…”
“นี่เจ้า…ฟังข้าอยู่หรือไม่ฟู่ซิ่วอิง”
“พระองค์หลีกไปก่อน ทางที่ดีออกไปจากห้องนี้อย่ามาเกะกะหม่อมฉัน”
“อะไรนะ!! นี่เจ้ากำลังพูดว่าข้าเกะกะงั้นหรือฟู่ซิ่วอิง!!”
“เงียบ ๆ หน่อย ขอหม่อมฉันคิดก่อน”
“เจ้า!!”
“หากพระองค์เงียบไม่เป็นก็ออกไปดื่มเหล้าแล้วส่งแขกด้านนอกก่อนอย่ามารบกวนหม่อมฉันที่นี่”
“ฟู่ซิ่วอิง นี่เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังคุยอยู่กับผู้ใด”
“ใช่แล้ว!! ยาสลายพิษ!!”
“ฟู่ซิ่วอิง!!”
อ๋องหนุ่มโกรธจนหน้าแดงเมื่อพระชายาหมาด ๆ ของเขาเอาแต่พร่ำพูดเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ ฉางรุ่ยหยางดึงนางมาที่เตียงและผลักนางล้มลงไป
เขาพึ่งจะมองนางชัด ๆ วันนี้นี่เองเพราะก่อนหน้านี้ท่านอ๋องแทบจะไม่สนใจกับการที่ต้องรับนางมาเป็นพระชายาเลยแม้แต่น้อย คิดไม่ถึงเมื่อได้สบตากับนางอีกครั้งหัวใจเขากลับเต้นรัวดุจกลองศึกเช่นนี้
“ข้าบอกให้เจ้าหยุด”
“ท่านอ๋อง พระองค์จะรีบทำพิธีส่งตัวเข้าหอหรือเพคะ”
“อะไรนะ”
ฟู่ซิ่วอิงหันมาถามท่านอ๋องด้วยความใคร่รู้ หากว่าเขามิอยากแต่งกับนางก็เพียงแค่ให้เขาหย่าก็ได้แล้วแต่ในเมื่อท่านอ๋องผู้นี้ทั้งรูปหล่อ อีกทั้งยังเป็นพระโอรสของฝ่าบาท
เขาจะกลายเป็นเกราะคุ้มกันนางอย่างดีและอีกอย่างที่สำคัญคือระหว่างเขากับนาง ค่ำคืนนี้มิใช่คืนแรกเสียหน่อยเพียงแต่คืนนั้นนางจำอะไรไม่ได้เลยเท่านั้นเอง
“นี่เจ้า!! พูดอะไรออกมาแล้วเจ้ากำลังจะทำสิ่งใด หยุดนะ!!”
“อ้อ ลืมไปว่ายังปลดชุดเจ้าบ่าวไม่ได้ เรายังมิได้ดื่มสุรามงคลนี้เลย หวังว่าในสุราคงไม่มียาพิษอีกนะเพคะ”
“เจ้าว่าผู้ใดวางยาพิษเจ้า!! มีแต่พวกเจ้า….อึก!!”
“ดื่มไปก่อน พูดมากจริง”
นางจับจอกสุราและส่งเข้าไปที่ปากของเขาทันทีเป็นอันจบพิธีดื่มสุรามงคลในรูปแบบของฟู่ซิ่วอิง ท่านอ๋องได้แต่โกรธจนตัวสั่น นับตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยพบสตรีที่หน้าทนเช่นนางมาก่อน นางไม่มีสิ่งใดเหมือนกับสตรีที่บุรุษทั่วเมืองล้วนใฝ่หาเช่น “เมิ่งลี่ถิง” เลยสักนิด
“แคก แคก เจ้า!!…กล้าดีเช่นไร”
“ทีนี้ก็ถอดชุดเกะกะนี่ออกเถิดเพคะแล้วเราจะได้เข้าหอกัน”
“ฟู่ซิ่วอิง เจ้ามันหน้าไม่อาย”
“จะอายทำไมกันเพคะ ในเมื่อคืนนี้ก็มิใช่คืนแรกของพวกเราเสียหน่อย มาเถอะน่า ถึงอย่างไรธรรมเนียมนี้ก็มิใช่ว่าพึ่งมี อย่างไรคืนนี้ท่านก็หนีออกไปจากห้องนี้ไม่ได้อยู่ดี”
“เจ้า!!”
“มานี่เพคะ”
“เดี๋ยวก่อน ฟู่…..”
นางถอดชุดเจ้าบ่าวด้านนอกของเขาออกและก้มลงจูบเขาอย่างเงอะงะ อันที่จริงนางเองก็มิได้อยากจะทำเช่นนี้แต่หากนางยังเป็นพระชายาท่านอ๋อง การสืบเรื่องที่มีคนปองร้ายและสังหารนางจะง่ายมากขึ้น
ดังนั้นในตอนนี้นางจะยัง “หย่า” ไม่ได้นั่นเอง แต่หลังจากจบเรื่องนี้แล้ว นางขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุรุษที่มีสตรีอื่นอยู่ในใจเช่นเขาอีก
“ท่านอ๋อง พระองค์จูบไม่เป็นหรือเพคะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ นี่เจ้ากล้า…”
“เพคะ จูบราวกับทารกดูดนมมารดาเช่นนี้ อ๊ะ!!…อื้มมม!!”
คนอย่างฉางรุ่ยหยางน่ะหรือจะยอมให้ผู้ใดหมิ่นเกียรติเขาเช่นนี้ โดยเฉพาะกับสตรีปากดีเช่นนางเขาไม่มีสิ่งใดเสียเปรียบนางอยู่แล้วในเมื่อนางกล้าท้าทายเขาเช่นนี้ คืนนี้ก็อย่าหวังว่าเขาจะปล่อยนางได้นอนพัก
“อ๊าา รอก่อนเพคะ ชุดนั่น!!”
“ช่างปะไรในเมื่อเจ้ามิได้สนใจก็อย่าเสียเวลา”
“อ๊าา ท่านอ๋องพระองค์ช่างรีบร้อนนัก ดูเหมือนว่าไฟในพระทัยจะมีมากกว่าที่หม่อมฉันคิดนะเพคะ”
“เจ้าพูดมากเช่นนี้คงต้องหาอะไรอุดเสียหน่อยกระมังพระชายา”
“ท่าน!!….อ๊อก!!…”
ดุจการรับคำท้าเมื่อมังกรยักษ์ที่แข็งตัวเต็มที่ถูกยัดเข้ามาในปากอิ่มที่แต้มด้วยชาดสีแดงสดของเจ้าสาว มือทั้งสองของนางถูกตรึงพร้อมกับมือหนาอีกข้างที่กำลังเคล้นที่หน้าอกนางอย่างเมามันเพราะความเสียว
“อาา….”
(เช่นนั้นก็ได้ ในเมื่อจะใช้ท่านเป็นสะพานในการหาคนร้าย ข้าเองก็หนีวังท่านอ๋องไม่พ้น สนุกกันหน่อยก็คงไม่เสียเวลามาก)
นางสะกิดเขาให้ปล่อยเพื่อที่จะได้ปรนเปรอเขาได้สะดวกขึ้น ท่านอ๋องยอมปล่อยเมื่อนางกลับมาเป็นผู้รุกสวนเข้ามา ลิ้นและฟันของนางทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมจนเรียกเสียงครางจากอ๋องหนุ่มได้ มือที่รูดจนสุดและลิ้นที่ลากไปมาและหยุดรัวที่หัวบาน ๆ ด้านบนทำเอาท่านอ๋องครางไม้เป็นภาษา
“เจ้า!!….”
เขาจะทนไม่ไหวแล้วจึงได้ดึงนางขึ้นมาและจูบนางราวกับจะกลืนเข้าไปทั้งตัว ฟู่ซิ่วอิงตอบรับสัมผัสที่เร่าร้อนนั่นได้อย่างถึงใจเขายิ่งนัก
นึกไม่ถึงว่านางจะร้อนดุจไฟเช่นนี้ นิ้วของเขาความหาถ้ำสวรรค์ด้านล่าง แค่นางแอ่นเอนรับเขาเพียงเท่านั้นก็รู้สึกอยากจะทำอย่างอื่นแล้ว
“อ๊าา ท่านอ๋องเพคะ มันเสียวมาก อ๊าาา”
นิ้วมือสากเพราะจับดาบมาครึ่งชีวิตสอดเข้าไปในร่องผกาแสนฉ่ำนั้น ลิ้นหนาสูดกลิ่นช่อปทุมสีสดหวานตรงหน้าอย่างหิวโหยราวกับหิวโหยมาแสนนาน
ทั้งคู่ลืมสิ้นทั้งศักดิ์ศรีและความหยิ่งทะนงในตนเองไม่ว่าจะเป็นฐานะท่านอ๋องสูงศักดิ์ หรือคุณหนูแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ของเมืองหลิงโจวเมื่อถูกไฟปรารถนาเข้าครอบงำ
“อ๊าา!!! เจ็บ…แน่นเหลือเกิน อ๊ะ”
ฉางรุ่ยหยางเองก็รู้สึกไม่ต่างกับนางแต่มันทั้งเสียวแก่นกายและร้อนเร่าในเวลาเดียวกัน เหตุใดเขาจึงรู้สึกต้องการนางมากถึงเพียงนี้ และในตอนนี้ก็ยังต้องการจนไม่อยากทำอย่างอื่น
“พระชายา คืนนี้เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้หยุดพักเลย”