บทที่ 8
ตวนอ๋องเฉินฟาหยางห่วงแต่ลาดตระเวน ตรวจตราความปลอดภัยของขบวนเดินทางจนมาร่วมดื่มน้ำชายามบ่ายกับโฉมงามต่างแคว้นไม่ทัน นางน้อยใจหนักจึงไม่ยอมให้พบหน้า นางกำนัลที่เดินทางมาด้วยจึงกล่าวว่าหากได้ดอกไม้หายากมาประดับแจกันหยก เขาอาจได้เจอนางอีกครั้ง แต่หากไม่ได้มาแล้ว นางอาจไม่ยกโทษให้และแน่นอนว่าคงไม่ยอมให้เขากอดจูบอีก
ร้อยวันพันปีเฉินฟาหยางไม่เคยง้อสตรีใด แต่สตรีนางนั้นเป็นถึงองค์หญิงต่างแคว้น ถูกส่งมาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีข้อแม้ว่านางต้องเป็นฝ่ายเลือกคู่ครองเอง หากสองฝ่ายตกลงปลงใจก็จัดการทุกอย่างได้ตามต้องการ
หากได้แต่งนางเข้าจวนอ๋อง อำนาจของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้น มิต้องเกรงใจองค์ฮ่องเต้ที่ผิดใจกันเพราะเรื่องราวเมื่อสามปีก่อน คำสั่งห้ามมิให้เข้าวังหลวงก็อาจถูกยกเลิกไป เนื่องจากต้องเห็นแก่หน้าขององค์หญิงต่างแคว้นเป็นสำคัญ
องค์หญิงไป๋ซู่หลิน อายุสิบเก้าชันษา ทว่ายังไม่ได้ผ่านพิธีมงคล ดวงหน้าของนางงดงามปานนางสวรรค์ กิริยาวาจาอ่อนหวาน มองปราดเดียวก็ทราบได้ว่าถูกเลี้ยงดูให้เพียบพร้อมตามสามหลักเชื่อฟังสี่จรรยา นางอ่อนกว่าเขาเกือบสิบสี่หนาวก็จริง ทว่าเฉลียวฉลาด รู้จักพูดจาเอาอกเอาใจ ต่างจากพระชายาตำหนักร้างโดยสิ้นเชิง
ใช่ว่าเสวียนซือชิงไม่งดงามหรือขาดเสน่ห์ที่สตรีพึงมี เพียงแต่นางคือบุตรีของเสวียนซือเหยา รองแม่ทัพที่เขาชิงชังมากก็เท่านั้น หากพูดกันโดยปราศจากอคติแล้ว เฉินฟาหยางยังมิแน่ใจว่าองค์หญิงต่างแคว้นหรือนางกันแน่ที่มีความงามเหนือกว่ากัน
“เรื่องความงามหาสำคัญไม่ เรื่องอื่นต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า”
เดิมทีเฉินฟาหยางคิดว่าเมื่อเจอกันแล้วก็ควรพูดจากับนางตรง ๆ ว่าต้องการหย่า แต่ถ้าเสวียนซือชิงนิสัยคล้ายกับบิดาอย่างที่เขาคาดไว้จริง นางคงไม่ยินยอมโดยง่าย ฟังจากบทสนทนาที่เขาลองหยั่งเชิงดูว่านางคิดอย่างไรหากพบว่าพระสวามีมีใจให้สตรีอื่น เขาก็ยิ่งมั่นใจว่านางไม่มีวันยอมหย่าแน่
ยิ่งพบว่านางงามเช่นนั้นแล้ว เขาจะปล่อยปลาลงน้ำ โดยไม่จับทำน้ำแกงกินก่อนได้อยู่หรือ
“ยิ้มร้ายกาจเช่นนี้ ศิษย์พี่ใหญ่คิดแผนชั่วอยู่ใช่หรือไม่”
“ปล่อยข้ารอนานเกือบสองเค่อ หลี่จินหมิง! เจ้ายังกล้าปากดีอยู่อีกหรือ”
“ไม่กล้าแล้ว! ไม่กล้าแล้ว!” หากมีใครในใต้หล้าที่กล้าหยอกเย้าตวนอ๋องเฉินฟาหยาง คนผู้นั้นก็คงมิพ้นศิษย์น้องร่วมอาจารย์ บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีฝ่ายซ้ายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
หลี่จินหมิง พ่อค้าหนุ่มรูปงามอายุสิบเก้าปี หัวเราะเสียงดังอวดฟันขาวสะอาด แสร้งคำนับผู้สูงศักดิ์ด้วยท่าทางคล้ายคนกำลังหวาดกลัว บรรดาพ่อค้าและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นดังนั้นก็เกิดความสงสัย ว่ายังมีผู้ใดที่บุตรชายคนโปรดของท่านเสนาบดีหลี่ ต้องแสดงความนอบน้อมเช่นนั้นด้วยหรือ
มีเพียงเถ้าแก่และเสี่ยวเอ้อร์ที่พอจะเข้าใจแล้วว่าคุณชายรูปงามผู้นั้นคือใคร จึงต่างพากันเหงื่อตก มือไม้สั่นเทา ด้วยกลัวว่าหากทำอันใดผิดแล้วอาจถูกกุดหัว หรือลากเอาไปทำปุ๋ยบำรุงต้นไม้ที่จวนอ๋องในภายหลัง
“เจ้าเลิกทำตัวน่ารำคาญ คนมองกันหมดแล้ว”
เฉินฟาหยางดุศิษย์ผู้น้องเสียงเข้ม ไม่อยากเปิดเผยตนเองให้ผู้คนแตกตื่น ชื่อเสียงของเขาไม่ได้ย่ำแย่ แต่ความเย็นชาและความโหดร้ายยามบุกตะลุยข้าศึกก็ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกสบายใจยามต้องสนทนาด้วยนัก
ปิดบังตัวตนเอาไว้ย่อมเป็นการดี
“ท่านมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน เหตุใดจึงนัดข้ามายังโรงเตี๊ยม ไม่ไปหาที่บ้าน” หลี่จินหมิงทราบดีว่าศิษย์พี่ไม่ชอบสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน การว่าจ้างให้คนนำจดหมายไปแจ้งที่บ้านเพื่อตามตัวเขามายังที่นี่ จึงเป็นเรื่องค่อนข้างน่าประหลาดใจ
“มาเมื่อคืนและพักที่ตำหนัก...ที่บ้าน ทว่าที่นั่นไม่มีอะไรกิน ข้าจึงแวะมายังโรงเตี๊ยม บ้านของเจ้าต้องเดินอีกเกือบสองเค่อ ข้าคงหิวตายก่อน”
เฉินฟาหยางเล่าว่าม้าตื่นตระหนกเพราะสภาพอากาศ หนีเตลิดไปตั้งแต่เมื่อวาน เพิ่งจะเจอตัวไม่นานนี้เอง
“ท่านพักที่นั่น แล้ว...พบนางหรือไม่”
“พบแล้ว นึกไม่ถึงว่านางจะลำบาก กระทั่งเนื้อสัตว์ก็ไม่มีกิน แต่ก็สมควรแล้ว ชดใช้กรรมที่บิดาก่อเอาไว้บ้างย่อมเป็นเรื่องดี” พูดออกไปเช่นนั้นแล้วจึงนึกได้ว่าเสวียนซือชิงลำบากก็จริง ทว่ายังมีคนลอบให้ความช่วยเหลือ และคนผู้นั้นก็คือบุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้า
‘ข้าอยู่ที่นี่นานสามปีไม่เคยมีแขก เว้นแต่พ่อค้าหลี่ที่แวะมาส่งข้าวสารอาหารแห้งนาน ๆ ครั้ง’
เฉินฟาหยางจำไม่ได้ว่าตนเคยร้องขอให้ศิษย์น้องดูแลนางในตำหนักร้างหรือไม่ พอตรองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็มั่นใจแล้วว่าเขาไม่ได้ขออะไรเช่นนั้น เป็นหลี่จินหมิงที่ทำทุกอย่างด้วยตนเอง
แล้วเขาจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไรกัน
“นางกล่าวว่ามีพ่อค้าหลี่แวะมาส่งข้าวส่งอาหาร เป็นเจ้าใช่หรือไม่”
“พ่อค้าที่ร่ำรวยและใจกว้าง ทั้งยังใช้สกุลหลี่ ในเมืองนี้ย่อมมีข้าเพียงคนเดียว ช่วงแรกข้านำข้าวสารและอาหารแห้งไปขายที่นั่น พบเพียงท่านป้าสุ่ยคอยจ่ายเงิน”
“ที่แท้นางไม่ได้ลำบากอย่างที่ต้องการให้ข้าเข้าใจ ยังมีคนคอยให้ความช่วยเหลือ หึ!”
