บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

“ไม่ถูกต้องนัก เพราะหลังจากนั้นเพียงปีเศษ หญิงชรานางนั้นก็ไม่อยู่คอยช่วยเหลือนางแล้ว ข้าแวะไปส่งสินค้าที่นั่นพอดี ได้ยินเสียงสตรีร้องไห้คล้ายจะขาดใจตาย พอร้องถามก็พบว่าเป็นภรรยาของท่าน จึงได้เข้าช่วยเหลือ จัดการเรื่องศพของหญิงชราผู้นั้น”

“เหตุใดจึงต้องช่วยเหลือ ไยไม่ปล่อยให้นางดิ้นรนขวนขวายด้วยตนเอง”

“ศิษย์พี่ใหญ่ อย่างไรนางก็เป็นสตรีตัวคนเดียว สูงไม่ถึงอกของท่านด้วยซ้ำ จะให้ข้าปล่อยปละละเลย ไม่สนใจให้ความช่วยเหลือได้อย่างไรกัน!”

หลี่จินหมิงกัดฟันกรอด เขามีน้ำใจและซื่อตรงมากเกินไป ทำให้ทนอยู่ในเมืองหลวงที่มีแต่เหล่าฝูงจิ้งจอกไม่ได้ สุดท้ายจึงขออนุญาตบิดาออกมาทำการค้าที่ต่างเมือง

ทีแรกท่านเสนาบดีหลี่ก็ไม่อนุญาต แต่เพราะเห็นว่าบุตรชายคนเล็กจิตใจงดงาม ทั้งยังไร้เล่ห์เหลี่ยม คงไม่รอดจากคมเขี้ยวของคนใจร้ายในเมืองหลวง หากอยู่รับราชการคงกลายเป็นแพะ ต้องถูกใส่ร้ายเข้าสักวัน คิดได้ดังนั้นจึงยอมให้บุตรชายคนสุดท้องออกไปทำการค้าตามใจปรารถนา

หลี่จินหมิงชอบการต่อรองราคาตั้งแต่ยังเยาว์ ทั้งตระกูลฝั่งมารดายังเป็นตระกูลคหบดี เรียกได้ว่ามีความเป็นพ่อค้าอยู่ในสายเลือด ใช้เวลาไม่นานก็เป็นที่รู้จักว่าเชื่อถือได้อย่างมาก ร้านค้าในเมืองหลายร้านล้วนเป็นกิจการของพ่อค้าหลี่ ทำกำไรจนนับเงินแทบไม่ทันแล้ว

ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่ตวนอ๋องเฉินฟาหยางยังไม่ทราบ นั่นคือรองแม่ทัพเสวียนซือเหยาได้ฝากจดหมายให้เขาดูแลบุตรสาว หากนางถูกส่งมาอยู่ที่ตำหนักร้างในเมืองนี้ หลี่จินหมิงยามนั้นยังเยาว์ ไม่แน่ใจว่ารองแม่ทัพล่วงรู้ความคิดของตวนอ๋องได้อย่างไร แต่พอตรองดูแล้วจึงตระหนักได้ว่าศิษย์ร่วมอาจารย์ผู้นี้ เกลียดใครก็ไม่อยากพบหน้า หากแต่งนางเป็นพระชายาคงต้องให้อยู่ไกลจากสายตาให้มากที่สุด

ตวนอ๋องไม่อยากเห็นหน้านาง ให้อยู่ตำหนักร้างจึงเหมาะสมที่สุดแล้ว

“จินหมิง ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบนางกระมัง” เฉินฟาหยางจ้องจับผิดศิษย์น้อง เห็นประกายวูบไหวในดวงตาอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกไม่สบายใจนัก

“ท่านรู้จักข้ามานาน ย่อมทราบดีว่าข้ามิใช่คนชอบทำเรื่องผิดศีลธรรม ที่ต้องพบเจอกับนางก็เพราะเรื่องการซื้อขายข้าวสารอาหารแห้งเท่านั้น”

“เจ้าชอบนางก็ไม่แปลก นางเป็นคนงาม เมื่อคืนข้าจึงอดใจไม่ไหว จริง ๆ แล้วอาจต้องแวะเวียนมาบ่อย ๆ นางจะได้ไม่ลืมว่าใครเป็นเจ้าชีวิตของนาง เจ้าเองก็น่าจะรู้ หากข้าไม่แต่งกับนาง บุตรสาวอนุภรรยาของเสวียนซือเหยาคงประสบชะตากรรมที่ไม่ดีนัก”

เฉินฟาหยางยิ้มเหยียดยามเห็นศิษย์น้องทำตาลุกวาว จงใจยืดลำคอขาวให้อีกฝ่ายได้เห็นรอยกัด อยากกล่าวเท็จไปว่าคืนที่ผ่านมาร้อนแรงมากเพียงใด แต่พอเห็นดวงหน้าที่เดี๋ยวแดงก่ำเดี๋ยวซีดขาว เขาจึงไม่อยากแกล้งจนเกินควร

“ท่าน...ร่วมหอกับนางแล้ว”

หลี่จินหมิงกระซิบ หัวใจแตกสลายกลายเป็นผุยผง เขาแอบหลงรักนางมานาน แต่ขนบธรรมเนียมและความเหมาะสมทุกประการไม่อนุญาตให้ทำตามหัวใจ จึงทำได้เพียงคอยช่วยเหลือนางอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น

“เจ้าพูดคล้ายกับว่าสิ่งที่ข้าทำเป็นเรื่องประหลาด นางเป็นเมียข้า ข้าจะทำอย่างไรก็ย่อมได้”

“พอได้แล้ว! นี่ท่านไม่มีธุระให้ทำหรืออย่างไร เหตุใดจึงยังเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าต้องคุ้มกันองค์หญิงต่างแคว้นกลับเมืองหลวงหรอกหรือ”

“จริงสิ ข้าเพลิดเพลินตลอดคืนจนลืมเรื่องงาน ต้องขอบใจเจ้านักที่เตือนสติ หลังจากส่งองค์หญิงไป๋ซู่หลินกลับเมืองหลวงแล้ว เราคงจะได้พบกันบ่อยขึ้น หากเจ้าพอมีเวลา ข้าอยากให้ซ่อมแซมตำหนักเยว่ฉีให้ดี หากนางถามไถ่มากความก็บอกว่าพระสวามีของนาง ตวนอ๋องเฉินฟาหยางเป็นผู้ออกคำสั่ง แต่อย่าพูดเรื่องที่ข้าแวะไปหานางเมื่อคืนเล่า ข้าว่านางคงจะยังอายอยู่มาก ตอนที่ข้าออกมา นางยัง...ลุกจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“ศิษย์พี่ใหญ่! อย่างไรนางก็เป็นชายาของท่าน อย่าปากร้ายให้มากนัก!”

“ชายาของข้าเช่นนั้นหรือ ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมา เจ้าทำหน้าที่แทนข้าไปแล้วกระมัง”

“ปากสุนัข! เมื่อคืนท่านร่วมหอกับนางแล้ว ไยยังกล้าพูดจาเช่นนี้ หรือว่า...หึ! สุดท้ายท่านก็เผยความจริงเพราะความหยิ่งยโสของตนโดยแท้ ว่าแต่แผลที่ถูกนางกัดมานั่น เจ็บมากหรือไม่เล่า”

หลี่จินหมิงยิ้มหยัน แม้อีกฝ่ายสูงศักดิ์กว่ามาก แต่ก็เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์ เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องต่างสายเลือด หาจำเป็นต้องระมัดระวังมารยาทให้มากความแต่อย่างใดไม่

“เจ้ายังฉลาดไม่เปลี่ยน แต่ไม่ได้ร่วมหอกับนางแล้วอย่างไร รอข้ากลับมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อยากทำตามใจตนเองมากเพียงใดก็ย่อมได้ ถึงเวลานั้นข้าคงได้รู้ว่าภรรยาและศิษย์น้องได้แอบสวมหมวกเขียว ให้ข้าแล้วหรือไม่!”

เฉินฟาหยางซ่อนความขุ่นเคืองไว้ในใจ แม้เขาจะเกลียดชังเสวียนซือชิง แต่ไม่ได้หมายความว่าชายอื่นจะมีสิทธิ์แตะต้องนาง

ความบริสุทธิ์ของเสวียนซือชิงคือสิทธิ์ของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ตักตวงให้สาสมกับความคับแค้นก่อนตีจาก นับว่าเหมาะสมดีแล้วมิใช่หรือ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel