บทที่ 15
เฉินฟาหยางหรี่ตามองสาวงามที่ทำให้เขาและศิษย์ร่วมอาจารย์เกือบต้องเข่นฆ่ากัน ดวงตาฉายความตื่นตระหนกและหวาดกลัวของนาง ทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มปรารถนา เบื้องล่างเคร่งครัด อยากกอดกระหวัดรัดรึงนางให้สมกับความเคียดแค้น ทว่าตอนนี้คงต้องสนทนากันให้เข้าใจเสียก่อนที่จะทำเรื่องที่ร่างกายของเขาต้องการได้
“คุณชายเฉิน” เสวียนซือชิงยอมเอ่ยทักทายในที่สุด ก่อนผายมือเชิญเขาไปยังห้องรับรองแขก
“นับว่ายังมีมารยาทอยู่บ้าง” เฉินฟาหยางออกคำสั่งต่อสองสาวใช้ มิให้รบกวนยามพูดคุยธุระสำคัญ ทั้งยังกล่าวเสร็จสรรพด้วยว่าต้องการกินดื่มอันใดในมื้อค่ำที่จะถึงในอีกสองชั่วยามข้างหน้า โดยมิได้สนใจมองสตรีที่ทำหน้าพะอืดพะอมอยู่ไม่ไกลนัก
“เลิกทำหน้าอมทุกข์ รีบมานั่งข้าง ๆ ข้าได้แล้ว”
“ไม่ทราบว่าคุณชายมีหลักฐานที่ข้าขอมาด้วยหรือไม่”
“หึ! มิยอมเสียเวลาเลยสินะ หากต้องการหลักฐานก็เข้ามาใกล้ ๆ สิ”
เฉินฟาหยางรื่นรมย์กับท่าทางระแวดระวังของนาง เขาแสร้งนั่งสงบนิ่งไร้พิษสง แต่พอนางขยับเข้ามาใกล้ก็คว้าร่างนุ่มนิ่มมานั่งบนตักกว้างทันที
“คุณชายปล่อยข้าเถิดนะเจ้าคะ”
เนื้อตัวของนางหอมสดชื่นดีจริง ๆ
“มิอยากเห็นหนังสือเล่มโปรดของตวนอ๋องหรอกหรือ” เสวียนซือชิงนิ่งชะงักไม่กล้าผลักไส ทว่าเนื้อตัวยังคงสั่นสะท้านดังเดิม เฉินฟาหยางจึงเดาได้ว่านี่คือครั้งแรกที่นางถูกโอบกอดจากบุรุษ และในความคิดของนางแล้ว เขามิใช่ ตวนอ๋องผู้เป็นพระสวามี
ทว่าเป็นเพียงญาติห่าง ๆ ที่กำลังจะได้ครอบครองนาง
“เจ้ากล่าวว่าจะปรนนิบัติข้าอย่างดีที่สุด หากทุกอย่างเป็นความจริง ยังจำได้หรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
เสวียนซือชิงมิชอบสายตาของคุณชายเฉินหยางนัก แต่ในเมื่อไร้ทางเลือก จึงจำยอมให้เขารังแก หากพบว่าถูกเอาเปรียบค่อยตำหนิรุนแรงและขอให้คุณชายหลี่ช่วยจัดการในภายหลัง
นางมองมือหนาล้วงเข้าไปในอกเสื้อของตน หยิบเอาหนังสือเล่มเล็กและกระดาษอีกมวนออกมาด้วย เพียงแค่เห็นชื่อหนังสือบนหน้าปก เสวียนซือชิงก็พลันรู้สึกหายใจลำบาก แต่กระนั้นก็ค่อย ๆ เลื่อนเปิดกระดาษแผ่นบาง เห็นตราประทับและตัวหนังสือยาวเหยียดเป็นสิ่งแรก
“เป็นหนังสือเล่มนั้นจริง ๆ” หัวใจของนางคล้ายหล่นลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้าเสียแล้ว
เสวียนซือชิงรู้สึกว่าแขนของคุณชายเฉินหยางกระชับแน่นเสียยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังวางฝ่ามือร้อนระอุลงบนต้นขาเรียวเล็ก พยายามปัดป้องอย่างไรก็มิยอมเลิกรา เขาวนเวียนนิ้วโป้งด้วยน้ำหนักที่ทำให้นางรู้สึกเสียดเสียวบริเวณท้องน้อยแทบขาดใจ ทว่าสิ่งทำให้เสวียนซือชิงแทบสิ้นสติจริง ๆ นั้น กลับเป็นข้อความที่อยู่บนกระดาษต่างหากเล่า
‘เสวียนซือชิง โปรดจำไว้ว่าเฉินหยางคือผู้มีพระคุณของข้า จงดูแลเขาให้ดี ครบถ้วนสมบูรณ์ในทุกด้าน ตอบแทนที่ข้าให้ชีวิตใหม่ต่อเจ้า หากมิต้องการทำเช่นนั้น เจ้าจงลงนามในหนังสือที่ข้าแนบไปด้วย – เฉินฟาหยาง’
ตวนอ๋องต้องการให้นางลงนามอะไรกันแน่ !?
“เจ้าสร้างความลำบากใจให้ข้ายิ่งนัก ตวนอ๋องรักหนังสือเล่มนี้มาก ยามเขียนข้อความลงบนกระดาษเปล่าหน้าแรก เขาโกรธข้ามากเลยทีเดียว ไม่สิ ต้องใช้คำว่าโกรธเจ้ามาก เพราะเจ้าเป็นผู้ร้องขอหนังสือเล่มโปรดจากเขา รั้งรออะไรอยู่เล่า ไยไม่เปิดอ่านหนังสือที่เจ้าสมควรอ่าน เรียบร้อยทุกอย่างแล้วเจ้าจะได้ดูแลข้าสักที”
มือเรียวบางของเสวียนซือชิงสั่นสะท้าน มิแน่ใจว่าเป็นเพราะคุณชาย เฉินหยางฝังจมูกโด่งสวยลงบนซอกคอขาว หรือเพราะหนังสือสัญญาที่อยู่ในมือ
นางแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าตวนอ๋องผู้เป็นพระสวามีแนบหนังสือหย่ามาให้ แต่กระนั้นก็ยังมิอยากเชื่อว่าทุกอย่างเป็นความจริง จึงเปิดหนังสือไปยังหน้าสุดท้าย เสวียนซือชิงแทบกัดลิ้นตัวเอง เมื่อพบรูปกระต่ายตัวเล็กที่นางวาดเอาไว้ ยังอยู่ตรงมุมกระดาษแผ่นนั้นด้วย
เป็นหนังสือเล่มโปรดของตวนอ๋องไม่ผิดแล้ว
“ว่าอย่างไร เจ้ายินดีจะหย่า หรือว่าดูแลข้า แต่ข้าอยากให้เป็นอย่างหลังมากกว่า เจ้าหอมหวานทั้งตัว ข้าแทบอดกลั้นความต้องการมิไหวแล้ว”
ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงบนแก้มนุ่มอย่างทะนุถนอม ทว่ายังมิทันได้เชยชิมกลีบปากหวานฉ่ำ เสวียนซือชิงก็สะบัดตัวอย่างแรง ดิ้นหลุดจากอ้อมกอดเร่าร้อนไปเสียก่อน
“คุณชายโปรดให้เวลาข้าสักหน่อยเถิดนะเจ้าคะ”
