บทที่ 24
หากมีผู้ใดได้เห็นสีหน้าของตวนอ๋องเฉินฟาหยางในยามนี้ก็คงมิอยากเชื่อ ทีแรกก็โกรธเคืองเนื่องจากสาวงามในบ้านชวนบุรุษอื่นให้ร่วมรับประทานอาหารต่อหน้า แม้เจตนาบริสุทธิ์ของนางจะคลายความมิพอใจลงไปได้บ้าง แต่พอเห็นมือเรียวบางจัดวางที่นอนลงบนพื้นห้อง จากที่โกรธเคืองก็เปลี่ยนไปเป็นน้อยใจอย่างน่าประหลาด
“เหตุใดจึงนอนที่พื้น เตียงข้าออกจะกว้าง รับเจ้าได้อีกคนไม่ลำบาก”
เป็นเฉินฟาหยางที่วางแผนการเอาไว้แต่แรก หากสองสาวใช้อยู่ประจำที่นี่แล้ว นางคงหาข้ออ้างไม่นอนร่วมเตียงกันไม่ได้แน่ นึกไม่ถึงว่าเสวียนซือชิงจะยอมลำบากนอนพื้นห้องเย็นเฉียบ
“อย่างไรท่านพี่ก็เป็นบุรุษ หากซือชิงนอนเตียงด้วย เกรงว่าท่านพี่จะลำบากใจเจ้าค่ะ”
“ที่แท้เจ้ากลัวถูกข้าปลุกปล้ำ ดูท่าซือชิงคงมิเคยไว้ใจท่านพี่คนนี้ หากเลือกได้เจ้าคงเลือกคุณชายหลี่ เพราะเขาคอยดูแลเจ้าในช่วงลำบากนานถึงสามปี ซือชิง หากตวนอ๋องยกเจ้าให้เขาแทน เจ้าคงจะมีความสุขมากกว่าการทนอยู่ดูแลข้า ใช่หรือไม่” เฉินฟาหยางมิเข้าใจว่าเหตุใดหัวใจจึงรู้สึกคล้ายถูกบีบแรง ๆ เขามิเคยเป็นเช่นนี้มาก่อนจึงหงุดหงิด จนต้องทิ้งร่างลงนอนตะแคงเพื่อหนีหน้าเสวียนซือชิงอีกครั้ง
“ท่านพี่ เหตุใดท่านจึงคิดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ”
“นอนเถิด ไม่กวนใจเจ้าแล้ว ไว้พรุ่งนี้จะหาเตียงเล็กมาวางริมหน้าต่างให้ หากพวกสาวใช้สงสัยก็จงบอกไปว่าข้าอยากเอนหลังอ่านหนังสือยามบ่าย มิใช่ว่าเจ้ารังเกียจจนมิยอมร่วมเตียงด้วย”
ตวนอ๋องกล่าวออกไปเช่นนั้นแล้วก็ตระหนักได้ว่าตนมิใช่แค่บุรุษปากร้ายยามนิ่งเฉย ป้อนคำหวานเก่งยามหลอกล่อ ทว่ายังตัดพ้อต่อว่าเก่งเสียยิ่งกว่าสตรี แต่ก็เพราะเสวียนซือชิงที่ทำให้เขากลายเป็นเช่นนี้มิใช่หรือ
ยังมิทันสรุปได้ว่าเหตุใดตนจึงกลับกลายเป็นคนเช่นนี้ วงแขนเล็กพลันสอดกอดเอวของเขาอย่างหลวม ๆ ตวนอ๋องเฉินฟาหยางตัวนิ่งแข็งไปชั่วขณะ พอปรับลมหายใจได้แล้วจึงรีบหันกลับไปมองดวงหน้าหวานที่กำลังแดงจัดราวกับผลไม้ป่าประเภทหนึ่ง
“ซือชิงไม่เข้าใจ เหตุใดท่านพี่จึงต้องกังวลเรื่องคุณชายหลี่นักล่ะเจ้าคะ”
เสวียนซือชิงถามอย่างกังวล มิรู้ตัวเลยว่าความใสซื่อได้ทำให้อีกฝ่ายยอมเผยเรื่องกวนใจออกมาจนหมดเปลือก
“ไม่ให้กังวลได้อย่างไร จินหมิงเพิ่งจะอายุสิบเก้า เจ้าเองก็แค่สิบแปด นับได้ว่าเป็นคนรุ่นเดียวกัน ย่อมพูดจาเข้าใจกันมากกว่า ส่วนข้าปีนี้สามสิบสามแล้ว อีกไม่นานผมคงขาวโพลน หมดสิ้นความงาม ถึงเวลานั้นเจ้าคงไม่ใส่ใจ ไม่ยินยอมนอนกอดข้า หันไปชื่นชอบบุรุษรุ่นราวคราวเดียวกันแทนกระมัง”
เมื่อเห็นว่านางเงียบไปไม่ตอบโต้ ทั้งยังคลายอ้อมกอดอย่างละมุนละม่อม เฉินฟาหยางก็ยิ่งปวดใจ เชื่อไปแล้วว่านางคงคิดเช่นเดียวกับหลี่จินหมิง ว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า เขาคงไร้เสน่ห์ หมดสิ้นความงาม สู้ผู้ใดไม่ได้แล้วจริง ๆ
“ที่เจ้าเงียบไป เพราะคิดว่าข้าแก่จริง ๆ ใช่หรือไม่ เพราะเจ้า...คิดชอบผู้อื่นใช่หรือไม่”
“เปล่านะเจ้าคะ” เสวียนซือชิงส่ายหน้า “ซือชิงเพียงไม่เข้าใจว่า เหตุใดท่านพี่จึงคิดไปไกลนัก วาสนาของเราสองยาวนานที่สุดก็แค่หกเดือน หลังจากนั้นก็ต้องลาจาก และอีกอย่าง หากข้าจะมีใจให้ใครบ้าง บุรุษผู้นั้นย่อมต้องเป็นท่านพี่ที่ใจดีกับข้าอย่างที่สุดแล้ว และต่อให้ท่านพี่แก่ชราผมขาวโพลน ซือชิงก็คงจะยังรู้สึกดีกับท่านพี่ไม่แปรเปลี่ยน ส่วนคุณชายหลี่ ซือชิงนับถือเป็นพี่ชายเท่านั้นเจ้าค่ะ”
คำหวานของเสวียนซือชิงเปรียบได้ดั่งน้ำผึ้งป่า ฟังแล้วคอที่แห้งผากนานหลายชั่วยามพลันชุ่มฉ่ำ กระทั่งเบื้องล่างก็ตื่นตัวขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ แข็งขืนยิ่งกว่ายามเห็นสตรีแก้ผ้ายั่วยวนตรงหน้าเสียอีก
เฉินฟาหยางคิดคำนวณเวลาที่เหลืออย่างรวดเร็ว หากนับดูให้ดีแล้ว เขาพลาดโอกาสในการนอนกอดเสวียนซือชิงมานานนับสิบวัน คืนนี้นางเป็นฝ่ายออดอ้อนเอาใจ หากโปรยเสน่ห์อีกสักหน่อย ไม่แน่ว่านางอาจใจอ่อน ยอมร่วมเตียงกอดก่ายให้เขาคลายความรุ่มร้อนไปได้บ้าง
“หากไม่คิดอันใดกับจินหมิง เจ้าก็จงจูบเอาใจข้า หาไม่แล้วข้าคงมิอาจเชื่อใจเจ้าได้”
“ท่านพี่...” เสวียนซือชิงชะงักไปครู่หนึ่ง เม้มกลีบปากสีหวานแน่น แต่สุดท้ายกลับค่อย ๆ ทาบจูบเอาใจคุณชายเฉินหยาง ไม่เอ่ยขัดเมื่อเขาพลิกตัวคร่อมทับและใช้ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าหยอกเย้าอย่างชำนาญ สร้างความปั่นป่วนหวามไหวให้กับหัวใจของนางอย่างที่สุด
ตวนอ๋องเฉินฟาหยางเห็นว่านางไม่ขัดข้องก็ยิ่งรุกหนัก มือใหญ่สอดเข้าใต้เสื้อตัวบาง พบว่าด้านในว่างเปล่า มีเพียงความอ่อนนุ่มชูชันเพราะถูกกระตุ้นอย่างอ่อนโยน เขาคลึงเคล้นดอกบัวคู่งามอย่างทะนุถนอม จำได้ว่าคราวก่อนได้ช่วงชิมความหอมหวานแล้วแทบอดใจไม่ไหว ทว่าหลายวันมานี้นางไม่ได้ผอมบางดังเดิม จากที่เต็มมืออยู่ก่อนหน้า ยามนี้จึงล้นหลามไปมาก
เสวียนซือชิง...เสวียนซือชิง
“ท่านพี่บอกว่าแค่จูบเอาใจมิใช่หรือเจ้าคะ”
เสวียนซือชิงกล่าวทันทีที่ริมฝีปากได้รับอิสระ นางนอนตัวสั่นสะท้าน ไม่กล้าขัดใจบุรุษตรงหน้า ทำได้เพียงถามเพื่อเรียกสติ เผื่อว่าเขาจะเมตตา ไม่บีบบังคับนางเกินกว่าจะทนไหว
“ได้กอดเจ้าแล้วก็อยากจะกอดให้แน่นยิ่งขึ้น ได้จูบปากนุ่มของเจ้าแล้ว ก็อยากจะจูบให้ทั่วทั้งตัว ซือชิง ท่านพี่ของเจ้าขอทำมากกว่านี้ได้หรือไม่”
เสียงของเขาแหบพร่า ทำหัวใจดวงน้อยสั่นไหว เกือบจะใจอ่อนให้กับบุรุษที่รู้จักกันได้เพียงมิกี่วัน
“ร่างกายของซือชิงเป็นของท่านพี่แล้ว แม้ใจยังไม่พร้อม แต่คงขัดขืนอันใดมิได้ มีเรื่องเดียวที่ทำให้ยังไม่สบายใจอยู่บ้าง”
“ซือชิง...” เฉินฟาหยางผละออกตั้งแต่นางบอกว่าใจยังมิพร้อมแล้ว
“ที่ผ่านมาข้าคิดตลอดว่าตนคงมิใช่สตรีที่ดี แต่งให้กับตวนอ๋องก็มิได้รับโอกาสให้ทำหน้าที่ อยู่กับท่านพี่แล้วก็ยังไม่พร้อมเอาอกเอาใจ ซ้ำในสายตาของท่านพี่ ข้ายังเป็นสตรีที่ใช้ไม่ได้ แอบชอบคุณชายหลี่ด้วยอีกคน ยามนี้คงทำได้เพียงร่วมหลับนอนกับท่านพี่ เพื่อพิสูจน์ว่าใจของข้ามิได้แอบมีผู้ใดซ่อนอยู่แล้ว”
เสวียนซือชิงฝืนยิ้มหวาน วางมือเล็กลงบนไหล่หนา เลื่อนไล้ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ทว่ายังมิทันได้ทำดั่งที่คิด เสียงนุ่มทุ้มแหบพร่าก็หยุดความตั้งใจของนางเอาไว้เสียก่อน
“น่ารักขนาดนี้ ข้าจะฝืนใจเจ้าได้อย่างไรไหว” คุณชายเฉินหยางห่อตัวสาวงามด้วยผ้าห่ม ฝังจมูกลงบนแก้มนุ่มแรง ๆ และกอดก่ายนางไปจนถึงเช้า โดยมิทำอันใดที่มากกว่านั้นอีก
เสวียนซือชิงเกิดมาเพื่อทดสอบความอดทนของเขาโดยแท้
